วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

เรื่องเหล้า : เชียงใหม่


 
รถทัวร์ปรับอากาศชั้น 2 กำลังจะถึงเวลาเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาหมอชิต ป้ายหมายเลขประจำช่องชานชาลาแสดงสถานีปลายทางเป็นเชียงใหม่ แสงแดดอ่อนเพิ่งจะลาลับขอบฟ้าไปไม่นาน แต่อุณหภูมิที่ร้อนระอุในช่วงกลางเดือนเมษายนยังคงช่วยรีดเหงื่อไคลให้ไหลออกมาจากร่างกายใครหลายคนได้ดียิ่งนัก

ร้านรวงที่บริการน้ำดื่มบรรจุขวดแช่เย็นต่างทำกำไรได้ดีในช่วงเวลาที่ผู้คนต่างขาดน้ำและความเย็น น้ำอัดลมในขวดพลาสติกซ่าเย็นฉ่ำเชื้อเชิญให้บรรดาผู้ที่ผ่านไปผ่านมาควักเงินไปแลกมันมาดื่ม โดยที่พวกเขาไม่เกรงกลัวความรุนแรงของกรดที่ใส่ลงไปในน้ำสีสดใสนั่นจะกัดเนื้อกระเพราะนิ่ม ๆ ไม่ต่างจากโบ้และอัดที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังถือขวดเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อยอดฮิตขนาด 500 มิลลิลิตรในมือ และทั้งสองซัดโฮกน้ำในขวดกันคนละอึกสองอึกก่อนจะเดินขึ้นรถทัวร์ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำรอไว้

แม้จะเป็นรถ ป.2 แต่ในตัวรถก็ยังคงเปิดแอร์เย็นฉ่ำขับไล่ความอ่อนล้าของทั้งโบ้และอัด พวกเขาเข้าไปนั่งยังเบาะนั่งหน้าสุด โบ้สูดหายใจยาวพร้อมมองออกไปกว้าง ๆ ทะลุกระจกรถ เขาเห็นสีหน้าผู้คนมากมายที่กำลังต่อสู้กับความวุ่นวายและความร้อนจากอากาศภายนอก รวมถึงบางคนสีหน้ายังแสดงความว้าวุ่นในใจดูพะว้าพะวังที่จะกลับไปพบญาติที่บ้านเกิดในวันปีใหม่ไทย

แต่การเดินทางของโบ้ในครั้งนี้ไม่ใช่การกลับไปพบญาติที่จังหวัดเชียงใหม่ เขาเพียงแต่ต้องการไปเที่ยวเชียงใหม่โดยการติดตามอัดที่บ้านเกิดอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ อัดจะกลับไปเยี่ยมพ่อละแม่ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์

“เชียงใหม่ ๆ จะได้ไปเชียงใหม่แล้วโว้ย” โบ้ทำเสียงตื่นเต้นจากการที่เขาจะได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก

“มึงเป็นบ้าอะไรวะ เชียงใหม่ก็แค่จังหวัด ๆ หนึ่งในประเทศไทยเท่านั้นเอง” อัดพยายามพูดตัดรำคาญจากความกะดี๊กะด๊าของเพื่อน

“ก็เชียงใหม่เป็นเมืองสวยงามนี่ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ ธรรมชาติยังสดใหม่อยู่เลย น้ำตกก็ใสไหลเย็นเห็นตัวปลา กูอยากไปนอนแช่ในน้ำตกทั้งวันเลย มึงพากูไปด้วยนะ”

โบ้คิดถึงภาพธรรมชาติสวยงามที่เขาเห็นผ่านภาพสื่อหลายสื่อ ความจริงแล้วภาพถ่ายสวยงามเหล่านั้นมักจะถูกเซ็ทภาพมาก่อนอยู่แล้ว ทั้งการตกแต่งสถานที่จริงก่อนกดชัตเตอร์บันทึกภาพ และการตกแต่งภาพถ่ายด้วยโปรแกรมอัจฉริยะ น้ำตกหลายแห่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจริง ๆ ของคนในพื้นที่ ต่างถูกทำลายทัศนียภาพจนห่างไกลจากคำว่าธรรมชาติบริสุทธิ์ไปหมดแล้ว

อัดเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกผิดที่คิดว่าเขาอาจจะทำลายความคาดหวังเล็ก ๆ ของเพื่อนได้ บ้านของอัดอยู่ในตำบลเล็ก ๆ ในอำเภอจอมทอง ที่อำเภอแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมายทั้งน้ำตก ถ้า น้ำพุร้อน แม่น้ำ ฯลฯ แต่ทว่าสำหรับอัดนั้นที่เป็นคนในพื้นที่ เขากลับไม่มีความรู้สึกที่จะไปเหยียบย่ำสถานที่เหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว บางทีเขาก็ตอบตัวเองว่าเพราะเขาอาจจะเบื่อสถานที่เหล่านั้นเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก และเคยไปหลายรอบแล้ว

แต่ความทรงจำของอัดในช่วงหลัง ๆ มานี้ มันเป็นความรู้สึกเบื่อหน่ายกับความสกปรกของสภาพแวดล้อมมากกว่า

“ได้สิ เดี๋ยวกูจะพามึงไปน้ำตกวังควาย ขึ้นไปบนดอยอินทนนท์ไม่ไกล แต่มึงเตรียมซื้อถุงดำเก็บขยะไปด้วยนะ” อัดหันมาพูดกับโบ้พร้อมเบ้ปาก

“เอาถุงดำไปทำไมวะ” โบ้ถามด้วยความสงสัยสุดขีด

“เอาไปเก็บขยะจากที่พวกแม่งมากินทิ้งกินขว้างยังไงล่ะ พวกเหี้ยนี่ขนของขึ้นไปกินกัน พอกินเสร็จก็ทิ้งไว้ตรงนั้น คนเอาเตาถ่านขึ้นไปปิ้งไก่ปิ้งปลา พอปิ้งเสร็จก็เทขี้เถ้ากองไว้ตรงนั้นเลย เศษกระดูกไก่พอแทะเสร็จก็โยนเข้ากอไม้ข้าง ๆ บางคนก็โยนทิ้งน้ำ จานใส่อาหารที่เป็นกระดาษยังมีส้มตำ มีลาบที่ยังกินไม่หมดก็วางอยู่ตรงนั้นเลย ไอ่พวกนี้พอกินเสร็จก็วางทิ้งไว้ตรงนั้นเลย ขวดเหล้าที่กินหมดแล้ว แก้วพลาสติก ขวดน้ำขวดโซดา ก้นบุหรี่ ถุงขนมเต็มไปหมด” อัดระบายสิ่งที่เขาคิดออกมา “ถ้ามึงถือถุงดำขึ้นไปเก็บขยะนะ จะกลายเป็นนักท่องเที่ยวตัวอย่างเลย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วแถวนั้นไม่มีถังขยะให้ไปทิ้งเหรอ” โบ้ถาม

“มีสิ เจ้าหน้าที่ก็เอาถุงดำไปผูกไว้กับต้นไม้ให้คนเอาขยะไปทิ้งกัน แต่เรื่องแบบนี้อยู่ที่จิตสำนึกน่ะ”

“แบบนี้ก็ไม่ไหวว่ะ พวกนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเข้าไปทำลายธรรมชาติ” โบ้บ่นบ้างพร้อมทำหน้าเซ็ง

“ไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นหรอก นักท่องเที่ยวต่างถิ่นมักจะให้ความเคารพกับสถานที่ที่พวกเขาไป เพราะคนพวกนี้ต้องคอยปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมในที่ต่าง ๆ จนเคยชิน คนที่ทิ้งขยะก็เป็นพวกคนในพื้นที่แหละ คนในอำเภอนี้เลยที่ขึ้นไปกินทิ้งกินขว้าง”

