วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

น้ำตาของชายหนุ่ม




อาทิตย์กำลังแต่งตัวในชุดนักศึกษาช่างอาชีวะแห่งหนึ่งในเมืองกรุง เขาบรรจงขยับหัวเข็มขัดให้พอดีกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งของเขา รอยขาดปะผุบนกางเกงบ่งบอกว่าเจ้าของเป็นวัยรุ่นหนุ่มที่ชอบความเซอ ลวดลายของสีย้อมผ้าที่มีริ้วรอยเป็นเส้นตามแนวรอยยับของกางเกงเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นได้ดียิ่งนัก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่กางเกงตัวนี้จะดูโดดเด่นและถูกอาทิตย์หยิบมาสวมใส่บ่อยครั้งกว่าตัวอื่นๆ เสียงตะโกนจากแม่ของเขาดังลั่นขึ้นมาจากชั้นล่างของบ้าน

"ยังไม่ไปเรียนหรือลูก แม่เตรียมอาหารเสร็จแล้วนะ"

"แต่งตัวเสร็จแล้วแม่ กำลังจะลงไป"

อาทิตย์ตอบขณะที่กำลังใช้หวีเสยผมจากหน้าผากขึ้นไปเพื่อให้เส้นผมที่ชุ่มไปด้วยเจลใสตั้งขึ้นเหมือนดาราวัยรุ่นในจอทีวี จากนั้นเขาจัดแจงหยิบกระเป๋าสะพายที่ข้างในนั้นมีหนังสือเพียง 2-3 เล่มขึ้นมาค้องคอ อาทิตย์เกือบจะเดินออกจากห้องแล้วถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นมีดพับเล่มกระทัดรัดที่วางอยู่บนโต๊ะข้างประตู เขาหยิบมันใส่กระเป๋าทันทีก่อนจะเดินลงบันไดลงไปนั่งยังโต๊ะอาหารที่มีจานข้าววางไว้รอแล้ว

"เป็นยังไงบ้างลูก ที่วิลัยโอเคมั้ย"

ผู้เป็นแม่ถามขณะที่จัดแจงวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะ

"ก็ดีครับแม่ ตอนนี้ผมเริ่มจะมีเพื่อนมากขึ้นแล้ว"

"ดีแล้วลูก มีเพื่อนใหม่จะได้ไม่เหงา แล้วเพื่อนๆที่เชียงใหม่ได้ติดต่อกันบ้างมั้ย"

อาทิตย์กำลังเคี้ยวข้าวเช้าของเขาอยู่ แต่เขาก็พยายามตอบเมื่อกลืนคำข้าวในปากแล้ว

"ไม่ได้ติดต่อเลย นี่ก็ผ่านมาจะเกือบปีแล้วนะ พอดีว่าช่วงนี้ผมเรียนหนักไปหน่อย และมีกิจกรรมที่วิลัยเยอะมาก"

"ยังงั้นเหรอลูก ได้เพื่อนใหม่ก็อย่าลืมเพื่อนเก่านะ"

แม่ของอาทิตย์ขยับจานกับข้าวให้เข้าใกล้ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ

"แน่นอนครับ ผมไม่ลืมเพื่อนพวกนั้นหรอก ได้ยินว่าเพื่อนสนิทของผมย้ายจากเชียงใหม่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพเหมือนผมด้วยนะ แต่ยังไม่มีเวลาไปตามหามันเลยว่าอยู่ที่ไหน"

"เพื่อนลูกที่ชื่อเอน่ะเหรอ ใช่คนที่มานอนบ้านเราบ่อยๆหรือเปล่า"

"ใช่ครับ เรามาสอบเรียนต่อที่กรุงเทพเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่ามันไปเรียนที่ไหน"

อาทิตย์ก้มมองดูเข็มนาฬิกาที่วิ่งอยู่บนเรือนนาฬิกาที่ข้อมือของเขา เข็มสั้นชี้ไปที่กึ่งกลางระหว่างเลข 7 และ 8 เขารีบกลืนข้าวคำสุดท้ายก่อนจะรีบหยิบกระเป๋าเตรียมจะออกจากบ้าน

