วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชีวิตใหม่


“หลังจากที่จำเลยได้อยู่ในเรือนจำ 48 ปีในข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์จลาจลเมื่อ 48 ปีที่แล้ว ฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ยื่นฟ้องและยื่นอุทธรณ์มาแล้วถึงสองครั้งเมื่อศาลจะยกฟ้องจำเลย และเพราะโจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานมัดตัวจำเลยและคดีก็ล่วงเลยมานานกว่าโทษของคดีที่จำเลยอาจจะต้องชดใช้ ศาลมีความเห็นว่าควรยกฟ้องและจะไม่รับคำร้องอุทธรณ์ใดๆจากรัฐเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก จำเลยจะได้รับการปล่อยตัวแบบไม่มีเงื่อนไข”
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลอ่านคำพิพากษาบนบัลลังก์ เสียงฮือฮาดังลั่นศาลทั้งพวกที่ดีใจกับคำตัดสินและฝ่ายที่ไม่ยอมรับคำตัดสิน
“สำหรับคำร้องของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของนักโทษที่เรียกร้องให้มีการชดเชยตามจำนวนวันที่จำเลยติดคุก ศาลลงความเห็นแล้วว่าจำเลยสมควรได้รับเงินชดเชยวันละ 200 บาท เงินค่าเสียโอกาสในการประกอบอาชีพอีกวันละ 200 บาท และค่าฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจอีก 50,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,058,000 บาท ทางฝ่ายรัฐจะต้องชดใช้เงินจำนวนนี้ให้กับจำเลยทันทีหลังจากศาลสรุปคำพิพากษานี้”
เสียงโห่ร้องดีใจดังมาจากที่นั่งฝ่ายนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน พวกเขาจับไม้จับมือกันแสดงความยินดีที่ต่อสู้ในเรื่องสิทธิ์ของคดีนี้มายาวนานกว่า 30 ปี และวันนี้ก็เป็นเหมือนชัยชนะที่อาจจะเป็นเครื่องหมายและสัญลักษณ์ของความยุติธรรม

อาทิตย์ในวัย 78 ปี เดินมาที่ประตูเหล็กหน้าเรือนจำ เขาค่อยๆเดินออกมาเห็นท้องฟ้าจากภายนอกรั้วเป็นครั้งแรกในรอบ 48 ปี ท่าทางที่มะงุมมะงาหราของอาทิตย์สร้างความรำคาญให้กับผู้คุม จนผู้คุมต้องรีบผลักไสให้อาทิตย์รีบเดินไปให้พ้นๆรั้ว
บนท้องถนนสายยาวแสงแดดแรงกล้า รูม่านตาที่ขยายกว้างเพราะเคยชินอยู่แต่กับความมืดในห้องขังมาเกือบตลอดชีวิต แต่เมื่อมาเจอกับแสงแดดสว่างจ้าทำให้สายตาของเขาปรับตัวไม่ทัน กว่าที่สายตาจะปรับสภาพเพื่อให้รับแสงได้นั้น เป็นความทรมานแก่เจ้าของดวงตานั้นไม่น้อย อาทิตย์ก็เดินเรื่อยเปื่อยมาถึงสี่แยกกลางเมือง ที่นั่นเขาหันซ้ายแลขวาไปรอบทิศทาง เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและมาทำอะไร ชายผู้ที่เพิ่งจะออกมาจากคุกได้แต่หันไปมองสายตาคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมา สายตาแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์หลายคู่มองมาที่เขา สภาพของอาทิตย์ที่ใส่เสื้อยืดสีขาวเก่าๆ มีรอยเปื้อน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินกับรองเท้าแตะเก่าๆสกปรกสภาพไม่ต่างจากเสื้อผ้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อาทิตย์เกิดความสังเวชตัวเองเท่ากับความงงงันกับสิ่งที่จะดำเนินต่อไป
รถยนต์วิ่งบนถนนด้วยความเร็วเฉียดที่จะชนกับอาทิตย์ เสียงแตรจากรถคันหรูดังตามหลังมาแม้มันจะขับออกไปไกลแล้ว อาทิตย์ไม่รู้ว่าเหล็กสี่เหลี่ยมที่วิ่งผ่านเขาไปนั้นคืออะไรกันแน่ และยังมีเหล็กวิ่งได้อีกหลายคันบนท้องถนนวิ่งไปมาจนอาทิตย์ต้องวิ่งหนีไปที่กว้าง เขาเห็นตึกรามบ้านช่องปูนตั้งสูงตระหง่านฟ้าพลันสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไร
หลายชั่วโมงผ่านไปแต่อาทิตย์ก็ยังคงเดิน เขาเดินโดยไร้จุดหมายผ่านสายตาหลายคู่ที่มองเขาอย่างเวทนา เมื่ออาทิตย์เดินผ่านร้านอาหาร เขาไปยืนเกาะตู้กระจกพร้อมทำท่าทางหิว
“ไป ! ออกไปไอ้ขอทาน” เจ้าของร้านตะโกนขับไล่อาทิตย์ นั่นเรียกเสียงหัวเราะจากลูกค้าที่นั่งอยู่เต็มร้าน “รีบไปก่อนที่มึงจะจมตีนตาย เฮ้ย ! ไอ้โจส่งแขกหน่อย” ชายแก่เจ้าของร้านสั่งให้เด็กเสิร์ฟออกไปไล่อาทิตย์ เด็กเสิร์ฟร่างใหญ่หุนหันเดินตรงไปหน้าร้านจนอาทิตย์ตกใจกลัวลนลานรีบเดินออกไป เสียงหัวเราะขบขันดังมาจากเหล่าลูกค้ายิ่งขึ้น เหมือนพวกเขาจะพอใจที่จะกดหัวใครสักคนหนึ่งในสังคมให้จมดิ่งลงไป
ความหิวและหมดหนทางจะเดินต่อไปทำให้อาทิตย์นั่งฟุบลงกับพื้นพร้อมร้องร่ำไห้เสียงสะอื้น หลายคนเดินถนนแต่งตัวดีภูมิฐานต่างรีบเดินหนีไปให้ไกลจากต้นเสียง ไม่มีใครสักคนที่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ไม่น่าไว้วางใจคนนี้ แต่ทว่าชายคนหนึ่งที่กำลังลากรถเข็นเก็บขยะผ่านถนนเส้นนั้นกลับหยุดรถและเดินมาที่อาทิตย์
“เป็นอะไรเพื่อน นายมาจากที่ไหนล่ะ ท่าทางคงจะหิวนะ” ชายเก็บขยะพูดเสร็จก็หยิบห่อข้าวเหนียวพร้อมหมูปิ้งอีกสามไม้ยื่นให้อาทิตย์
อาทิตย์ยิ้มพร้อมรับห่ออาหารเหล่านั้นมากินด้วยความดีใจ เขายิ้มออกให้ชายผู้มีพระคุณ
“นายมาจากที่ไหน ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” ชายเก็บขยะยื่นขวดน้ำพลาสติกสีขุ่นให้อาทิตย์
“ผมจำไม่ได้ แต่รู้สึกว่าจะพลัดหลงออกมาจากบ้าน” อาทิตย์พูดด้วยแววตาที่เลื่อนลอย
“ฉันชื่อบุญ นายชื่ออะไร” คนเก็บขยะถาม
“อาทิตย์”
บุญหันมามองอาทิตย์อีกครั้ง บางทีแล้วบุญอาจจะคิดว่าอาทิตย์นั้นเป็นโรคความจำเสื่อมหลงๆลืมๆ และพลัดหลงออกมาจากบ้าน
