วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บัญชีฆ่า มาตามสั่ง







เอมอรกำลังก้าวเดิน ลงบันไดมาจากชั้นบันได น้ำหนักเกินร้อยกิโลกรัม ที่กดทับลงบนแผ่นไม้ทำให้เกิดเสียงดัง 'เอี๊ยดๆ' เสียงดังจากแผ่นไม้ทำให้ดนัย เกิดความหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขานั่งสูบบุหรี่ในมื้อเช้าพร้อมถ้วยกาแฟ ก่อนออกไปทำงาน เป็นประจำแบบนี้มากว่า 3 ปีแล้ว


เอมอรลงมาถึงยังโต๊ะกินข้าวเช้า เธอลากเก้าอี้เสียงดัง ยิ่งทำให้ดนัยรีบคีบมวนบุหรี่เข้าปาก และสูดควันเข้าปอดอย่างเต็มแรง


"อรุณสวัสด์ค่ะที่รัก"


ดนัยไม่ตอบ เขาได้แต่แลตาไปที่เธอ พร้อมพ่นควันออกมาจากปาก ดนัยใช้การพ่นควันนี้ เหมือนกับเป็นการทอดถอนลมหายใจ เพื่อหวังว่าความอึดอัดมันจะระบายออกมาได้บ้าง แต่เปล่าเลย!


"ชั้นบอกคุณกี่ครั้งแล้ว ว่าควรจะหยุดสูบบุหรี่ได้แล้ว ตอนนี้คุณอาจเป็นมะเร็งแล้วก็ได้"


"คุณจะให้ผมเลิกสูบได้อย่างไร ในเมื่อการสูบบุหรี่ มันเป็นความสุขเดียวบนโลกใบนี้ ที่ผมพอจะหาได้"


"ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรจะลดลงหน่อย นี่อะไรกัน สูบกันวันละ 3 ซอง สูบจนบ้านมีแต่กลิ่นบุหรี่ คุณจะไม่กินอะไรก่อนไปทำงานหน่อยเหรอ กินแต่กาแฟแค่แก้วเดียวจะไปมีเรี่ยวแรงอะไร เอาขนมปังที่เหลือๆจากของฉันไปหน่อยไหม?"


เอมอรพูดเสร็จ เธอก็หยิบขนมปังแผ่นออกมา 2 ชิ้น และค่อยๆบรรจงทามาการีน ลงบนแผ่นขนมปังจนหนาเตอะ ทั้ง 3 แผ่น จากนั้นก็นำขนมปังไปหย่อนลง ในเครื่องปิ้งขนมปัง แต่ดนัยยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบรับเศษขนมปัง เขาได้แต่คนถ้วยกาแฟในมือ และยังอัดควันเข้าปอดต่อไป


ดนัยยังคงจ้องไปที่เอมอร ด้วยสายตาที่เย็นชา สิ่งที่เขาเห็นคือหญิงวัยสามสิบปลายๆ ที่มีรอบเอวที่ตัวดนัยเองยังโอบไม่มิด ท่อนแขนที่ใหญ่ คางพอกลงมาจนแยกไม่ออก ว่าอันไหนคออันไหนหัว ใบหน้าที่แห้งเหี่ยวไร้การดูแล เส้นผมหยิกหยอยที่คงไม่ได้หวี มานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ชั่วครู่หนึ่ง ดนัยนึกย้อนไปสมัยที่แต่งงานกันใหม่ๆ ถึงรูปร่างที่เพรียวบาง ผิวพรรณขาวใส ใบหน้าที่เรียวยาว ตากลมโต คิ้วโก่่งสวยเข้ารูป จมูกเป็นสันงามลับกับปากที่บางเรียว เขาคิดว่าเวลาแค่ 15 ปีมันเปลี่ยนไปได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ


"เมื่อคืนคุณกลับบ้านกี่โมง? รู้มั้ยว่าชั้นนอนคอยทั้งคืน"


