สมชายยืนกลางเวทีที่มีเสียงกลองและเสียงคีย์บอร์ดสร้างจังหวะ มือเบสบนเวทีตบสายพร้อมไล่นิ้วตามทางเดินคอร์ด
เครื่องดนตรีสามชิ้นนี้กำลังบิ๊วอารมณ์ผู้ชมนับพันข้างล่างเวทีที่กำลังยืนรอจนเหงือกแห้ง
พวกเขาเหล่าคนดูชาวร็อคเกอร์ทั้งหลายต่างกำลังรอฟังเสียงโซโล่กีตาร์เทพจากนิ้วเรียวยาวของสมชาย
เมื่อใกล้จะจบท่อนอินโทร สมชายสูดลมหายใจช้า ๆ เข้าไปเต็มปอด
และเมื่อถึงจังหวะที่เขาต้องเล่น
สมชายกระแทกลมหายใจออกมาพร้อมสะบัดข้อมือให้ปิ๊กกีตาร์กรีดลงไปบนสายเหล็ก
มือขวาจับคอร์ดและเปลี่ยนมันอย่างรวดเร็วไปมา แค่การตีพาวเวอร์คอร์ดจังหวะร็อคด้วยความเร็วไปมารวมถึงเสียงสายกีตาร์ที่สะท้านผ่านเอฟเฟคราคาแพง
นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าสาวกขาไฟต่างโห่ร้องครวญครางกันเต็มฮอลล์แสดง
เสียงร้องโหยหวนชวนสยองจากเหล่าคนดูเหมือนกับว่าพวกเขาและเธอเหล่านั้นคือปีศาจที่เพิ่งจะหลุดออกมาจากขุมนรก
โดยมีเสียงสั่นสะเทือนจากสายกีตาร์นั้นมาสะเดาะกุญแจสู่นรกอเวจี
ท่อนเวิร์สธรรมดาที่ยังไม่กระชากบาดใจเท่าใดนักอาจจะทำให้เหล่าผู้ชมยังสงวนท่าทีไม่ดิ้นแรงจนพื้นฮอลล์ลุกเป็นไฟ
สมชายเพ่งสายตาดุดันลงไปยังข้างล่างเวที
ที่ข้างล่างนั้นเขาเห็นเหล่าสาวกต่างปลุกเร้าใจตัวเองด้วยการดื่มเหล้าเมายา
บางคนยกขวดเบียร์เทลงปากรวดเดียวหมดขวด ขี้เหล้าผมยาวใส่ชุดหนังขาด ๆ
คนหนึ่งขว้างขวดเบียร์ที่กินหมดแล้วขึ้นเวที
ขวดแก้วสีเขียวขุ่นลอยล่องตรงไปยังหัวของมือกลอง
แต่ด้วยความเร็วราวปีศาจของมือให้จังหวะประจำวง มือกลองร่างใหญ่ฟาดไม้กลองเหล็กลงไปกลางขวดเบียร์อย่างแม่นยำ
เศษแก้วแตกละเอียดพรุ่งกระจายเต็มเวที
แก้วเศษเล็กเศษน้อยลอยฟุ้งสะท้อนแสงระยิบระยับ
เหมือนกับว่านี่คือเอฟเฟคอย่างหนึ่งของโชว์
มือกลองดูเหมือนจะโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขารัวกลองเร็วขึ้นเป็นสองเท่าก่อนจะค่อย ๆ เบาลงเมื่อกำลังจะเข้าท่อนพรีคอรัส
สมชายทำสีหน้าเบื่อหน่ายกับความไร้รสนิยมจากแฟนดนตรีของตัวเอง
เพลงที่มีแต่จังหวะเร้า ๆ และคอร์ดของเพลงที่วนไปวนมาไม่มีจบสิ้น
บางทีสมชายใช้แค่เทคนิคง่าย ๆ ของการดีดกีตาร์ก็เหมือนกับเปลี่ยนบรรยากาศของเพลงให้เปลี่ยนไปบ้าง
แต่สำหรับเขานั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่สร้างสรรค์หรือได้ใช้พรสวรรค์ทางดนตรีอะไรเลย
สมชายคิดแบบนี้
แฟนเพลงอสูรกายบางคนพ่นควันฟุ้งลอยเต็มอากาศ
สมชายคิดว่านั่นคงไม่ใช่แค่ยาสูบธรรมดา ๆ หรอก บางคนสูบฝิ่นสูบกัญชา หรือบางคนอาจจะเตรียมบุหรี่ที่ยัดผงยาบ้าเอาไว้ในใบยาขึ้นมาดูด
ภาพหมู่คนที่ถูกรมไปด้วยควันชวนให้นึกถึงฉากการสังหารหมู่คนนับพันด้วยการรมแก๊สพิษให้ตายในครั้งเดียว
การตายเพื่อเกิดใหม่หลายพันชีวิตด้วยยาพิษในอากาศแค่ไม่กี่ถัง
เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ชวนสยดสยองยิ่งนักสำหรับมือกีตาร์ฮีโร่บนเวทีนี้
เรียวนิ้วยาวเคลื่อนไหวไล่นิ้วไปตามเสกลเพนทาโทนิคด้วยความเร็วเกินกว่าที่หูใครจะทันจับได้ว่าเป็นการดีดกีตาร์
เสียงแผดร้องของสเกลง่ายระดับอนุบาลแต่ความเร็วปานสายฟ้ายิ่งเร้าอารมณ์ของคนดูขึ้นมาหน่อยนึง
เสียงกลองเปลี่ยนจังหวะเพื่อเตรียมเข้าท่อนฮุคสำคัญที่เตรียมจะน็อคเอาท์คนฟังให้สลบใต้เวที
สมชายจับจังหวะเล่นลูกสวีปเปอร์กับคอร์ดที่ถูกกำหนดจากมือซ้าย
มือขวากวาดปิ๊กกีตาร์ไปมาพร้อมใช้สันมืออุดสายที่ไม่ต้องการออก
เสียงกีตาร์ที่ถูกขยายจากแอมปิฟลายเออร์และลำโพงดอกสิบสองนิ้วหลายสิบตัว
เสียงพิศดารหว่านล้อมฟิลลิ่งคนฟังให้ฮึกเหิมไปกลับเสียงดนตรี สีหน้านักฟังแทบทุกคนเกือบจะสติแตกไปกับท่อนฮุคสุดโหด
หลายคู่ทนไม่ไหวมีเซ็กส์กันท่ามกลางงานคอนเสิร์ต
พวกเขาและเธอเหล่านั้นต่างไม่รู้สึกเขินอายหรือกระดากใจแต่อย่างใด
เพราะอารมณ์ทางดนตรีนั้นสูบฉีดให้คนเหล่านั้นขึ้นถึงจุดสุดยอดในความรู้สึก
อคติและจริตที่มนุษย์สร้างขึ้นถูกทำลายลงด้วยท่วงทำนองที่แสนวิเศษและมหัศจรรย์ ความฝันและความคาดหวังทุกอย่างของมนุษย์ถูกขัดจังหวะจากเสียงแห่งปัจจุบัน แทบทุกคู่ที่กำลังร่วมรักกันกลางงาน
ต่างพร้อมใจกันหน่วงเวลารอท่อนจบของท่อนฮุคเพื่อจะขึ้นถึงสวรรค์พร้อมกันกับท่อนสำคัญของเพลง
เสียงกลองกระทุ้งกระเดื่องคู่รัวจนหัวใจคนฟังแทบหยุดเต้น
เสียงจังหวะเร็วรัวรบกวนจังหวะเต้นของหัวใจจนเกือบทำให้ผิดเพี้ยน กระเดื่องเงียบเสียง