“เอาอย่างนี้พ่ออาทิตย์ ไปอยู่บ้านฉันก่อนก็ได้ ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียว ถ้าเธอยังไม่มีที่ไปนะ”
อาทิตย์ไม่ตอบอะไร เขายังคงทำสีหน้าเฉื่อยชาและมึนงงไม่ตอบสนองอะไร แต่เมื่อบุญลุกขึ้นยืนและทำท่าจะจากไป อาทิตย์ก็รีบเดินตามบุญไปอย่างคนที่กลัวจะถูกทิ้ง
ภาพของคนเก็บขยะที่ลากรถเข็นไปมา เป็นภาพปกติที่คนในซอยจะเห็นกันจนชินตา แต่วันนี้มีผู้ติดตามชายเก็บขยะมาด้วยอีกหนึ่งคน ซึ่งสภาพของทั้งคู่ไม่ต่างกันมากนัก ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็เหมือนจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกัน
“บ้านไม่กว้างนะ ออกจะคับแคบไปหน่อย พอดีฉันต้องกันพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับสินค้า” บุญอธิบายสภาพบ้านที่ล้วนแต่มีกองขยะที่ถูกคัดแยกไว้เตรียมขาย กลิ่นเหม็นจากกองขยะที่หึ่งโชยไม่ได้สร้างความลำบากใจให้อาทิตย์เท่าไหร่นัก
อาทิตย์ล้มตัวลงนอนข้างๆเสาไม้ทันที นั่นทำให้บุญหัวเราะเล็กๆออกมา
“เอ้า... อยากจะนอนตรงนั้นเหรอ งั้นก็ตามสบายเลยนะ” บุญพูดเสร็จก็ถอยรถประจำตำแหน่งเข้าที่จอดรถ เจ้าของบ้านเข้าไปบ้านไปอาบน้ำนอนตามปกติ

เช้าตรู่ บุญเดินออกมาหน้าบ้าน เขาไม่เห็นอาทิตย์นอนอยู่ที่เดิมแล้ว
“ไปซะแล้ว เฮ้อ... สงสัยจะสติไม่สมประกอบหลงทางออกจากบ้านน่าสงสารจัง แต่ช่างเถอะ เราเองยังเอาตัวเองไม่รอดเลยจะไปช่วยใครได้อีกล่ะ” บุญผู้ใจดีบ่นรำพันถึงเพื่อนใหม่ที่จากไปแล้ว
ถนนถัดไปไม่ไกลนัก อาทิตย์ยังคงเดินบนถนนในเสื้อผ้าชุดเดิมที่สกปรก บวกกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้นทำให้เขาเหมือนเป็นส่วนเกินจากสังคม ที่นี่ไม่มีใครต้องการคนอย่างอาทิตย์
“ไปๆ ! ไอ้คนบ้า ออกไปจากหน้าบ้านของฉันนะ” หญิงชราที่เพิ่งจะเสร็จจากการบิณฑบาตพระ ตะโกนขับไล่คนจรจัดให้ออกไปจากหน้าบ้านด้วยท่าทางที่รังเกียจเดียดฉันท์ พระสองรูปที่เสร็จกิจก็รีบเดินจากไป อาทิตย์ที่เดินผ่านมาเฉยๆตกใจกับเสียงวี้ดว้ายนั้น เขาหันหน้ามาทางต้นเสียงด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ว้าย ! ช่วยด้วยๆ” หญิงชราร้องตกใจ เธอถือขันรองน้ำจากการกวดน้ำตอนที่พระสวดให้พร สาดน้ำที่อยู่ในนั้นไปที่อาทิตย์ น้ำสาดเข้าไปเต็มใบหน้าของชายโชคร้าย อาทิตย์ตกใจรีบวิ่งหนีทันที
อาทิตย์วิ่งพ้นบ้านของหญิงชราใจร้ายมาไกลแล้ว แต่เขาคงไม่สามารถหลบพ้นสายตาของคนในสังคมหลายคู่ ที่ต่างก็ลงความเห็นว่าชายผู้นี้ก็คือขยะคนหนึ่งนั่นเอง เขาเดินต่อไปเรื่อยๆจนผ่านถังขยะขนาดใหญ่วางเรียงรายกันหลายใบ