“แย่ ๆ” โบ้พูด “แล้วน้ำตกที่อื่นล่ะ เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดมั้ย”

“ไม่หรอก มันขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่น่ะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสันดานของนักเที่ยวหรอก น้ำตกดี ๆ สวย ๆ ในเชียงใหม่ก็มีเยอะ แต่มันไกลบ้านกูมาก ไม่มีเวลาพาไปว่ะ”

“เออ ๆ งั้นกูไม่ไปน้ำตกละ” โบ้ล้มเลิกแผนเที่ยวน้ำตก

 

ผู้โดยสารทยอยเดินขึ้นรถ พนักงานตรวจนับจำนวนคนจนมั่นใจว่าครบถ้วน เด็กประจำรถจึงตะโกนบอกคนขับให้เคลื่อนรถออกจากชานชาลา รถเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่นานก็ต้องไปจอดแช่อยู่ตรงทางออกจากสถานี เพราะความแออัดของรถทัวร์หลายคันที่ต่างก็ต้องการเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย เสียงผู้โดยสารยังคงจอแจทั่วรถ บางคนพูดคุยกับคนที่นั่งข้าง ในขณะที่บางคนกำลังสนทนากับคนที่อยู่ปลายทางผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ โบ้เห็นความวุ่นวายจอแจนี้จึงร่วมผสมโรงด้วย โดยการหันไปชวนอัดคุย

“นี่ดูสิ กูอยากไปเห็นบ้านไม้สักทองที่มีจั่วหลังคาประดับด้วยช่อระกา ที่ขอบหน้าต่างและประตูประดับด้วยไม้แกะสลัก ไม้ระแนงฉลุลายสวย ๆ”

โบ้ยื่นวารสารท่องเที่ยวเกี่ยวกับเชียงใหม่ให้เพื่อนดู ก่อนหน้านี้หลายอาทิตย์เมื่อเขารู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ โบ้พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ให้มากที่สุด ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม แหล่งท่องท่องเที่ยวต่าง ๆ และสิ่งของโดดเด่นในจังหวัดเชียงใหม่ หากเขายังทำการศึกษาเชียงใหม่อย่างบ้าคลั่งแบบนี้ไปอีกสักปีสองปี บางทีเขาอาจจะรู้จักเชียงใหม่ได้ดีกว่าคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่นี่เสียอีกก็เป็นได้

อัดที่กำลังจะปิดเปลือกตาลง เพราะเขาอยากจะงีบหลับสักหน่อย แต่เมื่อเจอความเซ้าซี้ของเพื่อนจึงต้องหันมามองภาพในกระดาษเล่มนั้น อัดเห็นโฆษณาโรงแรมบูติคสไตล์หรูหราที่แสดงตัวอย่างบ้านพักทรงล้านนาคลาสสิค อัดไม่กล้าบอกราคาสำหรับค่าเข้าพักหนึ่งคืนให้อาคันตุกะผู้มาเยือนบ้านเกิดของเขาให้รับรู้ เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกเสียขวัญกับการที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นประชากรชั้น 2 ในจังหวัดที่ดูเป็นมิตรเมื่อมองแค่เปลือกนอกนี้

“อื้ม... บ้านทรงไทยสวย ๆ แบบนั้นในเชียงใหม่มีเยอะเลย แต่นั่นไม่ใช่สถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าแบนอย่างมึง” อัดจงใจทิ้งเสียงหนักในคำสุดท้ายของประโยค ก่อนจะเว้นวรรคและพูดต่อ “และของกูด้วย”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่สถานที่สำหรับคนเงินน้อย เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปนอนโรงแรมหรู ๆ แบบนั้นหรอกว่ะ ไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งไปยืนมอง”