ทุกอย่างเงียบเหลือแต่เสียงตบสายโซโลเบสหยุดอารมณ์ไว้ชั่วครู่
เสียงคีย์บอร์ดเล่นโน๊ตเพลงที่สลับซับซ้อนก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคอร์ดอะเพ็กจิโอที่เรียบง่าย
ทุกอย่างเงียบเหลือแต่เสียงตีคอร์ดจากกีตาร์ไฟฟ้าโดยไม่มีเอฟเฟคใด ๆ
มาทำให้เสียงธรรมชาติผิดเพี้ยน และไม่นานทุกอย่างก็เงียบงัน
สมชายถอยรถออกจากลานจอดหลังทำงานเสร็จในคืนนี้
เขาตั้งลำบนถนนหลักและค่อย ๆ เปลี่ยนจากเกียร์ต่ำไปยังเกียร์สูงสุดตามความเร็วที่รถทำได้
และเมื่อสมชายไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์เพิ่มอีกแล้ว
เขาจึงเลื่อนมือซ้ายไปหยิบแผ่นซีดีหนึ่งแผ่นออกจากซองที่แขวนอยู่บนที่บังแดดเหนือหัว ก่อนจะสอดแผ่นพลาสติกวงกลมเข้าไปยังช่องแคบ ๆ
บนแผงคอนโซลรถ ตัวอักษรดิจิตอลบนแผงหน้าปัดแอลอีดีขึ้นตัวอักษรคำว่า ‘TOMMY EMMANUEL’
ลำโพง 6.1 ติดรถดังขึ้นด้วยเสียงกีตาร์ฟิงเกอร์สไตล์
เมโลดี้ที่วิ่งสลับไปมาเป็นท่วงทำนองที่จับใจสมชายยิ่งนัก
วลีเพลงที่ตัวโน๊ตไม่เรียงต่อกันเหมือนการไล่สเกลง่าย ๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรเลยเป็นสิ่งที่สมชายทำไม่ได้
เขาไม่สามารถฟังเพลงเหล่านี้แล้วแกะออกมาเล่นได้เลย
นิ้วของเขาเดินทางได้เป็นเส้นตรงอย่างเดียว
เขารู้ทุกสเกลบนโลกนี้แต่ไม่สามารถเล่นวลีสั้น ๆ ที่มีเอกลักษณ์อะไรได้เลย
ความสบายเพลิดเพลินจากการฟังเพลงนี้แสดงออกมาบนใบหน้าของนักดนตรีที่มีแฟนคลับมากมาย
เมื่อเพลงบรรเลงไปครบอัลบั้มบนแผ่นซีดี สมชายเลือกแผ่นของ Steve Vai ออกมาใส่เครื่องเล่น
แต่คราวนี้เขาจงใจเลื่อนแทรคไปยังเพลงที่มีชื่อว่า Tender Surrender สมชายรู้สึกทึ่งกับไดนามิคของเพลงที่มีแข็งสลับอ่อนผ่อนปรนกันไปอย่างลงตัว
เมโลดี้ของโน้ตกีตาร์ไพเราะเสนาะหูของเขาทุกครั้งแม้ครั้งนี้สมชายจะฟังมันเป็นครั้งที่พันแล้วก็ตาม
สมชายจะขับรถออกนอกตัวเมืองทุกครั้งหลังเล่นดนตรีเสร็จ
เขาจะขับออกนอกเมืองระยะทางรวมร้อยกว่ากิโลเมตรเป็นการผ่อนคลายจากการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อของเขา
นักดนตรีร็อคจะเปิดเพลงที่มีเมโลดี้สวย ๆ ฟังเพื่อลดความเครียดจากสิ่งที่เขาพบเจอมาในแต่ละวัน
และบนถนนเลี่ยงเมืองออกไปจะเป็นทางตรงยาวที่แทบจะไม่มีรถวิ่งเลย
นั่นจึงทำให้สมชายเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์ทำความเร็วไปแตะสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถยนต์สปอร์ตราคาแพงทะยานรักษาความเร็วที่สองร้อยกิเมตรต่อชั่วโมงนานห้านาทีแล้ว
และทันใดนั้น สมชายเห็นจุดดวงไฟเล็ก ๆ บนถนนตรงหน้าเขาห่างออกไปหลายร้อยเมตร
เจ้าของรถรู้สึกแปลกใจจึงรีบถอนคันเร่งออก แสงไฟจากจุดเล็ก ๆ
เริ่มเห็นเป็นภาพใหญ่ขึ้น สมชายเริ่มเห็นว่ามันเป็นรถบรรทุกที่มีตู้คอนเทนเนอร์
ท้ายรถมีไฟประดับประดาเต็มท้ายรถ เมื่อรถของสมชายเข้าไปจ่อตูดรถบรรทุกใกล้
ๆ รถบรรทุกเบรคกระทันหันทันทีจนเสียงล้อรถเบียดถนน
รถสปอร์ตคันหรูเบี่ยงหัวหลบออกทางขวาเตรียมจะแซง
เมื่อสมชายบังคับรถอยู่ตำแหน่งขนาบข้างเขากำลังจะเตรียมเหยียบคันเร่งเต็มแรง
แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดทันทีเมื่อเห็นตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกตกแต่งเป็นห้องกระจก
ภายในกระจกมีแสงไฟสลัว ๆ
แต่ยังพอทำให้เห็นภาพกีตาร์วางเรียงรายเหมือนกับว่านี่คือร้านขายกีตาร์เคลื่อนที่ และทันใดนั้นแสงไฟภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องกระจกก็สว่างไสวจากแสงไฟภายใน
สมชายยกเท้าถอนคันเร่งปล่อยให้รถไหลไปอยู่หน้ารถบรรทุกที่จอดนิ่งสนิทแล้ว เขาพยายามมองทะลุกระจกหน้ารถบรรทุกเข้าไปเพื่อมองหาคนขับ สมชายมองเห็นแต่เพียงเงามืด ๆ ของชายผมยาวจัดทรงไม่ได้รูปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยไม่ขยับเขยื้อนร่างกายใด
ๆ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ารถพยายามจะทำท่าทางเรียกความสนใจจากเงาดำ ๆ หลังกระจก
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายโดยเดินไปดูที่ตู้คอนเทนเนอร์
เขาเห็นประตูเปิดออกเหมือนรอให้ใครบางคนเข้าไป
นักกีตาร์นิ้วไฟถูกดึงดูดด้วยอะไรบางอย่างจนทำให้เขาต้องปีนข้างรถขึ้นไป
