เกือบครบชั่วโมงแล้วที่ฉิม
เต้และยศนั่งล้อมวงสุราโดยขาดสมาชิกไปหนึ่งคน นั่นก็คือนัยนั่นเองที่หายไป
บนโต๊ะวงเหล้าเพียบพร้อมไปด้วยขวดเหล้าที่เหล้าพร่องลงไปนิดหน่อย บรรดามิกซ์เซอร์ทั้งขวดโซดา
น้ำดื่มและถังน้ำแข็ง ยังมีจานกับแกล้มอีกสามจาน ทั้งหมูมะนาว เอ็นไก่ทอด
ยำปลาดุกฟู ทุกอย่างดูเหมือนจะครบถ้วนสำหรับที่วงเหล้าควรจะมี
แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั้นคือความสนุกสนานเฮฮาจากการสนทนาในวงน้ำเมา
เมื่อทั้งสามเพิ่งจะเริ่มนั่งในโต๊ะ
พวกเขายังสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกัน
ถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกันตามประสาขี้เหล้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า
แต่ละคนเริ่มหมดคำถามและเริ่มรู้สึกถึงความไม่คุ้นชินที่จะมีกันแค่สามคนในวงสนทนา
แต่ละคนเริ่มเงียบและหันมาดื่ม
แต่ดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหันมาวางแก้วเพราะรู้สึกขาดอรรถรสอะไรไปบางอย่าง
เมื่อใครคนหนึ่งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเช็ค ทำให้คนที่เหลือต่างหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นตามบ้าง
ความเงียบของวงเหล้าขาประจำในครั้งนี้ทำให้ลุงโฉมเจ้าของร้านผิดสังเกต
แต่เขาก็ไม่มีเวลามาไถ่ถามถึงความสงัดนั้นว่ามาจากเหตุใด
ลุงโฉมยังคงปล่อยให้สันติภาพในวงเหล้ายังดำเนินต่อไปโดยที่ไม่คิดจะไปแทรกแซงใดๆ
เป็นครั้งแรกที่ลุงโฉมได้เห็นสังคมก้มหน้าตามสมัยนิยมจากบุคคลเหล่านี้
หัวหน้าใหญ่แห่งวงสุราอดรนทนไม่ไหวกับความอึดอัดนี้
จึงเอ่ยประกาศขึ้นกลางวง
“ใครก็ได้โทรไปตามไอ่นัยหน่อยสิ
ตอนนี้มันอยู่ไหนแล้ว”
ยศและเต้เงยหน้ามามองลูกพี่
“แล้วทำไมพี่ไม่โทรล่ะ”
ยศถาม
ฉิมทำท่าอ้ำอึ้งนิดหนึ่งก่อนจะตอบ
“โทรศัพท์ข้าตังค์หมด ยังไม่ได้เติมเลย”
“งั้นผมโทรเองพี่”
เต้รับคำเสร็จก็กดโทรทันที
เต้รอสายพักหนึ่ง
คู่สนทนาปลายสายก็ตอบกลับมา
“ฮัลโหล”
นัยพูดผ่านสายโทรศัพท์
“อยู่ไหนแล้ว
ลูกพี่ถามหา” เต้พูด
“อยู่หน้าปากซอยแล้ว
นี่จอดรถรับสาย เดี๋ยวจะถึงแล้วพี่ มีอะไรไปคุยกันที่นั่นนะ”
นัยพูดเสร็จก็วางสายไป
“มันว่าอยู่ปากซอยแล้ว
อีกซักพักก็จะมาถึงแล้ว” เต้รายงาน
ฉิมและยศทำสีหน้าโล่งใจ
เหมือนความอึดอัดก่อนหน้านี้จะหายไปหมดสิ้นเมื่อรู้ว่าสมาชิกที่ขาดหายไปกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
“น่าแปลกนะ ปกตินัยมันไม่เคยมาช้าขนาดนี้
ทุกทีก็เลิกงานตรงเวลาทุกคืนวันศุกร์
จะรถติดก็ไม่น่าใช่เพราะมอไซค์ลัดเลาะมาจากที่ทำงานมันก็ไม่น่านานขนาดนี้”
ฉิมยังไม่วายที่จะตั้งข้อสงสัย
“เห็นมันบอกก่อนหน้านี้นะว่าวันนี้อาจจะมาเลทหน่อย
แต่ไม่รู้ว่าจะมาช้าขนาดนี้” เต้พูด
“หรือว่ามันติดสาว”
ยศเดา
“ไม่แน่ ๆ”
เต้พูด
ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะถกเถียงกันจนถึงขั้นถึงพริกถึงขิง
นัยก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมจูงมือเด็กสาวแสนสวยในชุดท่องราตรีที่สุดแสนวิจิตร
ชุดเสื้อผ้าบนเรือนร่างหญิงงามนั้นดีเกินไปกว่าที่จะมานั่งในร้านโทรม ๆ แบบนี้
และภาพความแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้ระหว่างการแต่งตัวของชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเคียงข้างกัน
นัยสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวผ้าเวสป้อยส์สีเทาโรงงาน กางเกงยีนขากระบอกทรงโหล
และรองเท้าหนังหัวเหล็กสำหรับคนคุมงานก่อสร้าง
ในขณะที่หญิงสาวหุ่นงามระหงสวมสวมเสื้อลักษณะเหมือนเอาผ้ามาพันรอบตัว
รัดไขว้จากไหล่พาดมาถึงเอวบดบังเนินหน้าอกแค่ครึ่ง เผยให้เห็นร่องอกใหญ่ยั่วน้ำลาย
ผ้าลูกไม้ห่อหุ้มครึ่งแขนโชว์ความขาวของเนื้อนิ่ม กระโปรงผ้าสีดำยาวไม่ถึงเข่าประดับลูกไม้ชายประโปรงโชว์ให้เห็นเนื้อขาอ่อนวับ
ๆ แวม ๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้คู่นี้ไม่กลายเป็นลูกคุณหนูเดินตามคนรับใช้
คือทั้งคู่เดินจูงมือกันเหมือนคู่รัก และด้วยใบหน้าที่คมคายของนัยทำให้คนอื่น ๆ
พอจะเชื่อได้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน
ฉิม
ยศและเต้เข้าใจได้ในทันทีถึงสาเหตุที่นัยมาสายในคืนนี้
โดยปกตินัยจะเลิกงานตรงเวลาในคืนวันศุกร์ เขาจะกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงมายังร้านเลย
แต่วันนี้นัยคงนัดแนะหญิงสาวให้มานั่งกินเหล้าด้วยกัน ไหนจะต้องไปรับเธออีก
ไหนจะต้องนั่งรอเธอแต่งตัวแต่งหน้าทำผมอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ
และเรื่องแบบนี้ทำให้ทั้งสามต่างพร้อมที่จะอภัยให้กับรุ่นน้องได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
“นี่พี่ฉิม
พี่ยศและพี่เต้”
นัยแนะนำรุ่นพี่ให้แฟนสาว
หญิงสาวในคราบนางฟ้ายกมือไหว้พี่ ๆ
“สวัสดีค่ะ”
“นี่น้องแป้งแฟนผมครับพี่
อุบไว้นานแล้ว วันนี้ขอมาเปิดตัว” นัยพูด
ทั้งสามรับไหว้น้องแป้งพร้อมมองตาค้าง
นัยเดินไปยกเก้าอี้ไม้ที่ทำจากไม้ต้นมะพร้าวมาจากโต๊ะว่างมาให้แป้งนั่ง
แป้งยังไม่นั่ง
เธอเปิดกระเป๋าถือยี่ห้อโค้ชและหยิบห่อกระดาษทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่น
และใช้มันขัดถูเก้าอี้ของเธอจากคราบฝุ่นจนเก้าอี้ไม้สะอาด
เธอยังรีบยกมือห้ามไม่ให้แฟนหนุ่มของเธอนั่งลงบนเก้าอี้
ก่อนที่จะใช้กระดาษทิชชู่เปียกผืนใหม่เช็ดทำความสะอาดเก้าอี้ให้แฟนหนุ่ม
กว่าทั่งคู่จะได้นั่งก็ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทั้งสามรอกันจนเหงือกแห้ง
“นั่นแน่
มีแฟนแล้วเงียบ ไม่บอกให้ใครรู้เลยนะ” ยศเริ่มเปิดประเด็นทันที หลังจากที่ทนนั่งเงียบเหงามากว่าชั่วโมงแล้ว
ทั้งนัยและแป้งต่างยิ้มเขิน
“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่
คือผมและน้องแป้งทำงานอยู่ที่เดียวกัน เราก็คุยกันมานานแล้วล่ะ
แต่ก็เริ่มจากคุยเป็นเพื่อนกันก่อน ตอนนี้ตกลงปลงใจกันได้แล้ว ก็ว่าจะค่อย ๆ
เปิดตัว” นัยยิ้มพร้อมมองไปที่แป้งที่ก็ยิ้มอายแก้มปริ
“ดีจังเลย
เป็นแฟนกันได้เจอหน้ากันทุกวันแบบนี้”
ยศคิดในใจว่า
แม้เขาจะจีบผู้หญิงมาแล้วหลายคน
แต่เขาจะไม่มีวันที่จะจีบผู้หญิงในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะความเชื่ออะไรบางอย่าง แต่ด้วยความสาวสวยขนาดนี้
หากที่ทำงานของยศมีผู้หญิงอย่างแป้งสักคน เขาคงไม่ปล่อยไว้ให้เสียของอย่างแน่นอน