ชายคนหนึ่งใส่กางเกงสกปรกเปลือยท่อนบนกำลังคุ้ยเขี่ยถังขยะ เขารู้สึกได้ถึงการมาของอาทิตย์จึงโงหัวขึ้นมาจากถังขยะ

“อ้าว... ถ้าจะหิวนี่... หมูแดงชิ้นโต กลิ่นยังพอใช้ได้อยู่เลยรับไปสิ” ชายคนที่เพิ่งจะโผล่หัวมาจากถังขยะยื่นชิ้นหมูแดงที่เขาค้นเจอจากถังขยะให้กับอาทิตย์ พร้อมรอยยิ้มแสดงความมีน้ำใจ
อาทิตย์รับชิ้นหมูนั้นมาด้วยรอยยิ้ม เขาบรรจงค่อยๆกัดกินชิ้นเนื้อนั้นด้วยความอร่อย แม้ชิ้นหมูนี้จะอาจจะถูกเมินจากคนทั่วไปในยุคปัจจุบัน แต่กับคนอย่างอาทิตย์ที่ไม่เคยกินอาหารชั้นดีแบบนี้มาตลอด 48 ปีในคุก และก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยมีได้ลิ้มลองอาหารแบบนี้ กับชิ้นหมูแดงที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่บ้าง แต่นั่นก็ถือเป็นลาภปากของอาทิตย์แล้ว
“ขอบใจ” อาทิตย์พูดเรียกรอยยิ้มจากเจ้าถิ่น
“นายมาจากไหนล่ะ ไม่เคยเห็นหน้า”
“ฉันเหรอ ฉันหลงทางออกมาจากบ้าน กลับบ้านไม่ถูก”
“เหรอ” ชายเจ้าถิ่นหัวเราะชอบใจ “ไม่เป็นไรๆ นายไปอยู่บ้านฉันได้ มีที่นอนเยอะแยะเลย” ชายเจ้าของเสียงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“แล้วบ้านนายอยู่ไหนล่ะ”
ชายเก็บขยะชี้นิ้วไปที่ใต้สะพานลอย ที่นั่นมีผ้าขาดๆวางปูพร้อมหมอนเก่าๆอีกหนึ่งใบ อาทิตย์มองไปยังทิศทางที่ชายคนนั้นชี้นิ้ว จากนั้นทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาอย่างสบายอารมณ์ นั่นเรียกความสนใจจากคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมา แต่ชายทั้งสองนั้นต่างไม่สนใจสายตาเหล่านั้นอยู่แล้ว
หลังจากท้องของอาทิตย์เริ่มตึง เขาเดินตามชายเจ้าของที่นอนใต้สะพานลอยไปยังใต้สะพายลอย แสงแดดในบ่ายนี้ไม่แรงมากนักเพราะเมฆจำนวนมากมาบดบัง ลมพัดเย็นสบายทำให้อาทิตย์ล้มตัวลงนอนกับพื้นใต้สะพานลอย
“คุณอาทิตย์ๆ” อาทิตย์ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาในยามที่เขากำลังฝัน จนทำให้เขาคิดว่ามีคนเรียกชื่อของเขาในฝัน แต่เมื่อเขาพ้นจากความฝันแล้วเสียงนั่นก็ยังคงดังต่อเนื่อง อาทิตย์ลืมตาขึ้น เขาเห็นกลุ่มชายหญิง 3 คนแต่งกายชุดภูมิฐานยืนล้อมเขาอยู่
“โธ่... นึกว่าคุณหายไปไหน เราตามหาคุณอาทิตย์ซะทั่ว” หญิงใส่แว่นคนหนึ่งพูด
“วันนั้นเขาคงจะออกมาจากเรือนจำเร็วไป และเราคงไปรับไม่ทัน ไปกันเถอะคุณอาทิตย์ ต่อไปนี้เราจะดูแลชีวิตของคุณเอง” ชายอีกคนพูด
อาทิตย์เดินตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปด้วยความงงงวย เพื่อนใหม่ของอาทิตย์ก็ยืนงงอยู่ตรงนั้นด้วย