เมื่อสมชายเข้าไปข้างในจึงทำให้สังเกตเห็นต้นกำเนิดแสงสว่างนั้นมาจากตะเกียงโบราญ
เปลวไฟเล็ก ๆ ในหลอดแก้วกว่าสิบอันสั่นไหวตามจังหวะการเดินของแขกผู้มาเยือน
บนชั้นวางกีตาร์มีกีตาร์ราคาแพงวางอยู่เรียงราย
สมชายเห็นกีตาร์บางตัวเป็นลิมิเต็ดอีดิทชั่นที่หายากมาก ๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นอะไรเลยจนกระทั่งได้เห็นกีตาร์ไฟฟ้าสีขาวสะอาดตัวหนึ่งมีปิ๊กการ์ดสีแดงคล้ำมีรอยตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบ
ชายผู้มาใหม่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ
กับกีตาร์ตัวนั้นก่อนจะเอานิ้วมือไปลูบสัมผัสตรงปิ๊กการ์ดสีแดงคล้ำ เขาถูมันไปมาและหงายนิ้วขึ้นมาดู
สมชายถึงกับขนลุกซู่เมื่อเห็นนิ้วมือของตัวเองชื้นไปด้วยของเหลวสีข้น ๆ เขาไม่แน่ใจว่ามันคือเลือดสด ๆ
หรือเปล่าเพราะแสงไฟสีส้มทำให้ไม่สามารถดูมันได้ว่าเป็นสีอะไรแน่
และทันใดนั้นเสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
“ต้องขออภัยด้วย กีตาร์ตัวนั้นเพิ่งจะทำสี มันยังไม่แห้งดี”
แขกผู้มาเยือนสะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงแหบพร่านั้น
เขาเผลอสะดุดเท้าไปโดนกับชั้นวางกีตาร์
สมชายตกใจรีบหันไปประครองชั้นวางที่มีกีตาร์หลายตัวแขวนอยู่
“ขะ...ขอโทษครับ ขอโทษที่เข้ามา...”
“ขอโทษอะไรกัน ร้านนี้ตั้งใจเปิดไว้รอคุณอยู่แล้ว”
“รอผม” สมชายกลืนน้ำลายลงคอ เขาหยุดคิดว่าคงเป็นการล้อเล่นกระมัง
เพราะชายที่ยืนอยูตรงหน้านั้นที่ดูแก่ชราน้ำเสียงไร้ความรู้สึกใด ๆ ได้แต่ผงกศรีษะ
ชายชราสภาพสกปรกโสโครกแต่งตัวเหมือนหยิบผ้าขี้ริ้วที่ซักแล้วมาห่ม
ผมเผ้ายาวสีเทาดูหยุงเหยิงไร้การดูแล ตอนนี้ชายแก่เขยิบเข้ามายืนข้างสมชาย กลิ่นตัวเหม็นเน่าจนแทบจะอาเจียนจนทำให้สมชายต้องกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง
“คุณสนใจกีตาร์ตัวนั้น”
สมชายได้แต่ผงกหน้า
“คุณจะหยิบลงมาดูก็ได้นี่”
“แต่สีของมันยังไม่แห้งดีไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องไปสนใจสีตรงปิ๊กการ์ดหรอก
บางทีแล้วมันอาจจะไม่มีวันแห้งเลยก็ได้”
สิ้นเสียงชายชรา สมชายไม่สนใจคำพูดนั้น เขาเอื้อมมือไปจับที่คอกีตาร์ก่อนจะเอามืออีกข้างประครองที่ลำตัว
ชายหนุ่มถือกีตาร์ในตำแหน่งพร้อมเล่นก็รู้สึกว่ามันช่างเหมาะพอดีมืออะไรอย่างนี้
เขาทดลองใช้นิ้วสะบัดลงบนสายเหล็กสองสามที
“ผมจะลองฟังเสียงมันหน่อยจะได้ไหม” สมชายหันมาพูดกับชายชรา
และเบี่ยงหน้าหนีทันทีเมื่อสบสายคู่นั้นเข้า
“อยู่ข้าง ๆ เท้าคุณนั่นไง” ชราส่ายหน้าไปยังทิศทางที่พูดถึง
สมชายเสียบสายแจ๊คและปรับปุ่มต่าง ๆ ที่ลำโพงจนเรียบร้อย
เขาทดลองไล่สเกลดูสองสามรอบก็ทำสีหน้ารู้สึกพอใจระดับหนึ่ง
จากนั้นนักกีตาร์ทดลองตีคอร์ดจังหวะร็อคที่ดุดัน
เขารู้สึกทึ่งว่ามันคือกีตาร์ที่ดีตัวหนึ่ง สมชายลองเล่นเทคนิคที่เขาถนัดที่สุดโดยการสวีปปิ้ง
นั่นทำให้สมชายอยากได้กีตาร์ตัวนี้มาครอบครอง
“ฝีมือของคุณเยี่ยมมาก” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ไม่ทราบว่าราคาของกีตาร์ตัวนี้อยู่ที่เท่าไหร่”
ชายชราทำท่าจะเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อได้ยินสมชายพูด
“หากคุณจะเพียงแค่ใช้กีตาร์ทำในสิ่งที่คุณเพิ่งเล่นไปนั้น
ในร้านนี้มีกีตาร์อีกหลายตัวที่มีเสียงดีเทียบเท่ากับกีตาร์ตัวนี้
มีรูปทรงกีตาร์สวย ๆ ให้คุณเลือกมากมาย คุณไม่จำเป็นต้องใช้กีตาร์ตัวนี้หรอก”
คนดูแลร้านพูดเสร็จก็ผายมือให้ดูกีตาร์อีกหลายตัวในชั้นเดียวกัน
“ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูด”
“ทำไมไม่ลองเล่นเพลงของศิลปินที่คุณชื่นชอบล่ะ”
สมชายรู้สึกจุกอกเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “ผมไม่เคยเล่นเพลงเหล่านั้นเลย
เพลงที่มีเมโลดี้สลับซับซ้อนเป็นสิ่งที่ผมไม่ถนัด”
“แล้วทำไมคุณไม่ลองเล่นมันดูล่ะ”
เขารู้สึกมือสั่นแข้งขาอ่อนเมื่อคิดถึงเพลงที่เขาชื่นชอบ
แต่ทว่าเมื่อสมชายกำลังนึงถึงท่อนฮุคจากเพลงที่เขาเพิ่งจะเปิดฟังมาตอนขับรถ
นิ้วเรียวยาวของเขาก็เลื่อนไปเล่นเองตามความรู้สึกของสมชาย
“เป็นไปไม่ได้” สมชายอึ้งกับวลีที่เขาเพิ่งจะเล่นออกไป มันแทบจะไม่แตกต่างจากต้นฉบับ
หรือบางทีมันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำก็เป็นได้