"ผมไปก่อนนะครับแม่ เดี๋ยวไม่ทันรถเมล์ สวัสดีครับ"

อาทิตย์ดูลนลานออกจากบ้านไปโดยไม่ลืมที่จะยกมือไหว้แม่ของเขา เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที อาทิตย์ก็ปรากฏตัวอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอรถสายประจำของเขา สักพักโทรศัพท์มือถือของอาทิตย์ก็ดังขึ้น

"ฮัลโหล ไงเพื่อนกำลังรอรถอยู่ ทันคันเวลา 7 โมง 45 อยู่"

"โอเคเพื่อน แกเอาของที่ข้าฝากไว้มาด้วยหรือเปล่า"

เสียงปลายสายตอบกลับมา

"หยิบใส่กระเป๋ามาแล้วไม่ต้องห่วง"

อาทิตย์ตอบกลับไปผ่านไมค์โครโฟนของโทรศัพท์พร้อมใช้มือคลำไปที่ด้ามเหล็กในกระเป๋าสะพาย ยังไม่ทันที่ปลายสายจะตอบรับกลับมา รถเมล์สายที่อาทิตย์รอคอยก็จอดลงที่หน้าป้ายตามเวลาที่ใกล้เคียงกับทุกๆวัน

"เยี่ยมเพื่อน แล้วเจอกันที่ป้ายหน้าบ้านข้า"

อาทิตย์เก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะกระโดดขึ้นรถทันที ป้ายรถเมล์ที่อาทิตย์รอนั้นอยู่ใกล้กับอู่รถจึงทำให้เวลาที่รถเมล์มาจอดป้ายค่อนข้างจะใกล้เคียงกันทุกวัน และรถสายนี้จะขับผ่านป้ายที่เพื่อนของอาทิตย์อีก 3 คนรออยู่เหมือนกัน

เช้าวันนี้ผู้คนไม่หนาแน่นมากนัก อาทิตย์จึงเลือกนั่งเบาะหลังสุดเพื่อจะรอให้เพื่อนที่ 3 คนมานั่งถัดจากเขา รถเมล์วิ่งทำเวลาเหมือนกับทุกวันที่มันทำ จอดรับส่งผู้โดยสารตามป้ายเป็นปกติเหมือนที่มันเคยทำทุกวัน และในที่สุดรถเมล์ก็มาจอดในป้ายที่เพื่อนของอาทิตย์ยืนรอ เพื่อนทั้ง 3 คนเดินขึ้นมาบนรถและมานั่งยังเบาะที่อาทิตย์เตรียมไว้ให้

"ไงทิด วันนี้เรียนเสร็จไปเที่ยวไหนดี"

เบียร์ เพื่อนหัวโจกของกลุ่มพูดถามเมื่อเจอหน้าอาทิตย์ที่นั่งรออยู่แล้วบนรถเมล์

"ไม่ล่ะเพื่อน วันนี้ข้าขอตัวดีกว่า คราวแล้วพวกแกกลับซะดึก ข้าไม่อยากกลับบ้านค่ำ"

"เอ่อๆ ตามใจแกละกัน ไว้คราวหน้าก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้ข้าไปกัน 3 คนกับต้นและเป้ก็ได้"

หลังจากเบียร์พูดเสร็จ เขาก็นั่งลงข้างๆกับอาทิตย์ ปล่อยให้เพื่อนอีก 2 คนนั่งด้วยกันอีกเบาะ รถเคลื่อนบนถนนไม่เร็วนักเพราะต้องคอยจอดตามป้าย ผู้คนเริ่มเยอะขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงกับแออัด ทันใดนั้นเบียร์ก็ทวงถามสิ่งของที่เขาฝากอาทิตย์ไว้เมื่อหลายวันก่อน

"ของๆข้าเอามาด้วยหรือเปล่า"

"เอามาสิ"

อาทิตย์พูดเสร็จก็ล้วงเอามีดพับออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เบียร์ทันที

"คราวหลังไม่ต้องเอามาฝากข้าอีกนะ กลัวแม่เห็นแล้วจะถามว่าไปเอามาจากไหน"

"ได้ๆ ไม่มีปัญหา"

เบียร์ตอบรับคำพูดที่อาทิตย์เสนอ แต่เช้าวันนี้เหมือนกับเป็นเช้าที่โชคร้ายสำหรับพวกเขาเมื่อมีกลุ่มนักเรียนอาชีวะที่เป็นคู่อริเดินขึ้นรถเมล์มา 6 คน เพื่อน 2 คนที่นั่งเบาะข้างหน้าของอาทิตย์สังเกตเห็นกลุ่มนักเรียนดังกล่าว จึงรีบกระซิบมายังเบาะหลังเพื่อเตือนเพื่อน

"ซวยแล้วไงเช้านี้ พวกเราไป!"