“เอ้อ
ว่าแต่น้องจะดื่มอะไรครับ”
ฉิมรีบถามเมื่อเห็นตรงหน้าของผู้มาใหม่ยังไร้แก้วประจำตำแหน่ง
“ส่วนนัยเอ็งเอานี่ไปเลย”
ยศชงเหล้าให้รุ่นน้องที่รู้ใจกันมานาน
“ขอบคุณครับพี่”
นัยตอบ
แป้งยังไม่ตอบอะไร
เธอหันซ้ายแลขวาก็ไปเจอขวดเหล้าแสงโสม
“หนูขอน้ำเปล่าละกันค่ะ”
แป้งตอบ
เต้หยิบแก้วใหม่มาเตรียมใส่น้ำ
แป้งตั้งใจมองแก้วใบนั้นในมือของเต้ก็เห็นคราบน้ำจาง ๆ ติดเต็มแก้ว
เธอดูก็รู้ว่าแก้วใบนี้ไม่ได้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดขัดถูก่อนที่จะนำมาบริการลูกค้า
เต้เกือบเผลอใช้มือหยิบก้อนน้ำแข็งในถังตามความเคยชินที่พวกเขามักจะทำกันบ่อย ๆ แต่เขานึกได้ทันจึงหยิบคีมคีบน้ำแข็งที่วางข้างถังขึ้นมาคีบก้อนน้ำแข็งหย่อนลงแก้ว
แป้งรับแก้วน้ำดื่มมาวางตรงหน้า
แต่เธอไม่คิดจะแตะมันเลย
นัยมองท่าทีของแฟนสาวที่ดูทำท่าจะอึดอัดจึงรีบพูด
“น้องแป้งจะดื่มโค้กหรือสไปรท์มั้ยคะ”
เสียงนัยที่พยายามดัดเสียงให้ดูนุ่มนวลที่สุด
ชายทั้งสามที่นั่งอยู่บนต่างรู้สึกขวยเขินกับคำพูดและน้ำเสียงของเพื่อนรุ่นน้อง
ฉิมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเพื่อแอบซ่อนรอยยิ้มของเขา ยศและเต้ทำตาม
แป้งคิดถึงเรื่องแก้วน้ำ
ทำให้เธอไม่นึกอยากจะหยิบจับอะไรบนโต๊ะเลย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นัย
แป้งยังไม่อยากจะทานอะไร” แป้งพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเรียกความสงสาร
เธอยังแกล้งหรี่ตาพร้อมย่นหน้านิดนึงเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากแฟนหนุ่ม
นัยสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งการออดอ้อนนั้นฉายออกมาใจใบหน้าอ่อนหวานนั้นจาง
ๆ ทำให้เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่าง
“งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปหาอะไรให้น้องแป้งทานนะคะ
มีเซเว่นอยู่ใกล้ ๆ นี่” นัยพูดด้วยแววตาที่ดูอบอุ่นและห่วงใย เขาทำท่าขยับโต๊ะเพื่อลุกจากเก้าอี้
แป้งรีบพูด “แป้งไปด้วยค่ะ”
พูดเสร็จก็ลุกเดินตามนัยออกไป
ฉิม ยศและเต้มองภาพนั้นด้วยอาการยิ้มชอบใจที่เห็นสองคนนั้นค่อย
ๆ ประครองกันเดินออกจากร้าน
“น่าอิจฉาสองคนนั้นจริง
ๆ นะพี่ ดูสิทำตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋” เต้พูดพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย
“ใหม่ ๆ
กับเมียข้าก็เป็นแบบนี้แหละ” ฉิมพูดยิ้มแหะ ๆ “เวลาข้าจะไปไหนนะ
ต้องถามแม่ทูนหัวว่าอยากได้อะไรมั้ย อยากกินอะไรมั้ย เดินไปไหนก็ต้องไม่ห่างกัน
หายใจโดยใช้อากาศร่วมกัน เวลาที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานก็เฝ้ารอเวลาให้กลับมาเจอกัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะพี่เป็นไง”
เต้รอลุ้น
“ตอนนี้หรือ”
ฉิมร้องหึเบาๆ ในลำคอ “ตรงกันข้ามกับที่ข้าพูดไปเมื่อกี๊ทุกอย่างเลย”
ยศและเต้ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“มันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย
เป็นสัจธรรมของชีวิต”
ทั้งสามหัวเราะร่วมกัน
และชนแก้วดื่มเหล้า
“เฮ้ย...