"กลับมาตอน 5 ทุ่มเกือบเที่ยงคืน คุณก็รู้ว่าตั้งแต่ผมได้ตำแหน่งใหม่ เจ้านายก็มีงานที่บริษัทให้ผมทำเพียบเลย ที่บริษัทมีพนักงานบัญชีแค่คนเดียวเท่านั้น"


"บริษัทบ้าอะไรเลิกงานเกือบเที่ยงคืน อย่าให้รู้นะว่าคุณแอบไปมีเมียน้อยที่ไหน ถ้าชั้นจับได้ล่ะน่าดู"


ดนัยขยี้ก้นบุหรี่ที่สูบหมดแล้ว ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ เขาจุดมวนใหม่ขึ้นมา และดูดควันเข้าไปอีกเช่นเคย ดนัยเลิกสนใจเธอไปนานกว่า 10 ปีจะได้้แล้ว ในใจเขาหมดอารมณ์กับเอมอร เยื่อใยเดียวที่ทำให้ดนัยต้องทนอยู่ในสภาพนี้ ก็คือทะเบียนสมรสแผ่นเดียว ที่เป็นโซ่คล้องคอเขาไว้ไม่ให้ไปไหน ใจหนึ่งดนัยก็อยากจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกเหมือนกัน แต่เขายังไม่อยากทำให้เรื่องมันเลวร้ายลงกว่านี้ ถ้าเอมอรจับได้ว่าดนัยมีเมียน้อย เธออาจฟ้องหย่ากับดนัย และจะได้แบ่งสมบัติมูลค่ามาก ที่ได้มาจากมรดกของดนัยไป และรวมถึงสมบัติที่ดนัยทำงานสร้างมันขึ้นมา ทั้งๆที่เอมอรได้แต่อยู่บ้าน ผลาญเงินของเขาเล่นไปวันๆ


"นี่คุณ อีก 2-3 วันพ่อแม่ชั้นจะมาจากต่างจังหวัด คุณต้องขับรถไปส่งชั้นด้วยนะ เพื่อไปเยี่ยมท่านที่บ้านของพี่สาวชัน"


"ผมไม่ไปหรอก คุณก็รู้อยู่ว่าคนพวกนั้นเกลียดผมยิ่งกว่าอะไรดี ตอนอยู่ด้วยกัน พวกนั้นยังจับกลุ่มพูดกระแนกระแหนผม ไม่ต้องพูดถึงตอนลับหลัง"


"คุณก็แบบนี้ล่ะ ชวนให้ไปเจอพ่อแม่ก็ไม่ยอมไป"


ดนัยนึกถึงหน้าพ่อแม่ และญาติของเอมอร ที่ต่างก็เกลียดเขาเข้าใส้ แน่นอน ดนัยก็เกลียดพวกนั้นเข้าใส้เช่นกัน เมื่อญาติๆของเอมอรพากันมาขอเงินจากดนัย แต่โดนดนัยไล่ไปอย่างไม่ใยดี


"คุณเองก็ควรจะใช้เงินอย่างประหยัดได้แล้ว ค่าใช้จ่ายต่อเดือนมันเกินรายรับแล้ว"


ดนัยทนไม่ไหว เขาขอระบายอะไรออกมาบ้าง แต่ดนัยคิดผิดที่พูด เพราะไม่ว่าจะพูดเรื่องนี้เท่าไหร่ เอมอรก็ยังคงใช้เงินอย่างล้างผลาญเหมือนเดิม และยังเข้าทางที่ทำให้เอมอรด่าสวนกลับมาได้ โดยคนที่ชวนทะเลาะคือดนัย


"นี่คุณ! คุณจะมาว่าชั้นแบบนี้ไม่ได้นะ คุณไม่รู้หรอกว่าอยู่บ้านมันเบื่อมากแค่ไหน ของใช้จำเป็นก็ต้องซื้อ ชั้นก็ต้องมีสังคมกับเขาบ้างล่ะ คุณมีหน้าที่หาเงินก็ทำไป ชั้นมีหน้าที่ดูแลบ้านก็ต้องทำให้ดีที่สุด"