“ทำไมคุณไม่เล่นเพลงเทนเดอร์เซอร์เรนเดอร์ของสตีฟไวตั้งแต่ต้นจนจบ”
ชายชราพูดขึ้น
“คุณรู้จักเพลงนี้” สมชายพูดถามอย่างประหลาดใจ
แต่เขาไม่รอฟังคำตอบก็เริ่มเล่นเพลงที่ว่านั้นเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อสมชายบรรเลงกีตาร์เสร็จ เขารู้สึกทึ่งมากกับเสียงเพลงนั้น
แต่ความทึ่งนั้นคงไม่มากเท่ากับความประหลาดใจ
“ตอนนี้ผมอยากทราบราคาของกีตาร์ตัวนี้แล้ว” สมชายเน้นเสียง
ชายชราค่อย ๆ เดินไปยังมุมห้องที่มีโต๊ะเก่า ๆ วางอยู่
เขาเปิดลิ้นชักพร้อมหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น “นักกีตาร์ส่วนมากจะมีปัญหาคล้าย ๆ
กัน นั่นก็คือเล่นได้แต่แนวเพลงที่ต้องใช้ทำมาหากินทุกวัน ๆ
จนไม่มีเวลาที่จะซ้อมแนวเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ คุณก็อยู่ในข่ายนั้น... แต่นั่นแหละ
คุณมีคุณสมบัติที่เจ้านายผมต้องการ”
“เจ้านาย” สมชายเดินตามมายังมุมห้องพร้อมทำสีหน้าแปลกใจ
“หรือว่าหมายถึงเจ้าของร้านนี้”
“ก็อาจจะทำนองนั้น”
“เอาล่ะ... ผมอยากรู้ราคาของมันแล้ว” สมชายพูดน้ำเสียงหนักแน่น
"รายละเอียดอยู่ในสัญญา
คุณกรุณาอ่านดูอย่างละเอียด แล้วผมจะคุยกับคุณ"
สมชายรับกระดาษมาอ่านอย่างงุนงง
“ในนี้บอกว่าผมเพียงแค่เซ็นลงไป”
“ใช่”
“สัญญามีเพียงข้อเดียวว่าวิญญาณของผมจะถูกขายให้ปีศาจ
และปีศาจจะมาเอามันไปเมื่อไหร่ก็ได้”
“ใช่”
ไม่มีท่าทีใด ๆ ปรากฏออกมาจากนักดนตรีนอกจากความไม่ชัดเจนเรื่องสัญญาที่ดูบ้า
ๆ นี้
“ถ้าว่ากันตามสัญญา
ปีศาจของคุณก็สามารถที่จะมาเอาวิญญาณของผมไปได้เลยทันทีที่ผมเซ็นชื่อลงไปในกระดาษใบนี้”
“เงื่อนไขก็เป็นไปตามนั้น
แต่ผมคิดว่าเจ้านายของผมคงไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอก
ไม่แน่นะถ้าเจ้านายเขาเกิดชอบคุณขึ้นมา เขาอาจจะมาเอาวิญญาณคุณตอนอายุ 99 ปีก็ได้ หรืออาจะซัก 120
คุณลองคิดดูสิ
คุณจะกลายเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่”
สมชายรู้สึกสับสนกับเรื่องลี้ลับนี้
เรื่องการขายวิญญาณให้ปีศาจเป็นตำนานที่เคยได้ยินมาแล้วหลายเรื่อง
ก็เหมือนกับเรื่องภูติผีปีศาจทั้งหลายที่คนมักจะพูดต่อ ๆ กันมาโดยที่ไม่มีใครเคยเห็น
หรือว่าคนต้นเรื่องอาจจะหูฝ้าตาฟางเห็นภาพหลอนอะไรไปก็ได้
และถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝีมือกีตาร์ ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรที่คน ๆ
หนึ่งจะมีฝีมือกีตาร์เก่งกาจอย่างรวดเร็วภายในปีหรือสองปี
อาจจะเป็นเรื่องการบรรลุโดยฉับพลันของคนใดคนหนึ่งก็เป็นได้ สมชายคิดเรื่องนี้ในหัวก่อนจะลงมือทำอะไร
พูดอะไรหรือคิดจะเซ็นสัญญาอะไร
เสียงชายแก่ดังขึ้นในขณะที่สมชายนิ่งเงียบไป
“เอาอย่างนี้สิ เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของคุณ
เจ้านายของผมอนุญาตให้คุณเอากีตาร์ตัวนี้กลับไปลองเล่นที่บ้านได้หนึ่งคืน
ตอนนี้คุณยังไม่ต้องเซ็นสัญญาอะไรทั้งสิ้น เมื่อถึงรุ่งเช้า
ผมจะไปรับกีตาร์กลับคืนมา”
สมชายเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนพูด
ตอนนี้เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวสายตาคู่นั้นแล้ว “จริงหรือ”
“ก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวไม่ใช่เหรอ
หากคุณเอาไปลองเล่นแล้วคิดว่ามันไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ก็แค่คืนมันมาแล้วคุณก็ใช้ชีวิตอย่างปกติไป
แต่ถ้าคุณอยากได้มัน ก็แค่มาเซ็นสัญญาฉบับนี้”
ผู้ที่ถือกีตาร์อยู่ในมือเริ่มแสดงสีหน้าผ่อนคลายลง
“เป็นข้อเสนอที่หน้าสนใจ แต่ผมขอถามอีกอย่างสิ ถ้าหากผมเซ็นสัญญา
แล้วเจ้านายคุณมาเอาวิญญาณของผมไป วิญญาณของผมจะไปอยู่ที่ไหน”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้” เสียงตอบที่ฟังดูเย็นชาดังขึ้น
สมชายทำท่าไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง สายตาของเขาหันไปมองปิ๊กการ์ดสีแดงคล้ำที่มันดูข้น
ๆ หนืด ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะแห้ง แต่ก็ยังคงรู้สึกเสียดายถ้าจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านเลยไป
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะขอรับกีตาร์ตัวนี้ไปทดลองเล่นหนึ่งคืน
ว่าแต่ผมต้องมัดจำอะไรไว้มั้ย”
“คุณคิดถูกแล้ว เรื่องมัดจำนั่นไม่จำเป็นหรอก
ขอให้คุณโชคดี”
“เอ่อ...