เป็นเรื่องปกติของเด็กอาชีวะที่ถ้าหากว่าเจอคู่อริเดินขึ้นรถเมล์มา และมีจำนวนที่มากกว่า กลุ่มที่มีน้อยกว่าจะต้องเดินลงจากรถเมล์ไป เมื่อเหตุการณ์ออกมาเป็นแบบนั้น กลุ่มของอาทิตย์จึงเลือกที่จะเดินลงจากรถไปเอง

เหมือนกับจะกลายเป็นธรรมเนียมที่ดูวิปลิตผิดเพี้ยนไปแล้ว และสีหน้าของนักเรียนคู่อริที่มองมายังกลุ่มของอาทิตย์ก็ทำสีหน้าพึงพอใจกับสิ่งที่เห็น เมื่อเพื่อนอีก 2 คนของอาทิตย์กำลังจะเดินลงบันไดรถลงไป และเรื่องราวในเช้านี้คงจะผ่านพ้นไปได้อย่างสงบเหมือนกับหลายๆเช้าที่ผ่านมา ถ้าเบียร์ไม่แสดงท่าทางเย้ยหยันฝ่ายตรงข้าม โดยการใช้มือจับที่หัวเข็มขัดของตัวเองแล้วทำเป็นเหมือนจะท้าให้คู่อริมาชิงมันไป

ความจริงแล้วเบียร์เพียงต้องการเพียงแค่จะเย้ยหยันฝ่ายตรงข้ามมากกว่า เขาคิดว่าพอทำท่าทางยียวนกวนประสาทนั่นเสร็จจะรีบวิ่งลงจากรถไปในจังหวะที่รถเมล์เคลื่อนตัวออกไป เพื่อไม่ให้พวกนั้นวิ่งตามลงมากได้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เบียร์คิด กลุ่มนักเรียนอาชีวะคู่อริทั้ง 6 คนต่างวิ่งกรูตามกลุ่มของเบียร์ลงจากรถทันที เบียร์ตกใจมากจึงตะโกนออกมาเสียงดัง

"วิ่ง! เร็ว"

ในสายตาของผู้โดยสารบนรถเมล์ พวกเขาต่างจับจ้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างระแวงอยู่แล้ว เพราะคิดว่ามันคงจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำๆเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้ง ในบางคนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็สงสัยว่านักเรียนพวกนั้นมีเรื่องแค้นเคืองบาดหมางอะไรกันมานะ แต่สำหรับบางคนก็เข้าใจความเป็นมาเป็นไปดีอยู่แล้วว่า สิ่งที่ขับเคลื่อนความป่าเถื่อนเหล่านั้นออกมา คือการปลูกฝังค่านิยมจากรุ่นพี่ในเรื่องของคำว่า 'ศักดิ์ศรีของสถาบัน' ซึ่งแนวความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปนั้นย่อมจะไม่เข้าใจ

ทั้ง 4 ออกแรงวิ่งเต็มที่โดยมีกลุ่มนักเรียน 6 คนวิ่งมาไม่ห่างมากนัก กลุ่มนักเรียนที่รวมกันได้ 10 คนกำลังเพิ่มความวุ่นวายให้กับท้องถนนที่แออัดไปด้วยคนที่เดินไปมาอยู่แล้ว คนบางคนถูกกลุ่มนักเรียนวิ่งชนจนล้มระเนระนาดวุ่นวายไปหมด และทันใดนั้นคู่อริคนหนึ่งสามารถวิ่งไล่ทันอาทิตย์ที่วิ่งรั้งท้ายของกลุ่ม อาทิตย์ถูกเตะเข้าที่ต้นขาอย่างแรงทำให้เข้าล้มลงไปนอนกลับพื้น