ชายคนหนึ่งเปิดประตูรถให้อาทิตย์ อาทิตย์ยืนทำท่างงทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่พอมองเข้าไปในตัวรถเห็นเบาะนั่ง จึงยอมก้มหัวมุดเข้าในอยู่ในตัวรถ จากนั้นคนทั้ง 3 ก็มุดตามเข้าไป
“คุณอาทิตย์ครับ นี่คือเงินสดจำนวน 7 ล้าน 5 หมื่น 8 พันบาท เราจะนำเงินจำนวนนี้โอนเข้าบัญชีของคุณ แต่ทางเราทราบดีว่าคุณอยู่แต่ในคุกถึง 48 ปี จึงทำให้คุณไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกภายนอกได้ เราจึงให้คนของเราคอยจัดการเรื่องการเรื่องชีวิตของคุณในช่วงแรก และตอนนี้เราเอาเงินสดจำนวนหนึ่งไปซื้อบ้านให้คนอยู่ แน่นอนครับจะมีคอยช่วยดูแลคุณด้วย” หัวหน้ากลุ่มนักเคลื่อนไหวที่คอยผลักดันเรื่องของอาทิตย์มาตลอดหลายปีนี้ นั่งชี้แจงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้อาทิตย์ฟังในห้องสำนักงาน
“ขอบใจนะ แล้วผมจะต้องไปที่ไหนต่อ” อาทิตย์ยังคงทำท่างงกับชีวิต
“ใจเย็นๆคุณอาทิตย์ เดี๋ยววันนี้เราจะเริ่มปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของคุณ”
ในวันนั้น มีเจ้าหน้าที่พาอาทิตย์ไปขัดสีฉวีวัน ตัดเผ้าตัดผมและพาไปเลือกชุดสูทจากห้องเสื้อชั้นนำ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เจ้าของห้องเสื้อให้อาทิตย์ดูตัวเองในกระจก
เมื่อภาพสะท้อนอาทิตย์ให้เห็นตัวเองในกระจก หัวสมองเขาถึงกับตกตะลึงและสับสนกับสิ่งที่เขาเห็น ในใจของอาทิตย์เขาสาบานว่าเขาไม่เคยรู้จักชายคนนี้มาก่อน โดยผมที่ถูกจัดทรงเรียบร้อยพร้อมปาดด้วยน้ำมันเรียบแปล้ หนวดเคราที่เคยยาวรุงรังถูกโกนทิ้งจนเห็นแต่เนื้อ เสื้อผ้าชั้นดีที่มีแต่คนมีเงินเท่านั้นที่จะมีโอกาสสวมใส่ รองเท้าหนังสีดำมันวาวทรงอเมริกา อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่อาทิตย์จะคุ้นชินกับชายที่อยู่ในกระจกนี้
“คุณดูดีมากเลยครับคุณอาทิตย์ วันนี้เราลองแต่งตัวให้คุณ ต่อไปเราจะพาคุณไปส่งที่บ้านที่ถูกซื้อด้วยเงินของคุณเอง ที่นั่นจะมีคนรับใช้คอยดูแลคุณตลอดเวลา” หัวหน้าขับรถพาอาทิตย์ไปยังบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง
เมื่อถึงที่หมาย อาทิตย์จำได้แม่นยำว่าบ้านข้างๆนั้นคือบ้านของหญิงใจร้ายที่สาดน้ำใส่เขาเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อรถจอดหน้าบ้าน อาทิตย์ถึงกับขนหัวลุกที่อาจจะเจอหญิงชราใจร้ายคนนั้น แต่เขายังไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้ใครเห็น
“นี่ครับคุณอาทิตย์ นี่คือบ้านหลังใหม่ของคุณ ในนี้มีทุกอย่างเพียงพอที่คุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย มีคนรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง” หัวหน้าเดินพาอาทิตย์เข้าไปในบ้าน ในนั้นมีสาวใช้สองคนนั่งรออยู่แล้ว