พอจะมีกระเป๋าใส่กีตาร์หรืออะไรห่อมันไว้หน่อยมั้ย” สมชายถาม
“ไม่มี” เสียงตอบห้วน ๆ
จากนั้นชายชราเปิดลิ้นชักโต๊ะก่อนจะนำกระดาษสัญญานั้นใส่ลงไป
เวลาเกือบจะตีสองแล้ว สมชายเดินเข้าลิฟท์ของคอนโดโดยถือกีตาร์สีขาวปิ๊กการ์ดสีแดงมาด้วย
เขายังงงๆ ว่าเรื่องบ้า ๆ นี้มันจะเป็นเรื่องจริงหรือมีใครอยากจะมาแกล้งเขา
และเมื่อถึงห้องพักทีมีลักษณะเป็นห้องชุด สมชายแวะพักดื่มน้ำก่อนจะหิ้วกีตาร์ตัวนั้นเข้าไปยังห้องเก็บเสียงที่ดัดแปลงมาจากห้องนอน
ความรู้สึกตื่นเต้นทำให้เขาลืมง่วง ทั้ง ๆ
ที่เวลานี้เขาต้องพักผ่อนแล้ว สมชายเสียบสายกีตาร์นั้นเข้ากับลำโพง
เขายังจำความรู้สึกถึงตอนที่เล่นเพลงนั้นได้ไม่ลืมเลือน
และตอนนี้มือกีตาร์ก็บรรเลงเพลงนั้นอีกอย่างอิ่มเอมใจ
เมื่อเพลงแรกจบ สมชายก็นึกถึงเพลงอีกหลายเพลงจากศิลปินที่เขาชื่นชอบและเล่นมันออกมาอย่างไพเราะน่าพอใจยิ่งนัก
เขายังนึกถึงเพลงใหม่ ๆ ที่เคยฟังผ่าน ๆ จากศิลปินที่มีชื่อเสียงและลองเล่นมันดู
สมชายตกตะลึงมาเมื่อเล่นมันออกมาอย่างมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ความสุขและความพึงพอใจของสมชายแสดงออกมาทางใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุข
เขาเอนหลังนอนลงบนโซฟายาวพร้อมพักสายตา ทันใดนั้นเหมือนเขาคิดอะไรบางอย่างออกมา
อารมณ์ความรัก ความสุข ความทุกข์ ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว
อารมณ์ของความผิดหวัง การถูกพลัดพราก สิ้นหวัง ความเหงา ความเศร้า
อารมณ์เดียวดายอ้างว้างโดดเดี่ยว อยู่ ๆ ความรู้สึกเหล่านี้ก็พรุ่งพรวดออกมาจากความทรงจำของเขาในขณะที่สมชายนอนกอดกีตาร์ตัวนั้นอยู่ในอ้อมแขน
สมชายเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา
เขาลองอิมโพรไวส์ความรู้สึกที่ถูกขุดขึ้นมาจากหัวใจออกมาเป็นตัวโน๊ต สมชายไม่ลืมที่จะหยิบเครื่องบันทึกเสียงกดบันทึก
จากโน้ตดนตรีเดี่ยวง่าย ๆ ก็เริ่มซับซ้อนขึ้นมาเป็นขั้นคู่เสียง
เป็นทรัยแอด เป็นคอร์ด เป็นวลีเพลงที่ฟังแล้วติดหู สมชายแต่งเพลงขึ้นมาสด ๆ
พร้อมอัดลงในเครื่องบันทึกเสียงคุณภาพสูง
แต่ละเพลงก็บรรยายอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เขาอัดเพลงไปทั้งหมด 29 เพลง
และตอนนี้พลังในตัวของสมชายก็หมดลง
เขาฟุบลงนอนบนโซฟายาวโดยวางกีตาร์ไว้ที่พื้น
เสียงเคาะห้องดังขึ้นสามครั้ง
สมชายงัวเงียตื่นขึ้นมาจากการนอนไปเพียงแค่ชั่วโมงกว่า ๆ
เขารีบหันไปมองกีตาร์สีขาวตัวนั้นก็พบว่ามันยังนอนอยู่บนพื้น
ไม่นานสมชายก็เดินไปเปิดประตูห้อง
“ผมมารับกีตาร์คืน” ชายชราคนเมื่อคืนยืนอยู่หน้าประตู
สมชายพยายามเปิดเปลือกตาที่ยังคงปิดเพราะอาการงัวเงีย
เขาเห็นชายชราในชุดเดิมที่ท่าทางโทรม ๆ “คุณเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“ไม่ต้องสนใจหรอกน่า”
สมชายเดินเข้าไปหยิบกีตาร์ตัวนั้นออกมายื่นให้ชายที่มาเยือน
จากนั้นชายคนนั้นก็ยื่นแผ่นกระดาษให้สมชาย
“ถ้าคุณไม่คิดจะเซ็นก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน
จะเก็บใส่ลิ้นชักหรือฉีกมันทิ้งก็ได้ แต่ถ้าคุณเซ็นมันเมื่อไหร่
ผมจะนำกีตาร์ตัวนี้มามอบให้คุณเอง”
“แล้วผมจะติดต่อกลับคุณได้อย่างไร”
ชายชรากำลังทำท่าทางจะเดินหันหลังออกไป
เหลียวหันมาทางสมชายก่อนจะพูด “ไว้ให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”
เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินจากไป
สมชายเดินกลับเข้ามานอนต่อในห้องนอนของเขา
กระดาษสัญญาถูกวางไว้หัวเตียง ชายหนุ่มผู้อ่อนเพลียงีบหลับไปได้สิบนาทีกว่า ๆ
ก็ลุกขึ้นมาทำธุระส่วนตัว
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จสมชายเดินเข้าไปยังห้องเก็บเสียงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาเดินไปหยิบกีตาร์ไฟฟ้าของเขาเองออกมาจากที่แขวนข้างฝาผนังห้อง
จากนั้นก็พยายามเล่นเพลงที่ตัวเองเพิ่งจะบรรเลงไปก่อนหน้านี้ แต่ทว่าเมื่อลองไล่นิ้วไปได้สักพักสมชายก็โยนกีตาร์ลงพื้นพรมก่อนจะยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาขยี้ผมบนหัว
ความกลัวเรื่อง ๆ หนึ่งบังเกิดขึ้นมาในใจของสมชายจนเขาต้องรีบคว้ากีตาร์ขึ้นมาจากพื้น