นัยกับแฟนมันมาแล้ว” ยศพูดเมื่อเห็นนัยเดินจูงมือแฟนสาวเข้ามาในร้าน
แป้งหิวถุงเซเว่นเข้ามาวางบนโต๊ะและหยิบกระป๋องน้ำอัดลมออกมาเปิดกิน
นัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจ เขายังล้วงเข้าไปในถุงและหยิบห่อขนมออกมา
“ทานขนมค่ะน้องแป้ง”
นัยค่อย ๆ แกะห่อช็อคโกแลตท็อปอโลนและบิออกมาหนึ่งชิ้นยื่นให้แฟนสาว
แป้งไม่เอื้อมมือไปรับ
เธอจงใจแกล้งเผยอปากเล็กน้อยพร้อมแสดงแววตาอ้อนวอน เพื่อร้องขอให้แฟนหนุ่มป้อนช็อคโกแลตรูปทรงสามเหลี่ยมใส่ปากเธอ
นัยทำตามแต่โดยดี
“อร่อยมั้ยคะ”
นัยถามและจ้องมองไปที่สาวแสนสวย
“อร่อยเพราะพี่นัยป้อนให้นี่แหละค่ะ”
แป้งตอบเสียงหวาน
“พี่ดีใจนะคะที่น้องแป้งมีความสุข”
นัยพูด
ฉิม ยศและเต้แอบเหล่ตามองพร้อมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาคาปากไว้ ฉิมกระแอมเบา ๆ ก่อนพูด
“น้องแป้งทำงานที่เดียวกับนัยเหรอครับ
ทำตำแหน่งอะไรเหรอ” ฉิมพยายามทะลายกำแพงที่ขวางกั้นไว้ระหว่างพวกเขาและทั้งคู่
“อยู่แผนกบัญชีค่ะ”
แป้งหันมาตอบสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้ม
ทั้งสามเมื่อเห็นแป้งหันมาคุยด้วย
ก็ทำสีหน้าสนอกสนใจคู่สนทนา แต่ทว่าเธอก็หันกลับไปกระหนุงกระหนิงกันสองคนเหมือนเดิม
นัยและแป้งคุยกันเองด้วยน้ำเสียงเบากว่าเดิม
เหมือนพวกเขาสองคนต้องการอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเอง
ทั้งสามหันหน้ามาคุยกันเองโดยไม่ให้สองคนนั้นได้ยิน
“ทำยังไงดีพี่” เต้ถามในกลุ่ม
“ทำอะไรวะ” ฉิมพูด
“พี่ดูสิ
นัยมันมัวคุยแต่กับแฟนมัน ไม่คุยกับเราเลย” ยศพูด
“อ้าว... ก็ปล่อยมันคุยไปสิ
มันอุตส่าห์มากับแฟนมันทั้งที”
ฉิมพูดปรามความคิดของทั้งสอง
แต่ในใจจริง ๆ แล้วของฉิมอยากให้รุ่นน้องมาคุยสนุกสนานเฮฮากับพวกเขามากกว่า
เขานึกถึงช่วงเวลาอันแสนน่าเบื่อก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่ครบองค์ประชุม
บรรยากาศบนโต๊ะต่างเงียบขรึมอีกครั้ง
มีเพียงเสียงกระเซ้าเย้าแหย่กันเองจากนัยและแป้งเบา ๆ
ไม่นานฉิมก็นึกอะไรบางอย่างและพูดมันออกมา
“เอางี้ ข้านึกออกแล้ว
เดี๋ยวเราชนแก้วกับนัยมันซัก 3 รอบ รับรองมันกลับมานั่งคุยกับเราแน่ ๆ”
ฉิมกระซิบ
“เออ... เข้าท่าดีพี่”
เต้พูดเสร็จก็จัดแจงชงเหล้าของพวกเขาเองสามแก้ว
เต้หันไปหยิบแก้วเหล้าของนัยที่เหล้าหมดแล้วมาเตรียมชง
ฉิมแอบกระซิบกับเต้เบา ๆ
“ใส่เหล้าเยอะ ๆ หน่อย สามฝาไปเลย”
เต้หันมามองหน้าฉิม
“เอางั้นเลยหรือพี่” โดยไม่รอคำยืนยันใด ๆ เต้เทเหล้าลงไปในแก้วของนัยสามฝา