“และนี่คือห้องนอนของคุณ สะดวกสบายมาก อ้อ... แล้วเรื่องเงินของคุณไม่ต้องห่วง เราจะนำเงินของคุณอาทิตย์ไปลงทุนให้ออกดอกออกผลจนคุณไม่ต้องทำงานไปเลยตลอดชีวิต” หัวหน้ากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
อาทิตย์ยืนอยู่คนเดียวในห้องนอน เขารู้สึกไม่เคยชินกับความหรูหราของสถานที่แบบนี้ อาการเก้ๆกังๆแม้ยามที่เขาอยู่คนเดียวในห้องดูขัดกับเครื่องแต่งกายหรูหราที่เขาสวมและเตียงนอนกว้างใหญ่
คืนนั้นอาทิตย์ออกมานอนกับพื้นนอกระเบียงบ้าน สายลมเย็นๆพัดผ่านทำให้เขาหายใจโล่งสบาย
เฮ้อ... เราอยู่ในห้องขังมา 48 ปี แล้วทำไมยังจะต้องไปนอนในห้องแคบๆอีก ไม่เข้าใจจริงๆคนพวกนี้อาทิตย์นึกบ่นขึ้นมาในใจ

รุ่งเช้า อาทิตย์เดินออกมายังสนามหญ้าหน้าบ้าน เขาออกมาชมท้องฟ้ายามเช้าที่มีหมู่นกกาบินไปมา แสงแดดอ่อนทำให้จิตใจของอาทิตย์เหมือนจะสงบลง แต่ทันใดนั้นอาทิตย์มองออกไปนอกรั้วก็เห็นหญิงชราคนนั้นกำลังยื่นถุงกับข้าวใส่บาตรพระ เธอรับพรจากพระเสร็จก็หันหน้ากลับเข้าบ้าน
“อ้าว... เพื่อนบ้านใหม่ สวัสดีค่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่หรือคะ” หญิงชราจำไม่ได้ว่าเคยเจออาทิตย์แล้ว แต่ในครั้งนั้นกับครั้งนี้สภาพของอาทิตย์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ไม่แปลกใจที่หญิงชราจะจำไม่ได้ แต่อาทิตย์จดจำความโหดร้ายของหญิงชราได้ เขารีบวิ่งเข้าบ้านอย่ารวดเร็ว
“เฮ่ๆ จะวิ่งหนีไปไหนล่ะคะเพื่อนบ้านใหม่ ทำความรู้จักกันก่อนสิ”
อาทิตย์วิ่งหนีเข้าบ้านไปนานแล้ว
“แปลกคนจริงๆ สงสัยไปอยู่แต่ในป่ามานานไม่เคยเข้าสังคม”
เขาระแวงไม่กล้าแม้แต่จะออกไปยืนหน้าบ้าน อาทิตย์เริ่มคิดถึงสายตาหลายคู่ที่อยู่ข้างนอกนั่นในวันก่อนๆ มันเริ่มที่จะสร้างความหดหู่ให้เกิดขึ้นภายในจิตใจ สุดท้ายแล้วอาทิตย์ก็ยอมที่จะขังตัวเองเอาไว้ในบ้าน เขาคงเคยชินกับสถานที่ที่มีกำแพงล้อมรอบมากกว่า
ไม่นานหัวหน้านักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของนักโทษมาหาอาทิตย์ที่บ้าน
“คุณอาทิตย์ วันนี้เราจะมีงานแถลงข่าวการได้รับอิสรภาพของนักโทษที่ไม่มีความผิดและถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม ในฐานะที่คุณเป็นหนึ่งเหยื่อของกระบวนการเหล่านั้นและหลุดพ้นมันมาได้ เราจะจัดงานเพื่อสัมภาษณ์คุณออกทีวี” หัวหน้าพูดเสร็จก็ขอให้อาทิตย์แต่งตัวออกไปกับเขาทันที