จากนั้นก็เริ่มตีคอร์ดร็อค ทดลองไล่สเกลให้ได้มากที่สุด
และยังเล่นลูกสวีปปิ้งที่ตัวเองถนัด
ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเล่นออกมายังคงดุดันเร้าใจไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เคยเล่นได้
ตอนนี้สมชายก็ยังสบายใจไปเปราะหนึ่ง
งานในค่ำคืนนี้ของสมชายในร็อคผับก็เป็นเหมือนทุก
ๆ คืน ดนตรี แสง
สีเสียงยังคงปลุกเร้านักท่องราตรีให้สนุกสนานไปกับโลกแห่งเสียงเพลง โดยมีเหล้า
ยาและเซ็กส์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ แต่งานก็คืองาน
นักกีตาร์ขวัญใจนักเที่ยวยังคงต้องขับกล่อมผู้ฟังให้ไม่มีที่ติ
แม้ว่าจิตใจของสมชายจะรู้สึกเบื่อหน่ายและซึมเศร้ามากเพียงใดก็ตาม
ความเบื่อหน่ายไร้จินตนาการของเขานั้นผ่านนานวันเข้าก็เปลี่ยนเป็นความหดหู่จนถึงที่สุด
สมชายลาออกจากงานและไม่นานก็มีนักกีตาร์คนใหม่มาแทนเขาอย่างรวดเร็ว
เหล้ายาอบายมุขทุกอย่างถูกใช้เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ เขาหันหลังให้สังคม
เพื่อนฝูงญาติมิตรไม่เคยคิดอยากจะไปเจอหน้า
ไม่ต้องพูดถึงดนตรีที่สมชายไม่คิดแม้แต่จะฟังมัน
เวลาผ่านไปเป็นปี วันหนึ่งหลังจากสมชายกลับเข้าคอนโดพร้อมขวดเหล้าเบียร์สำหรับพอประทังความทุกข์ไปวัน
ๆ เขาขึ้นห้องและยัดขวดเบียร์ใส่ตู้เย็น เก็บขวดเหล้าส่วนหนึ่งเข้าตู้
จากนั้นเหล้าหนึ่งขวดที่เหลือจึงถูกเปิดรินใส่แก้ว สมชายเลือกที่จะดื่มเพียว ๆ
เพราะต้องการฤทธิ์ของเหล้าที่แรงที่สุด
การไม่มีความคาดหวังใด ๆ ในชีวิตนั้นเป็นทุกข์
และการดื่มเหล้าไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ตัวเองเมาจนหลับ อย่างน้อยนี่ก็คือจุดหมายที่สมชายแอบคาดหวังเอาไว้ในทุก
ๆ คืน หลังจากดื่มไปได้ครึ่งขวด
เขายกขวดเหล้าเข้าไปในห้องนอนเพราะเตรียมจะไปดื่มต่อที่นั่น
สมชายวางขวดเหล้าบนหัวเตียงทับแผ่นกระดาษอะไรสักอย่าง และเมื่อเขาสังเกตดี ๆ
ก็เห็นว่ามันเป็นกระดาษสัญญาจากชายชรา
สมชายจำได้ทุกตัวอักษรบนแผ่นกระดาษนั้น ช่วงแรก
ๆ หลังจากที่ได้กระดาษแผ่นนี้มา เขาลองตรองดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะเซ็นหรือไม่เซ็น
เพราะความคลุมเครือในเงื่อนไขที่ว่าวิญญาณของเขาจะไปไหนนั้นยังไม่ชัดเจน
ความกังวลว่าเจ้าของสัญญานี้จะมาทวงหนี้จากเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และภาพสยดสยองจากคราบสีแดงคล้ำที่อยู่ตรงปิ๊กการ์ดกีตาร์นั้นมันช่างหลอกหลอนให้สมชายคิดไปต่าง
ๆ นานา
กระดาษแผ่นนั้นถูกหยิบขึ้นมา บัดนี้มันมีรอยน้ำเป็นวง
ๆ จากก้นขวดเหล้าที่มีคราบของเหลวติด ในวงนั้นเน้นข้อความว่า ‘เมื่อบรรลุข้อตกลงกับสัญญาฉบับนี้แล้ว
กรรมสิทธิ์ในดวงวิญญาณของผู้ลงลายมือชื่อจะตกเป็นของผู้ให้ยืมกีตาร์’
สมชายยกขวดเหล้าขึ้นดื่มหนึ่งอึก
ก่อนจะหยิบปากกาที่อยู่ข้าง ๆ นั้นเซ็นลายมือชื่อลงไปในช่องกรอกข้อความ เมื่อเซ็นชื่อเสร็จเขาล้มตัวลงนอนหงายลืมตามองเพดานอยู่บนเตียง
เวลาผ่านไปสักพักจึงทดลองสำรวจล่างกายของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังอยู่ดีไม่มีอะไรเสียหาย
สมชายก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นห้องก่อนจะค่อย ๆ ม่อยหลับไป
ในร้านอาหารเล็ก ๆ บนเวทีมีวงดนตรีสามชิ้นบรรเลงเพลงอยู่บนนั้น มือกลองหน้าตาสะอาดกำลังเคาะจังหวะช้า
ๆ ส่งอินโทรให้กับเบส สมชายรอให้เสียงเบสเบาลงก่อนเขาจะเริ่มเกาสายกีตาร์
เมื่อเบสคุมโทนของเพลงได้หมด มือกีตาร์จึงเริ่มโซโล่ทันที
เสียงกีตาร์หวานแหววจนทำหู้ฟังหลายคนทำสายตาหยาดเยิ้มกับเสียงเพลง
บัดนี้สมชายและลูกวงของเขาสามารถคุมผู้ชมได้หมดทั้งร้านแล้ว
หลังจากสมชายได้รับกีตาร์สีขาวจากชายชราลึกลับคนนั้น
และเมื่อเขาได้บรรเลงเพลงที่บรรยายถึงความทุกข์
ความหดหู่ซึมเศร้าที่สะสมยาวนานมาเกือบหนึ่งปีเต็ม ๆ
นั่นถึงกับทำให้นักกีตาร์ผู้ห่างหายจากเครื่องดนตรีไปนานถึงกับหลั่งน้ำตา
สมชายนั่งบรรเลงเพลงในห้องเก็บเสียงอย่างเพลิดเพลินจนทำให้เขาลืมเลือนเงื่อนไขของสัญญาฉบับนั้นไป
สมชายสังเกตว่ามีแฟนเพลงของเขาหลายคนที่ติดตามไปฟังเขาเล่นเพลงในหลาย
ๆ ที่ แฟนเพลงบางคนมอบของขวัญและคอยทักทายนักดนตรีอย่างสมชายบ่อยครั้ง