“อ้าว ทำไมล่ะ” โบ้พูดประโยคซ้ำกับก่อนหน้านี้

“เพราะโรงแรม รีสอร์ท สปาที่มีบ้านทรงไทยเหล่านั้นทุกที่เขาจะสร้างรั้วสูงล้อมรอบไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวของคนที่มาเสียเงินให้เขา คนธรรมดา ๆ ไม่เห็นหรอก”

“เหรอวะ แบบนี้ก็มีด้วย แล้วบ้านชาวบ้านไม่มีแบบนี้บ้างเหรอ”

“เขาอยู่บ้านปูนกันหมดแล้ว บ้านไม้ไม่มีใครเขาสร้างหรอก แพงด้วย พังง่ายด้วย”

โบ้แสดงท่าทางผิดหวังอีกครั้ง “งั้นพากูไปวัดก็ได้ จะได้เห็นอะไร ๆ ที่เป็นของทางเหนือบ้างแหละ คงจะได้รู้สึกสงบจิตสงบใจกับเขาบ้าง”

“ก็ได้ เดี๋ยวกูจะพาหลาย ๆ วัดเลย แต่ก็เผื่อใจไว้ด้วยนะ ความสงบมึงอาจจะไม่เจอ อาจจะเจอแต่นักท่องเที่ยวจีน แล้วตอนนี้โบสถ์วิหารหลายวัดเก่าแก่ที่คงความขลังของศิลปะล้านนาก็ถูกแทนที่ด้วยอาคารสมัยใหม่ เพื่อเอาไว้สำหรับต้อนรับพวกคนที่จะมาทำบุญให้วัด” ดูเหมือนอัดจะใช้อารมณ์กับน้ำเสียงที่อธิบายความเป็นไปนี้ เขาจริงจังมากกับประเด็นนี้

“การซ่อมแซมหรือบูรณะโบราญสถานให้มันกลับมาสู่สภาพเดิมเหมือนตอนที่มันถูกสร้างขึ้นมา  เป็นการแสดงถึงการไม่เคารพต่อประวัติศาสตร์ของมัน เรื่องความเสียหายนั้นมันสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ กูจะพามึงไปดูวัดเจดีย์หลวง เจดีย์ที่พังลงมาครึ่งนึงเพราะแผ่นดินไหว แต่คนก็ยังอุตส่าห์ไปก่ออิฐให้มันทำให้ครึ่งนึงของเจดีย์เป็นอิฐใหม่ ทำให้กลับดูอัปลักษณ์ไปเลยในสายตากู การซ่อมแซมควรที่จะทำเท่าที่จำเป็นพอไม่ให้มันถล่มลงมาก็พอแล้ว และยิ่งการซ่อมแซมโดยการเททับอัตลักษณ์เดิมของสิ่งปลูกสร้าง นั่นก็เหมือนกับการทำลายรากเหง้าของบรรพบุรุษของเราด้วย”

“เหรอ... อืม ๆ” โบ้รับคำ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจกับเรื่องที่อัดพูดซักเท่าไหร่นัก

“อ้อ... แต่ถ้ามึงไปวัดจะต้องเจอแน่ ๆ สิ่งนึงนั่นก็คือตู้รับบริจาคเงิน” อัดพูดเชิงหยอกกับเพื่อน

“งั้นกูไม่ไปละ งั้นมึงพากูไปนี่เลย ถ้ามึงไม่พากูไปเลิกคบแม่งเลย”

“ไปไหนวะ” อัดเริ่มขำกับท่าทางจริงจังของเพื่อน

“ไปถนนคนเดินวันอาทิตย์ กูดูในเว็บมา สถานที่ที่ต้องไปเยือนหากได้มาเชียงใหม่” โบ้กล่าวอย่างตั้งใจมาก

“ไอ่ควาย!” อัดใช้คำแรงด่าเพื่อน เพราะเขาคิดว่าการกระทำของโบ้สมควรโดนด่าด้วยคำแรงเช่นนี้ “มึงไปเชื่ออะไรกับบทความในเน็ท เขาก็เขียนอวยไปอย่างนั้นแหละ”