เพื่อนของอาทิตย์อีก 3 คนเมื่อเห็นว่าอาทิตย์ลงไปนอนกองกับพื้น พวกเขาหันกลับมาและพยายามเข้าไปช่วยกันอาทิตย์ไว้ไม่ให้ถูกซ้ำ กลุ่มของคู่อริ 2 คนพยายามเข้ามากระโดดถีบเบียร์ที่ยืนขวาง แต่เบียร์กะจังหวะพลิกตัวหลบลูกถีบจากทั้ง 2 ได้ทันก่อนที่จะใช้หมัดต่อยไปที่ปลายคางของทั้ง 2 ทีละคน

ลีลาการต่อสู้ของเบียร์นั้นไม่ธรรมดานัก ทำให้กลุ่มคู่อริที่เหลือหยุดชะงักไม่กล้าผลีผลามเข้ามารุมสะกรัม เพื่อนอีก 2 คนในกลุ่มของอาทิตย์เข้ามาประจันหน้ากันระหว่าง 3 ต่อ 6 เพราะตอนนี้อาทิตย์ยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ อาทิตย์ยังคงมีอาการมึนงง ด้วยเพราะว่าเขานั้นไม่ค่อยถนัดในการต่อสู้มากนัก การถูกเตะลงไปนอนกลิ้งกับพื้นจึงดูเหมือนจะเป็นอะไรที่รุนแรงมากสำหรับอาทิตย์ เขาได้แต่นอนคว่ำหน้าลงไปกับพื้น

ถึงแม้เบียร์จะมีฝีมือทางการต่อสู้ แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟมาก และดูเหมือนกลุ่มนักเรียน 6 คนจะสามารถคุมเชิงฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว นักเรียนอาชีวะคนที่ถูกเบียร์เย้ยหยันพูดออกมาเสียงดังลั่น

"ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากไปกว่านี้ พวกมึงถอดหัวเข็มขัดออกมา"

เบียร์และเพื่อนอีก 2 คนทำท่าทางจะทำตามที่คู่อริพูดแต่โดยดี เพราะสถานการณ์แบบนี้แล้วพวกเขาคิดว่าน่าจะคุ้มกว่า หากยอมสละหัวเข็มขัดไป ส่วนอาทิตย์นั้นยังคงนอนจุกอยู่บนพื้น เรื่องดูท่าทางจะจบลงแค่นี้โดยที่ไม่น่าจะมีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ทว่าคนที่เพิ่งออกคำสั่งนั้นได้พูดคำพูดที่มันเสียดแทงความเชื่อของเบียร์

"สถาบันของพวกมึงมันกระจอกว่ะ ตั้งแต่ครูยันลูกศิษย์แม่_กระจอกทั้งนั้น"

ความจริงแล้วสิ่งที่หลุดออกมาจากปากของนักเรียนคนนี้ไม่ใช่ความจริง มันก็แค่บทพูดจากรุ่นพี่ที่พยายามกรอกหูให้รุ่นน้องฟัง เพื่อทำให้เกิดความฮึกเหิมในพวกเดียวกันแค่นั้นเอง กลุ่มคนเหล่านั้นอาจจะลืมคิดไปว่าผลลัพธ์จากวลีเหล่านี้มันอาจจะสร้างความเสียหายได้มากมายเพียงใด

ในอีกมุมหนึ่ง สถาบันที่ถูกปลูกฝังและหล่อหลอมเขาขึ้นมานั้น มันอาจจะไม่ใช่เพียงแค่สถานศึกษาหรือสถานที่ใดๆ แต่มันคือจิตวิญญาณของเบียร์ และรวมถึงเพื่อนๆร่วมสถาบันด้วย คนอย่างเบียร์มีความคิดที่ว่า ถ้าตัวของเขาเองโดนดูถูกหรือโดนทำร้ายเพียงใดมันก็ยังพอทน แต่การที่สิ่งที่เขารักโดนดูถูกหรือทำร้ายนั้น เบียร์ทนไม่ได้ สติที่เพิ่งจะขาดออกจากกันเมื่อได้ฟังประโยคเหล่านั้น ทำให้เบียร์ล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อควักมีดพับปลายแหลมออกมา ไม่รอช้าเบียร์จ้วงแทงมีดไปที่ตรงกลางลิ้นปี่ของเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่