เคยมีแฟนเพลงบางคนบอกว่าเพลงของเขานั้นเป็นสไตล์ที่หาฟังยากมาก และยังถามว่าทำไมไม่บันทึกเสียงวางขายในท้องตลาด
สมชายก็ได้แต่ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร
แต่ว่ามีแฟนเพลงคนหนี่งที่สะดุดตาของสมชายเป็นอย่างมาก
แฟนเพลงคนนี้จะใส่สูทชุดดำในทุกที่ที่สมชายเจอ ทุกที่จริง ๆ
ที่สมชายเดินทางไปเล่นจะต้องมีแฟนเพลงคนนี้ ชายใส่สูทสีดำมีสิวผิวออกคล้ำแม้จะอยู่ในแสงไฟ
สีหน้าแววตาและรอยยิ้มที่แตกต่างจากผู้ฟังทั่วไป ในหลายเดือนมานี้เป็นช่วงเวลาที่สมชายมีความสุขเป็นอย่างยิ่งเพราะได้ขับกล่อมผู้ฟังจากเพลงที่เขาเล่น
และสมองของนักดนตรีผู้นี้ยังสามารถผลิตผลงานเพลงเพราะ ๆ ไม่ว่าจะเพลงอมตะของใคร
เพียงแค่สมชายได้ฟังสองสามรอบก็สามารถเล่นตามได้อย่างน่าอัศจรรย์
ถ้าหากไม่มีแฟนเพลงท่าทางแปลก ๆ
คนนั้นโผล่มากวนใจ สมชายก็คงจะไม่คิดมากจนบางครั้งก็แทบจะสติแตกไม่ได้
ความระแวงแคลงใจเกี่ยวกับคำมั่นสัญญานั้นเริ่มตามมาหลอกหลอนเขาแล้ว เขานึกถึงสิ่งที่ชายชราลึกลับคนนั้นบอกเขาทำนองว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นย่อมมีราคาเสมอ
ราคาที่สมชายจะต้องจ่ายด้วยอะไรสักอย่าง แต่เขารู้ว่าเขาต้องตาย
ช่วงหลัง ๆ
สองสามเดือนมานี้สมชายได้พบเจอแฟนเพลงในชุดสูทสีดำบ่อยขึ้น
ความกลัวและความกังวลของเขาเริ่มแสดงออกมาบนสีหน้าเมื่อขึ้นเวที
บางครั้งก็ถึงกับทำให้เพลงล่มกลางคันก็มี
วันหนึ่งในขณะที่สมชายกำลังบรรเลงเพลงอยู่บนเวที
เขาเห็นชายในชุดดำยิ้มให้เขาอย่างเปิดเผย
และที่น่าตกใจที่สุดคือบนโต๊ะตัวที่แขกชุดดำนั่งมีแผ่นกระดาษสัญญาใบนั้นวางอยู่
จากคิวเพลงที่ต้องเล่นเพลงหวาน ๆ ในแขกฟัง
ความรู้สึกและจิตใต้สำนึกของสมชายกลั่นออกมาจนทำให้บทเพลงที่เขากำลังเล่นอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นเพลงที่น่าสะพรึงกลัวทันที
แขกคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้เรื่องนี้ต่างชอบอกชอบใจกันจนโห่ร้องด้วยความสนุกสนาน
หลังจากเสร็จงานคืนนี้
เป็นครั้งแรกที่แขกในชุดดำเดินมาหาเขา
สมชายพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติแต่ไม่สำเร็จ เมื่อเพื่อน ๆ
ร่วมวงต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เสียงจากแขกผู้มาเยือนก็ดังขึ้น
“ข้ามาทวงสัญญา”
ชายชุดดำพูดเสร็จก็กางเอกสารสัญญาออกมาให้สมชายเห็น
อาการหน้าซีดเหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ด ๆ
ของสมชายปรากฏขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มนักดนตรีตกใจสุดขีดเผลอทำกีตาร์ตกพื้นเสียงดังลั่น เขาเข่าอ่อนหงายหลังนั่งลงไปกับพื้น
ชายชุดดำเดินยิ้มฟันขาวเข้ามาหยิบกีตาร์ขึ้นมา
เขารูดซิปกระเป๋ากีตาร์ออกและโยนมันทิ้งลงพื้น กีตาร์สีขาวตอนนี้กำลังมีเลือดสีแดงไหลออกมาจากบริเวณปิ๊กการ์ด
บัดนี้สมชายมั่นใจแล้วว่าของเหลวข้น ๆ ตรงนั้นก็คือเลือดคนอย่างแน่นอน เลือดสีแดงฉานไหลออกมาเหมือนสายน้ำลงพื้นเจิ่งนองจนมาถึงชายที่กำลังนั่งอยู่
อาการชาที่ขาของสมชายเริ่มปรากฏขึ้นเพราะความเย็นยะเยือกของน้ำสีแดงนั่น
รอยยิ้มของชายผิวคล้ำในชุดดำกำลังแสดงความสะใจออกมาอย่างน่าสะพรึง
สมชายทำอะไรไม่ถูกแต่ยังพอรวบรวมสติได้ส่วนหนึ่งจึงใช้มือล้วงเข้าไปในประเป๋ากางเกงเพื่อหยิบบัตรพลาสติกออกมา
“เดี๋ยวก่อน”
สมชายพูดขึ้นด้วยเรี่ยวแรงที่ยังพอเหลือ
“ทำไม เจ้าคิดจะเบี้ยวสัญญาเหรอ”
“เปล่า ผมไม่คิดจะเบี้ยวสัญญาหรอก” สมชายพูด
ผู้มาทวงวิญญาณหัวเราะออกมาเป็นเชิงเย้ยหยัน “เดี๋ยวก่อนพ่อนักกีตาร์
นี่เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาทุกอย่างแล้ว อย่ามาต่อรองอะไรทั้งนั้น”
“เดี๋ยวให้ผมพูดก่อน ผมรู้ว่าท่านต้องการอะไร
บางทีสิ่งที่ผมพูดอาจจะทำให้ท่านพอใจ”
เจ้าของฟันขาวแสดงรอยยิ้มออกมาเหมือนนึกสนุกอะไรบางอย่าง
จากนั้นของเหลวสีแดงบนพื้นก็ไหลย้อนกลับคืนเข้าสู่ที่ที่มันไหลออกมาจนหยดสุดท้าย
“ลองว่ามา อย่าทำให้ข้าเสียเวลาล่ะ”
สมชายค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะพูด “ผมรู้ว่าวิญญาณของผมคงจะต้องไปอยู่ในกีตาร์ตัวนี้