เขายิ้มร่ากับการกระทำนั้น ทั้งสองต่างแอบยิ้มด้วย
“เอ้า... ชนแก้วกันพวกเรา” ฉิมพูดเสียงดังให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ
นัยหันมาส่งยิ้มให้พวกเขา
ก่อนจะหันกลับไปทางหวานใจอีก
“เดี๋ยวพี่ขออนุญาตชนเหล้ากับพี่เขา
ๆ หน่อยนะคะน้องแป้ง”
แป้งยิ้มเจื่อน ๆ
เหมือนถูกขัดจังหวะ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ทุกคนในสมาคมชนแก้วและดื่มรวดเดียวหมด
นัยดื่มเสร็จก็หันไปคุยหยอกล้อกับแป้งต่อ โดยไม่มีท่าทีจะมาร่วมสนทนากับเหล่าพี่ ๆ
เลย
“เอาไงพี่ ดูท่าทางไม่เห็นจะเป็นเหมือนที่พี่ว่าเลย”
เต้พูด
“ใจเย็น” ฉิมส่งสัญญาณให้ชงเหล้ารอบวงอีกรอบ
เต้ทำเหมือนเดิมกับแก้วของทุกคน
เมื่อชงเหล้าครบทุกแก้วเต้และยศทำท่าจะเตรียมชนแก้วอีก
“อย่าเพิ่งเร่งเร็วนัก
เราทำเป็นนั่งคุยกันไปก่อน ได้จังหวะค่อยชนแก้ว” ฉิมพูด ทุกคนเห็นด้วย
“เอ้อ...
ช่วงนี้ที่โรงงานพี่เป็นไงบ้าง” ยศทำเป็นพูดเสียงดัง
“ช่วงนี้เหรอ ก็ดีนะ
งานเข้ามาน้อยหน่อย ทำงานสบายขึ้น” ฉิมก็ตอบเสียงดังเช่นกัน
ทั้งหมดชำเลืองไปยังนัยและแป้ง
ดูท่าทางทั้งคู่จะไม่หันมาสนใจพวกเขาเลย
“แล้วเอ็งล่ะยศ งานเป็นไง” ฉิมพูด
“เฮ้อ...” ยศถอนหายใจดัง
“ออฟฟิศกลับมายุ่งอีกแล้ว”
“จริงเหรอยศ อดทนหน่อยนะ” เต้แกล้งปลอบใจเพื่อน
ทั้งสามแอบมองไปที่นัย
นัยและแป้งยังคงสวีทกันสองคนเหมือนเดิม
“เอ้า ๆ ชนแก้ว
ดื่มเพื่อเป็นกำลังใจให้ยศมันหน่อย ที่ทำงานมันเครียด” ฉิมพูด
สักพักนัยหยิบแก้วเหล้าสูตรเข้มข้นที่เต้เตรียมไว้ให้แล้วยกขึ้นดื่มที่เดียวหมด
จากนั้นก็หันไปออเซาะแป้งต่อ
“แล้วเอ็งล่ะเต้
ช่วงนี้มีงานเยอะมั้ย”
ฉิมพูดพร้อมหันไปมองที่นัย
ตอนนี้นัยเริ่มจะครึ้ม ๆ แล้ว
ฉิมเข้าใจแล้วว่าความหอมหวานของความรักอันหวานชื่นนั้น
ช่วยกลบรสขมของเหล้าได้อย่างดี เมื่อกี๊นี้เขาเห็นเต้เทเหล้าลงไปในแก้วของนัยครึ่งแก้วแล้วเทโซดาตามและน้ำแข็งอีกหนึ่งก้อน
“มีเยอะดิพี่ วิ่งกันให้วุ่นไปหมด
ยิ่งตอนนี้กรุงเทพรถติดด้วย ส่งทั้งคนทั้งเอกสารทั้งวันเครียดไปหมด
ดีนะเนี่ยที่ได้มากินเหล้ากับพี่ทุก ๆ สุดสัปดาห์” เต้ตอบ
“นั่นสิเนอะ
ถ้าเราทำงานไปด้วยมองเห็นหน้าคนที่เรารักไปด้วยก็คงจะดี อิจฉาคนมีคู่รักในที่ทำงานซะจริง”
ยศพูดเสียงสูงในท้ายประโยค
“อ้าว... พี่พูดถึงผมเหรอ”
นัยหันมามองหน้ายศ เขาเริ่มมีอาการเมา ๆ บ้างแล้ว
“เปล่า” ยศพูดเสียงสูง
“พวกข้าคุยกันสามคม”
“อ้อ... งั้นแล้วไป”
นัยพูดเสร็จก็หันไปคุยกับคนรักต่อ