ประโยคสุดท้ายที่เอมอรพูด ทำให้ดนัยคิดถึงสภาพบ้าน ที่ไม่ได้เช็ดถูมานานแล้ว ข้าวของเครื่องใช้เต็มบ้าน วางระเกะระกะไปหมด ส่วนหนึ่งเป็นของที่เอมอรซื้อมาเต็มบ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ดนัยเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ เพราะเขาไม่อยากทะเลาะอะไรกับเธออีก และที่สำคัญ วันนี้ดนัยมีนัดสำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันจะทำให้ชีวิตของเขากับมามีความสุขได้อีกครั้ง มันคือความหวังเดียวของเขาในตอนนี้ ดนัยคิดว่าหากเขาทำเรื่องนี้สำเร็จ เขาจะเลิกบุหรี่อย่างแน่นอน


"แล้ววันนี้คุณจะกลับบ้านกี่โมง?"


ดนัยกำลังจะเดินออกจากบ้าน เขาไม่หันมา แต่พูดตอบด้วยน้ำเสียงแห้งเหือด"


"3 ทุ่ม"


"ฉันจะนอนรอ"


นั่นคือช่วงเดียวในบ้าน ที่ดนัยรู้สึกเป็นสุขเมื่ออยู่ในบ้าน แต่เขาก็ไม่สุขอย่างแท้จริงนัก เพราะเสียงกรมของเธอดัง จนทำให้ดนัยยากที่จะข่มตาหลับลงไปได้


.ในช่วงบ่ายวันนั้น ดนัยขับรถไปจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ลักษณะเป็นตึก 3 ชั้น เขาเดินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตามคำบอกเล่าของเจ้าของบ้าน ที่ได้คุยโทรศัพท์กันก่อนหน้านี้แล้ว ชุบพงยืนรอที่โต๊ะทำงานตามเวลาที่นัดหมายแล้ว


"สวัสดีครับคุณดนัย ผมชุบพงที่เราได้คุยกันก่อนหน้านี้ครับ จากที่คุณดนัยเล่าปัญหาให้เราฟังนั้น ผมรับรองได้ว่าปัญหาของคุณนั้น จะได้รับการแก้ไขจนคุณพอใจ"


"ครับ ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผมมา มันอาจจะฟังดูแปลกๆไปหน่อย ที่สามีจะว่าจ้างคนให้มาฆ่าภรรยาตัวเอง"


ดนัยพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก


"ไม่ต้องกังวลเลยกับเรื่องนั้น จากประสบการณ์การทำงานของเรานั้น เรื่องผัวฆ่าเมีย เมียฆ่าผัว มันเป็นเรื่องที่เรามีงานเข้ามาเรื่อยๆ คุณดนัยเชื่อมั้ยว่า ภรรยาที่ต้องการฆ่าสามี นั้นมีมากกว่าสามีที่ต้องการฆ่าภรรยาหลายเท่าตัวนัก เรื่องตลกคือ ภรรยามักใช้เงินของสามี เพื่อมาฆ่าตัวสามีเอง"


ดนัยถึงกับอ้าปากค้่าง กับสิ่งที่ได้ยินจากชุบพง


"ผมไม่อยากให้นังนั่นมาชุบมือเปิบ แบ่งสมบัติจากผมไป ทั้งๆที่ทุกสิ่งทุกอย่างผมสร้างมันเองมากับมือ แต่นังเมียผมมันคอยที่จะล้างผลาญมัน และพฤติกรรมแย่ๆอีกมากมาย ที่ผมจะไม่ทนมันอีกต่อไปแล้ว"


"เรื่องสมบัติคือเรื่องที่ลูกค้ามักจะมาให้เราช่วยแก้ปัญหา รองจากนั้นก็เป็นเรื่องความแค้น"