ผมจะต้องกลายเป็นกีตาร์เพื่อให้คนต่อไปมานำไปเล่นสร้างเสียงเพลง
แต่ก่อนนั้นผมอยากจะบรรเลงเพลงสุดท้ายของผม เมื่อเรารู้ว่าตัวเองกำลังจะตายก็เหมือนกับเป็นคนที่ตายไปแล้ว
เพลงที่คนตายไปแล้วแต่งขึ้นและบรรเลงมันออกมาคงจะฟังดูหดหู่จนอาจจะทำให้คนฟังอยากจะฆ่าตัวตาย”
ซาตานในคราบผู้ดีเริ่มมีใจลังเล
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครสามารถต่อลองกับซาตานได้เลย
แต่สิ่งที่สมชายพูดว่าอาจจะทำให้คนฆ่าตัวตายได้นั้นเป็นสิ่งที่ซาตานชอบ
ยิ่งบางทีหากการตายนั้นเป็นการฆ่าตัวตายหมู่
นั่นยิ่งจะทำให้ซาตานสามารถสร้างประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกครั้ง
สมชายอ่านความคิดของซาตานออกจากแววตาคู่นั้น
เขายิ่งสำทับต่อ “ท่านอาจจะได้ดวงวิญญาณกลับบ้านอีกหลายพัน เพราะพรุ่งนี้ผมจะเล่นในฮอลล์ใหญ่”
เสียงหัวเราะของซาตานดังขึ้นอย่างสะใจ
“ข้าไม่ต้องการวิญญาณชั้นต่ำเหล่านั้น วิญญาณของคนฆ่าตัวตายนั้นสกปรกโสมมเกินกว่าที่จะเอาไปทำอะไรได้
แต่ไม่เป็นไร ข้าอยากเห็นการฆ่าตัวตายหมู่
และข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะทำให้พวกนั้นอยากตายได้หรือไม่”
สมชายได้ยินดังนั้นเขาเพ่งมองไปที่ซาตานพร้อมเผลอขมวดคิ้ว
“หมายความว่าผมมีเวลาอีกหนึ่งวัน”
“ตามนั้น จงใช้วันสุดท้ายของชีวิตให้คุ้มค่า
และจงสร้างความบันเทิงให้กับข้าอย่างถึงที่สุด”
ซาตานพูดเสร็จก็เดินจากไปเหลือไว้แต่กีตาร์สีขาวที่ดูเหมือนจะส่งยิ้มสยอง
ๆ ให้สมชาย
นักกีตาร์ชะตาชีวิตกำลังจะขาดกลับมานั่งคิดนอนคิดที่โซฟาในห้อง
ณ บัดนี้แล้วความตายและการอดได้เล่นกีตาร์นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นก็คือวิญญาณของเขาอาจจะต้องไปอยู่ในกีตาร์ตัวนั้นอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้
บางทีแล้ววิญญาณที่อยู่ในกีตาร์อาจจะทุกข์ทรมานเมื่อกีตาร์ถูกดีดก็เป็นได้ ใช่สิ
น่าที่หลักของซาตานก็คือการทรมานคนเล่น
สมชายจินตนาการความคิดเหล่านั้นแล้วยิ่งทำให้เขาเครียดมากยิ่งขึ้น
ภาพของกีตาร์สีขาวนี้มันช่างหลอกหลอนเขาให้หวาดกลัวกับสิ่งที่มองไม่เห็น
สมคิดชายข่มตาและตื่นขึ้นมาเพื่อจะยอมรับความตายในคืนถัดไป
และในค่ำคืนถัดมาการแสดงก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง
แต่ท่าทางความทุกข์นั้นหายไปหมดสิ้นแล้วจากใบหน้าของสมชาย
การแสดงเริ่มขึ้นและแฟนเพลงคนเดิมในชุดสูทสีดำก็ยังคงปรากฏตัวเหมือนเดิม รอยยิ้มฟันขาวดูพอใจกับโชว์นี้
เสียงเพลงแห่งความเศร้าความสิ้นหวังหดหู่ถูกขับกล่อมออกมาซึ่งขัดกับสีหน้าของสมชายยิ่งนัก
ซาตานรู้สึกว่าใบหน้าของผู้ที่กำลังจะตายกลับดูสดชื่นกว่าที่ควรจะเป็น
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะคืนนี้คงจะเป็นโชว์ที่ถูกใจเขายิ่งนัก
ความวางใจว่าโชว์คงจะเป็นเหมือนที่ตัวเองคาดไว้ไม่ผิดเพี้ยน
แต่ทว่าในระหว่างที่สมชายกำลังบรรเลงเพลงท่อนฮุดจบลง
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบขวดขวดเหล้าสแตนเลสแบบพกพาออกมา
ไม่รอช้าเขาดื่มของเหลวทั้งหมดที่อยู่ในนั้นจนหมด
และหลังจากนั้นสมชายฟุบลงกับพื้นทันที
เสียงตกใจดังขึ้น ทั้งบนเวทีและข้างล่างต่างอลหม่านจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น
เหล่าผู้ชมต่างตกใจลุกขึ้นชะเง้อชะแง้มองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แม้แต่ซาตานยังเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นโกรธแค้นแทบไม่ทัน
เขาฉีกแผ่นกระดาษสัญญาทิ้งและเดินออกไปอย่างเจ็บแค้น
ในห้องของสมชายเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาเก็บและพิสูจน์หลักฐาน
ของใช้และทรัพย์สินส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บและขนย้ายออกไปจากห้องแล้ว
ในห้องเก็บเสียงที่เป็นห้องซ้อมดนตรีของสมชายมีกีตาร์ราคาแพงหลายตัวถูกเก็บใส่กล่องรอการเคลื่อนย้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งขอร้องให้นักดนตรีที่เคยสนิทสนมกับสมชายและถูกขอมาให้ปากคำ
ช่วยเปิดเสียงจากเครื่องบันทึกเสียงที่อยู่ในห้อง เสียงกีตาร์ที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น