ทั้งสามหันมามองหน้ากัน
ก่อนยศจะพูด
“กับแกล้มเหลือเยอะ
ช่วยกันกินหน่อยเร็ว”
ทั้งสามจิ้มกินกับแกล้มสองสามคำ
ก่อนฉิมจะพูด
“เอ้า นัย
ช่วยกันกินกับแกล้มหน่อย สั่งมาเยอะไม่มีคนช่วยกิน”
“ไม่เป็นไรครับพี่
ผมมีของผมเองแล้ว”
นัยพูดเสร็จก็อ้าปากรับเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากมือแป้งเข้าปาก
ทั้งคู่หัวเราะคิกคักกัน
“ดูมัน ๆ น่าหมั่นไส้นัก” ยศบ่น
“เอาน่า ๆ เมื่อความรักเข้าตา ใคร
ๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ” ฉิมพูด
“จัดหนัก ๆ ให้มันอีกซักแก้ว”
ยศพูด
“จัดไป” เต้เก็บแก้วเหล้ามาจากทุกคนและชงเหล้า
โดยเน้นปริมาณเหล้าเป็นพิเศษในแก้วของนัย
“เอ้า ดื่ม ๆ ทุกคนชนแก้ว
เหล้าจะหมดแล้ว เดี๋ยวสั่งขวดใหม่ นัยดื่มเว้ย” ฉิมพูดเสียงดัง
นัยหันมา
“ทำไมเหล้าวันนี้หมดขวดเร็วจังพี่” เขาพูดด้วยท่าทีที่เริ่มเมาแล้ว
“ก็พวกข้ามานั่งก่อนเป็นชั่วโมง
กว่าเอ็งจะมาเหล้าก็เหลือน้อยแล้ว รีบ ๆ ตามให้ทันเร็ว ๆ” ฉิมโกหก แต่ก็พยายามทำให้ดูจริงจัง
จากนั้นทุกคนก็ดื่ม ฉิมมองไปนัย
เขาคิดว่าตอนนี้รุ่นน้องของเขาเครื่องเริ่มติดแล้ว
“ลุงโฉม ขอเหล้าอีกกลม”
ฉิมสั่งเหล้า สักพักเหล้าก็มา
“เป็นไงบ้างนัย
ที่ทำงานเป็นไงบ้าง” ฉิมยิงคำถามใส่นัยทันที
“ช่วงนี้งานยุ่งพี่ แต่ก็ดี
งานเยอะโบนัสเยอะ” นัยตอบ
“ดีแล้ว ต่อไปก็คงได้เลื่อนขั้นนะ
เออ... แล้วที่ว่าบริษัทจะให้หยุดพักร้อนไปเที่ยวต่างประเทศอะไรนั่นน่ะ
เอ็งได้ใช้วันหยุดหรือยัง” ยศถามเกี่ยวกับเรื่องที่เคยคุยกันมาเมื่อนานมาแล้ว
“โหพี่ บริษัทจะให้หยุดตอนที่เริ่มโปรเจคใหม่
ถ้าผมหยุดก็จะมีคนมาเสียบงานแทน ไม่เอาหรอก” นัยตอบ
“เหรอ เออ ๆ ดีละ
ที่ทำงานการแข่งขันมันสูง ข้าก็เหมือนกันก็ต้องหมั่นสร้างผลงาน” ยศพูด
“ข้าอยากจะต่อเติมบ้านหน่อย
อยากจะกั้นห้องเพิ่มอีกซักห้อง ไอ้ตัวเล็กมันก็เริ่มจะโตแล้ว เดือนหน้าเอ็งมาทำให้ข้าหน่อยสินัย”
ฉิมพูด
“ได้สิพี่
เดี๋ยวจะทำให้อย่างดีเลย” นัยเริ่มจะลิ้นพันกัน
“ขอบใจมาก ๆ เอ้า
ดื่มให้กับความมีน้ำใจของนัยหน่อย” ฉิมพูด ทั้งโต๊ะชนแก้ว
ฉิม
ยศและเต้ดื่มพร้อมใช้หางตามองไปที่แป้งที่ตอนนี้เธอเริ่มจะทำหน้าบึ้ง คงเป็นเพราะแฟนหนุ่มหันไปคุยแต่กับหมู่วงเหล้า
ทำให้เธอต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นนัดกันบ้านข้านะ
พรุ่งนี้แมนยูเตะ อย่าลืม” ฉิมนัดแนะทุกคน
“เตะกับใครนะพี่” นัยถาม
“หงส์ แดงเดือด ๆ” ยศตอบแทน
“จริงด้วย ผมลืมสนิทเลย โอเคพี่