“เอ้า... ก็ที่นั่นเป็นศูนย์รวมของขายที่แสดงถึงวัฒนธรรมเชียงใหม่ ไปที่เดียวครบ” โบ้พูดถึงสิ่งที่เขาเคยอ่านมา

“ไม่ต้องไปเดินให้เสียเวลาหรอก ทุกอย่างที่ขายในนั้นมีขายที่ร้านของฝาก คนก็เบียดเสียดจะเหยียบกันตายอยู่แล้ว”

“ไม่ไปก็ได้วะ” โบ้อารมณ์เสียอีกครั้ง “งั้นพากูขึ้นดอยอินทนนท์”

“อย่าเลย จะขึ้นดอยช่วงเทศกาล รถติดมากบนยอดดอย” อัดเบรก

“งั้นไปดอยสุเทพ”

“ที่นั่นติดทั้งดอยเลย”

โบ้พยายามใช้ความคิด “งั้นพากูไปเที่ยวเธคกลางคืนหน่อยสิ ที่เชียงใหม่สาวสวยเยอะแยะไม่ใช่เหรอ”

“กูไม่ใช่นักเที่ยว เสียใจด้วย” อัดพูดเสียงแข็ง

“โอ๊ย... ถ้าอย่างนั้นกูจะไปเชียงใหม่ทำมัยวะเนี่ย ที่นู่นมึงก็ไม่พาไป ที่นั่นมึงก็ไม่พา เดี๋ยวกูแม่งเปลี่ยนรถที่นครสวรรค์กลับกรุงเทพดีกว่า ไปเที่ยวกรุงเทพในสภาพที่ท้องถนนโล่ง ๆ” โบ้แกล้งตัดพ้อต่อเพื่อน

อัดยิ้มเป็นเชิงปลอบใจเพื่อน “เอาน่า ๆ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราจะมาไปทำอะไรกันที่เชียงใหม่”

อัดยกกระเป๋าสะพายของเขาขึ้นมาวางไว้บนตัก ก่อนจะเปิดกระเป๋าและหยิบกล่องกระดาษให้โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋าครึ่งหนึ่ง กล่องนั้นคือกล่องเหล้าชีวาส รีกัลขนาดหนึ่งลิตร เหล้าราคาแพงนี้อัดและโบ้ได้มันมาจากเจ้าของบริษัทที่ใช้ขวดแก้วนี้มอบให้แทนโบนัสประจำปี เพราะหัวหน้ารู้อยู่แล้วว่าลูกน้องทั้งสองชอบดื่ม

“อ้อ เราจะเปลี่ยนที่กินเหล้านั่นเอง” โบ้ยิ้มแหะ ๆ

“ไม่ต้องห่วงว่ามึงจะไม่ได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมภาคเหนือ เดี๋ยวกูจะให้แม่เตรียมกับแกล้มเมือง ๆ ไว้ให้ มีลาบปลา ไก่เมืองต้ม หมูย่างจิ้มแจ่ว ผักหวาน เห็ดถอบต้ม ยำไข่มดแดง เดี๋ยวให้ลองกินลาบควายด้วย เราไปปูเสื่อนั่งกินกันข้างแม่น้ำปิง ไม่ต้องจ่ายค่าเซอร์วิซชาร์จให้เสียความรู้สึก บริการตัวเอง ดีมั้ย”

โบ้น้ำลายสอกับรายชื่ออาหารที่เพื่อนเพิ่งพูดออกมา แต่ก็ยังไม่วายที่เขาจะแกล้งย้อนเพื่อน “มันจะเข้ากันเหรอ กับแกล้มเมือง ๆ กับเหล้าฝรั่งที่หมักบ่มมานานถึง 12 ปี”

อัดหันมาสบตากับเพื่อนพร้อมรอยยิ้มก่อนจะพูด

“แล้วมึงจะติดใจ”