ในเวทีกลางแจ้งขนาดไม่ใหญ่มากนัก ป้ายผ้าแสดงตัวอักษรสื่อถึงการสัมภาษณ์นักโทษที่ถูกขังมานานเกือบครึ่งศตวรรษ เรียกความสนใจจากผู้คนให้เข้ามารับฟัง บนเวทีมีชุดโซฟาง่ายๆหนึ่งชุด มีคนสองคนนั่งอยู่แล้วในนั้น คนหนึ่งคืออาทิตย์ และอีกคนหนึ่งคือดาราพิธีกรชื่อดัง
พิธีกรยิงคำถามแรกไปให้อาทิตย์
“คุณอาทิตย์คุณรู้สึกอย่างไรที่ต้องโทษคุมขังถึง 48 ปีโดยที่ไม่มีความผิด”
“ในตอนที่ผมติดคุกใหม่ๆ ผมรู้ตัวดีเสมอว่าผมไม่ผิด ตอนนั้นผมแค้นมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีเงินจ้างทนาย” อาทิตย์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ตอนนี้ความแค้นของคุณยังมีอยู่มั้ยครับ”
“ผมลืมมันไปหมดแล้ว”
พิธีกรเตรียมยิงคำถามถัดไป เขาก้มลงไปอ่านสคริป
“คุณคิดว่าสภาพแวดล้อมในเรือนจำเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับโลกภายนอกเรือนจำ”
“มันเป็นเรื่องที่อาจจะอธิบายยากครับ พวกคุณอาจจะลืมไปหมดแล้วว่าสภาพสังคมเมื่อ 48 ปีที่แล้วเป็นยังไง เพราะพวกคุณอาจจะคุ้นชินกับสังคมสมัยใหม่ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป แต่สำหรับผมนั้นจำภาพของเมื่อ 48 ปีที่แล้วของโลกภายนอกได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อผมออกมาจากเรือนจำผมกับไม่คุ้นชินกับสังคมที่เปลี่ยนไป วัตถุก็เปลี่ยนไป คนก็เปลี่ยนไป”
พิธีกรทำหน้างงกับคำตอบเล็กน้อย ไม่ต่างจากผู้คนที่เข้ามารับฟัง พวกเขาก็ทำสีหน้าประหลาดใจ พิธีกรทำได้แต่อ่านคำถามถัดไป
“เอ่อ... คุณอาทิตย์ครับ ตอนที่คุณอยู่ในเรือนจำ คุณเคยโหยหาอิสรภาพมั้ยครับ”
“แน่นอนครับ ผมเคยคิดถึงอิสรภาพเมื่ออยู่ในห้องขัง เคยคิดมานานแล้วว่าอยากออกจากห้องขังเพื่อมาทำอะไรตามที่ใจอยากจะทำ แต่พอผมออกจากคุกหลังติดอยู่ในนั้นนานถึง 48 ปี เมื่อผมออกมาทุกวันนี้ยังรู้สึกสับสน บ่อยครั้ง งงๆ ว่าอยู่ที่ไหน หรือควรอยู่ที่ไหน จะไปที่ไหนต่อหรือจะทำอะไรต่อไป”
พิธีกรทำท่าทีอึกอัก เขาไม่สามารถคิดคำถามสดๆออกมาจากในหัวได้เหมือนที่เคยทำ เขารีบก้มดูคำถามถัดไปในกระดาษ
“และมาถึงคำถามข้อสุดท้ายครับคุณอาทิตย์ คุณคิดว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไงครับ”
อาทิตย์นิ่งเงียบ เขาใช้เวลาทบทวนความคิดชั่วครู่ ก่อนจะตอบ
“อายุผมก็เยอะแล้ว อีกไม่กี่ปีก็คงจะตาย ผมอยากจะไปอยู่ที่ที่สงบๆ มีเพื่อนฝูงที่รู้ใจและมีอะไรให้ทำแก้เบื่อ มีอาหารที่คุ้นเคยให้กิน” อาทิตย์หยุดเว้นจังหวะการพูด
“ที่แห่งไหนครับที่คุณอาทิตย์อยากไป”
“ผมอยากกลับอยู่ในคุกเหมือนเดิมครับ ผมไม่เข้าใจว่าจะเอาผมออกมาจากที่ที่แสนสุขสบายแบบนั้นทำไมกัน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น