พรุ่งนี้ทุ่มนึงเจอกันบ้านพี่” นัยพูด
จากนั้นฉิม
ยศและเต้ต่างดึงความสนใจของนัยมาอยู่ที่พวกเขา เรื่องสนทนาเฮฮาถูกพูดคุย
เสียงหัวเราะสนุกสนานดังมาจากทั้งสี่
มีเพียงคนเดียวคือแป้งที่นั่งหงอยเหงาจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
ฉิมแอบสังเกตมองบ้างก็เห็นแป้งนั่งกดโทรศัพท์เล่นพร้อมทำสีหน้าเซ็งอารมณ์
ภาพที่คุ้นตากลับมาอีกครั้ง
ภาพของชายหนุ่มสี่คนที่กินดื่มพูดคุยกันอย่างมีความสุขในมุม ๆ หนึ่งของร้านเหล้า ๆ
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อแป้งลุกขึ้นยืนพร้อมทำสีหน้าจริงจัง
“พี่นัย
แป้งไปเที่ยวกับเพื่อนนะคะ เพื่อนจอดรถรอที่หน้าร้านแล้ว”
แป้งพูดเสร็จก็ยกมือไหว้ฉิม ยศและเต้อย่างลวก ๆ ก่อนจะวิ่งออกจากร้านไปทันที
เป็นนัยที่ตกใจลุกขึ้นวิ่งตามแป้งออกไป
ที่เหลือบนโต๊ะได้แต่นั่งนิ่งมองเหตุการณ์นั้นอย่างตกตะลึงไม่แพ้กัน
“ซวยแล้วไงเรา
ไปสร้างความร้าวฉานให้คู่นั้น” ฉิมพูด
“เราทำกันเกินไปมั้ยพี่” เต้พูด
“นั่นสิ ทำยังไงดีเนี่ย” ฉิมพูด
“เราคงต้องไปขอโทษนัยมัน” ยศพูด
“ใช่เลย
แล้วเราจะพูดกับมันยังไงดี” ฉิมพูด
ทั้งสามนั่งรอลุ้นให้นัยเดินกลับเข้ามาในร้านเพื่อที่จะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง
แต่พวกเขาก็รอนานหลายนาทีกว่าจะเห็นนัยเดินกลับเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดแทบจะร้องไห้ออกมา
และเมื่อนัยกลับมานั่งที่โต๊ะ
น้ำใส ๆ ก็ไหลรินออกมาอาบแก้มของเขา ทำให้ทั้งสามที่นั่งรอจะพูดต่างพูดอะไรไม่ออก
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
ฉิมถามเสียงเรียบ ๆ
นัยพยายามกั้นเสียงสะอึกสะอื้นเพื่อจะตอบ
“น้องแป้งหนีไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว น้องเขาบอกว่าผมน่าเบื่อที่สุด ไม่อยากเห็นหน้า
ผมรู้สึกใจสลายเลยครับ”
นัยขอตัวไปล้างหน้าในห้องนำเพื่อเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าของเขา
เมื่อเหลือกันแค่สามคนในโต๊ะ ทั้งหมดจึงปรึกษากันว่าเกิดอะไรขึ้น
“แล้วจะยังไงดีล่ะพี่ทีนี้”
เต้พูด
“เฮ้อ...” ฉิมถอนหายใจ
“น้องเขาคงยังเด็ก คงต้องการความรักความเอาใจใส่จากแฟนมากหน่อย คนกำลังรักกันใหม่
ๆ พอมาโดนหมางเมินจากแฟนก็คงจะช็อค เป็นเราเองเสียอีกที่ทำตัวงี่เง่า”
“ผมรู้สึกไม่ดีเลยพี่” ยศพูด
“ถ้าสองคนนั่นจะต้องมาเลิกกันเพราะสิ่งที่เราทำ ผมคงจะรู้สึกผิด”
“ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย”