"เอ่อ... ผมขอถามหน่อยสิคุนชุบพง บริการของคุณเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าจะไม่มีใครสืบได้"


ดนัยขอความมั่นใจจากชุบพง


"เราทำงานด้านนี้มากว่า 20 ปีแล้ว คำขอจากลูกค้าเมื่อมาถึงมือของพวกเรา เราจะมีการตรวจสอบประวัติ ของลูกค้า ซึ่งก็หมายถึงผู้ที่จะถูกฆ่านั่นเอง ซึ่งเราขอใช้คำว่า 'ลูกค้า' แล้วกัน และหลังจากนั้นเราจะเฝ้าดูกิจวัตรประจำวันของลูกค้า จนกว่าจะแน่ใจแล้วว่า ทางทีมงานของเราสามารที่จะลงมือได้ อย่างหมดจด ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้"


"แล้วจะจัดการกับลูกค้าอย่างไร เพื่อไม่ให้สืบพบ"


"โรงงานของเราที่อยู่ชั้นบน จะมีเครื่องปั่นศพ ให้แหลกละเอียด และเราจะนำเศษเนื้อไปทำเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ ไม่มีใครหาศพเจอแน่นอน"


"จริงหรือครับ ผมคงไม่อยากขึ้นไปชั้นบนแน่ๆ"


"ไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอกครับ ทุกขั้นตอนเราใช้เครื่องจักรจัดการ ตั้งแต่เครื่องปั่นศพให้ละเอียด จากนั้นเราจะน้ำเศษเนื้อที่แหลกละเอียดนั้น ไปเข้าตู้อบความร้อน และจะมีเครื่องอัดเศษเนื้อเหลวเหล่านั้น ให้เป็นเม็ด ขั้นตอนสุดท้ายก็เป็นการฉีดล้างเครื่องจักร ด้วยไอน้ำเดือด น้ำที่ใช้ในการชำระล้าง เราก็เอาไปบำบัดเพื่อนำกับมาใช้ใหม่"


"แล้วเม็ดที่ออกมาจากเครื่องจักร?"


"เม็ดอัดจากเศษเนื้อของลูกค้าหรือครับ คุณคงไม่อยากรู้แน่ว่าเราไปทำอะไร"


ดนัยกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก ก่อนใช้มือขยับปมเนคไทค์ เพื่อคลายความอึดอัด


"ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เรามาว่าเรื่องระเบียบการกันดีกว่าครับ นี่คือเอกสารที่ผมเตรียมมาไว้ให้"


ดนัยยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับชุบพง ในนั้นมีเอกสารที่ระบุรายละเอียด และข้อมูลต่างๆของเอมอร ภรรยาของดนัย และยังมีรูปถ่ายจำนวนหนึ่งของเธอด้วย และในซองเอกสารนั้น ชุบพงเปิดดูมันอย่างละเอียด และเก็บมันใส่ซองอย่างดี เหมือนก่อนที่มันจะถูดเปิด


"ผมดูเอกสารตามที่คุณกรอกมาให้แล้ว ข้อมูลส่วนตัว รวมถึงกิจวัติประจำวันของลูกค้า ครบถ้วนตามที่เราต้องการครับ โชคดีที่ลูกค้าของเราอยู่บ้านตลอดทั้งวัน ทำให้เราสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นหน่อย"


เสียงเปิดประตูบานเหล็ก ด้วยระบบไฮดรอลิคดังขึ้น จากหลังตึก ไม่นานก็มีรถลากขนกล่องเหล็ก ที่มีความยาวขนาดสูงประมาณ 2 เมตร กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร มันค่อยๆเลื่อนเข้ามาและตรงไปยังลิฟท์ เพื่อขึ้นไปยัวโรงงานที่อยู่ชั้นบน


ชุบพงหันหน้าไปทางรถคันเล็กๆนั่น


"ข้างในกล่องเหล็กนั่นคือลูกค้าของเราครับ กำลังจะถูกนำไปยังเครื่องจักรของเรา ต้องขอโทษคุณดนัยด้วยนะครับ เดี๋ยวอาจจะมีเสียงดังจากการทำงาน ของเครื่องจักร"