ด้วยความเร็วของนักเรียนที่เป็นเป้าหมายของคมมีด รวมถึงระยะห่างของเบียร์กับคู่อริ นักเรียนหัวโจกคนนั้นสามารถปัดป้องและเบี่ยงเบนวิถีของมีดให้พ้นวิถีโคจรออกจากตัวเองได้ แต่ปรากฏว่าทิศทางของปลายมีดก็ยังพุ่งเสียบไปที่ร่างของนักเรียนกลุ่มคู่อริอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังและไม่ทันได้ระวังตัว นักเรียนคนนั้นล้มลงนอนไปกองกับพื้นทันทีเพราะหมดสติ เลือดทะลักพุ่งออกมาเพราะปลายมีดเสียบเข้าไปที่อวัยวะสำคัญภายใน 

เบียร์ผงะถอยปล่อยมีดลงกับพื้น เช่นเดียวกับทุกๆคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่อาทิตย์คนเดียวที่ยังนอนไม่รู้เรื่อง เมื่ออาทิตย์พยายามพยุงตัวลุกขึ้นมา เขาไม่เห็นเพื่อนๆของตัวเอง และไม่รู้ว่านักเรียนกลุ่มคู่อริหายไปไหน อาทิตย์เห็นเพียงแต่นักเรียนคนที่นอนจมกองเลือดเพียงคนเดียวเท่านั้น อาทิตย์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักเรียนคนนั้น เขารู้เพียงแต่ว่าจะต้องไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้เร็วที่สุด

เมื่ออาทิตย์เข้าไปใกล้ปรากฏว่า! คนที่นอนจมกองเลือดอยู่นั้นคือเอ เพื่อนสนิทของอาทิตย์ที่มาจากจังหวัดเดียวกัน อาทิตย์แทบจะไม่เชื่อสายตาเลยว่า เพื่อนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาปีกว่า จะมาเจอกันในสภาพแบบนี้ ร่างของเอนอนแน่นิ่งไม่สามารถแสดงออกทางสีหน้าได้ว่าเขาจะมีความยินดีเพียงใด เมื่อเพื่อนรักมายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว คงมีเพียงแต่อาทิตย์เท่านั้นที่แสดงออกถึงความเศร้าและเสียใจออกมาทางใบหน้า สายนำ้ตาที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสายคงแสดงออกได้ถึงความสะเทือนใจอย่างถึงที่สุดแล้ว

อาทิตย์ร้องไห้ฟูมฟายได้แต่พูดเพ้อถึงโชคชะตาของเพื่อนรัก เขาได้แต่เฝ้าคิดว่าใครกันนะที่เป็นคนฆ่าเพื่อนรัก เอจะต้องมาตายตรงนี้เพราะอะไรกัน อาทิตย์ไม่ได้กล่าวโทษถึงกลุ่มคู่อริเลยแม้แต่น้อย เขาไม่โทษเพื่อนของเขาที่เรียนร่วมสถาบันที่พามาเจอสถานการณ์แบบนี้ อาทิตย์ได้แต่คิดถึงคำพูดต่างๆที่เขาได้ยินมาจากรุ่นพี่ที่พยายามพูดกรอกหูเขา นี่น่ะหรือคือสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการ พวกเขาต้องการให้มีคนตายหรือย่างไร

เวลาผ่านไปไม่นาน ตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ สิ่งที่ตำรวจเห็นก็คือชายหนุ่มในชุดนักศึกษากำลังนอนจมกองเลือดกับพื้น โดยมีชายหนุ่มอีกคนที่ใส่ชุดนักศึกษาต่างสถาบันนั่งข้างๆพร้อมส่งเสียงร้องให้ดังลั่น และใกล้ๆกันนั้นยังมีด้ามมีดพับเหล็กที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดและรอยนิ้วมือของอาทิตย์แฝงอยู่บนนั้น่