เต้พูดเสร็จนัยก็เดินกลับมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าที่ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไหร่
“เป็นไงบ้างวะ” ฉิมพูด
“ไม่เป็นไรแล้วครับพี่
ผมขอโทษนะครับที่น้องเขาเสียมารยาทแบบนั้น” นัยพูด
ทั้งสามหันมามองหน้ากัน
เหมือนจะเกี่ยงกันพูด
“ข้าขอโทษที่ทำให้เอ็งดูแลน้องแป้งได้ไม่เต็มที่”
ฉิมสารภาพ
“ไม่ใช่ความผิดพวกพี่หรอกครับ
ความจริงแล้วแป้งเป็นคนที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองมากไปหน่อย ผมก็รู้ดีในเรื่องนี้
แต่ข้อดีของน้องเขาก็มีมากกว่า จนทำให้ผมมองข้ามข้อเสียข้อนี้ของน้องไป
ความจริงแล้วผมไม่น่าจะชวนน้องแป้งมาที่นี่เลย
เธอค่อนข้างจะติดหรูเพราะทางบ้านมีฐานะ” นัยพูด
“แล้วน้องเขาไม่ว่าอะไรเหรอที่เอ็งทำตัวติดดินขนาดนี้
ขี่มอไซค์ไปทำงาน มานั่งกินเหล้าในร้านโทรม ๆ” เต้ถาม
“ไม่หรอกพี่
ถึงน้องแป้งจะไฮโซแค่ไหน แต่เธอก็ยอมรับในตัวผมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าผมจะเป็นอะไรหรือจะทำอะไร”
นัยตอบ
“รักแท้” ฉิมเผลออุทานคำ ๆ
นี้ออกมาจากปาก ยศและเต้ก็ทำท่าเห็นด้วย
“คน ๆ นี้ต้องรักษากันดี ๆ นะ
ส่วนเรื่องเอาแต่ใจเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น อ้อ น้องแป้งอายุเท่าไหร่ล่ะ” ฉิมถาม
“20 ครับ” นัยตอบ
“นั่นไง ห่างกับแกเยอะ
มีแฟนเด็กก็เหมือนกับมีลูกสาวที่โตแล้ว ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ”
ฉิมให้คำแนะนำแบบติดตลก
นัยหัวเราะเล็กน้อยกับคำพูดของฉิม
“ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวผมขอส่งข้อความไปง้อน้องเค้าหน่อยนะ”
นัยหยิบโทรศัพท์ขึ้น
แต่เสียงเตือนมีข้อความเข้าดังก่อนที่เขาจะกดปุ่มเปิดเครื่อง
นัยกดอ่านข้อความจากหน้าจอโทรศัพท์ สักพักใบหน้าเขาก็มีน้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง
ทั้งสามต่างตกใจและเดาไม่ออกว่านัยร้องไห้เพราะอะไร
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจาง ๆ ของนัย ก็ทำให้ฉิม ยศและเต้เริ่มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“น้องแป้งส่งข้อความมาครับ น้องเขาขอโทษพวกพี่ที่เสียมารยาท”
นัยยิ้มดีใจ
“ดีแล้ว
เอ็งรีบส่งข้อความไปง้อน้องเค้าเลย ฝากบอกว่าพวกพี่ขอโทษด้วยนะ” ฉิมพูด
“โอเคพี่” นัยกดพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อกี๊น้องเขาบอกว่าเดี๋ยวครั้งหน้าจะมานั่งกินเหล้ากับเราด้วย”
ฉิม ยศและเต้หันมามองหน้ากันไปมา
แต่ไม่มีใครพูดอะไร