เสียงลิฟท์จอดที่ชั้นบนสุดของตึก จากนั้นเสียงดังโครมครามจากการย้ายกล่องเหล็ก เข้าไปในเครื่องจักร ไม่นานเสียงสายพานของมอเตอร์เริ่มทำงาน ความเร็วรอบของมอเตอร์ยังไม่มากนัก แกนเหล็กติดใบมีดขนาดใหญ่ เพื่อปั่นหยาบร่างมนุษย์ให้แหลกเป็นชิ้นๆ เมื่อร่างของลูกค้าผ่านแกนมีด เสียงกระดูกลั่นดังสนั่นลงมาถึงชั้นล่าง เสียงมันคงจะคล้ายกับเสียงหักข้อนิ้วมือ แต่เสียงหักกระดูกที่นี่ดังลั่นและถี่ ก่อนที่จะค่อยๆเบาลง เพราะกระดูกเริ่มแตกเป็นชิ้นๆแล้ว ไม่ต้องพูดถึงชิ้นเนื้อที่ฉีกออกเป็นชิ้นๆ รวมถึงอวัยวะภายในที่คงจะหลุดออกมาจากร่างกาย ดนัยจินตนาการจากเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะพูดมันออกมา


"คนทำงานข้างบน คงจะเห็นภาพที่สยดสยองสุดๆ"


"ไม่หรอกครับ เพราะทุกขั้นตอนการทำงานของเครื่องจักร มันจะทำงานภายในตัวเครื่อง และถูกปิดอย่างมิดชิด แม้แต่คนคุมเครื่องจักรก็ไม่เห็นภาพเหล่านั้น"


ดนัยยกมือขึ้นปาดบริเวณหน้าผาก เขาคิดว่าจะปาดเหงื่อที่ไหลออกมา แต่ปรากฎว่าไม่มีเหงื่อซักเม็ด คงเป็นเพราะสีหน้าที่ซีดเผือด เวลาผ่านไปไม่นาน เครื่องจักรก็เปลี่ยนใบมีดจากใบมีดใหญ่ เป็นใบมีดขนาดเล็ก เสียงสายพานมอเตอร์ค่อยๆดังขึ้น จนความเร็วรอบทำงานสูงสุด เพื่อปั่นชิ้นเนื้อให้แหลกละเอียดที่สุด เสียสายพานที่วิ่งเร็ว บวกกับเสียงใบมีดที่วิ่งผ่านของเหลว รวมกันเป็นเสียงแหลมโหยหวน ดนัยแทบจะอาเจียนออกมา จนต้องเอามือปิดปาก


"ต้องขอโทษคุณดนัยด้วยนะครับ ปกติเราจะไม่ให้ใครเข้ามา ตอนที่เครื่องจักรกำลังทำงาน แต่เรายกเว้นคุณในกรณีพิเศษจริงๆ"


เมื่อเสียงใบมีดแล่นผ่านชิ้นเนื้อเริ่มเบาลง จนเงียบสนิท แสดงให้เห็นว่าร่างของลูกค้าแหลกละเอียด เป็นเนื้อเดียวกับเรียบร้อยแล้ว เสียงมอเตอร์จึงหยุดทำงาน


"เรามาคุยกันต่อเรื่องของเราดีกว่าครับ คุณดนัย"


ดนัยเหมือนถูกดึงกลับขึ้นมาจากนรก เขาหันหน้ามาทางชุบพง


"อ่อๆ ครับ เราถึงไหนกันแล้ว"


"ตอนนี้เรื่องเอกสารเรียบร้อยไปแล้วครับ ก็คงเหลือแต่ขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่เราจะลงมือกัน"


ดนัยนึกได้ถึงขั้นตอนสุดท้าย เขาหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลออกมา ข้างในมีเงินสดปึกหนา


"นี่ครับคุณชุบพง เงินสดจำนวน 3 แสนบาทตามที่ตกลงกันไว้"


ชุบพงรับซองเงินจากมือของดนัย เขาโทรเรียกให้เลขาสาว เข้ามารับเงินพร้อมเอกสารไป


"มาถึงขั้นนี้แล้ว เราถือว่าคุณเอมอร ชัยศรีเป็นลูกค้าลำดับถัดไปของเรา เราจะเริ่มงานทันทีนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"


ดนัยทำท่ารู้สึกพอใจมาก แต่ในระหว่างที่คุยกันนั้น ปรากฏว่ามีกลิ่นควันไฟโชยมาจางๆจากชั้นบน นั่นทำให้รู้ว่ากลิ่นนั้นเป็นกลิ่นจากเตาอบ ชิ้นเนื้อที่เละเป็นเนื้อบดกำลังถูกอบใฟ้ไหม้เกรียม พร้อมที่จะถูกนำไปเข้าเครื่องอัด ดนัยถึงกับอาเจียรพุ่งออกมา โชคดีที่ตั้งแต่เช้าเขายังไม่ได้กินอะไร มีเพียงน้ำที่พุ่งออกมาจากปากเป็นทางยาว น้ำหูน้ำตาของดนัยแทบเล็ดออกมา


"ไม่ต้องห่วงครับ ใหม่ๆใครก็เป็นแบบนั้น"


ชุบพงทำท่าหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะโทนศัพท์บอกให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด


"ขะๆ...ขอโทษนะครับ พอดีมันเป็็นกลิ่นเนื้อของคนอื่น ผมเลยรู้สึกสะอิดสะเอียนไปหน่อย แต่เมื่อคิดถึงกลิ่นหอมหวล ที่มาจากเมียของผม มันคงทำให้ผมสะใจมากยิ่งขึ้น กลิ่นเนื้ออบจากร่างเมียผม มันคงจะสามารถทดแทน 10 ปีืั้ผ่านมาได้ จะเป็นไปได้มั้ยว่า ตอนที่เอาร่างเมียของผม มาเข้าเครื่องจักร ผมขอมานั่งฟังเสียงใบมีด และมาสัมผัสกลิ่นจากเตาอบด้วย"


ชุบพงหัวเราะเสียงดังลั่น แม่บ้านใช้ไม้ถูพื้นเช็ดคราบน้ำ และใช้น้ำยาเช็ดพื้นกลิ่นฉุนจัด ฉีดลงไปบนพื้นอีกรอบ ก่อนจะใช้ผ้าสะอาดอีกผืนเช็ดถู ความแรงของกลิ่นน้ำยา ทำให้ดนัยต้องใช้มือปิดจมูก


"เอาล่ะครับคุณดนัย ผมมีเอกสารฉบับหนึ่งที่ต้องให้คุณดูก่อน และผมอยากจะบอกว่าทำไม ผมถึงนัดคุณให้มาคุยกันที่นี่"


"เอกสารอะไร?"


ชุบพงยื่นเอกสารจำนวนหนึ่งให้ดนัย ดนัยรีบเปิดดูทันที เขาพบว่ามันคือสำเนาเอกสารใบคำร้อง พร้อมรายละเอียดของลูกค้า ดนัยเปิดดูผ่านๆ


"นี่คือตัวอย่างคำร้องเหรอครับ แล้วใบคำร้องของผมมีอะไรผิดพลาด ถึงต้องเอาตัวอย่างมาให้ผมดู"


ชุบพงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูด


"เอกสารของคุณไม่มีอะไรผิดพลาดครับ แต่ที่ผมให้คุณดูเอกสารนั้น อยากให้ดูตรงรายชื่อผู้ยื่นคำร้องขอ และรายชื่อลูกค้าครับ ช่วยกรุณาดูที่ชื่อและอ่านมันออกมาดังๆด้วย"


ดนัยก้มมองดูเอกสารอีกครั้ง เขามองหาช่องกรอกชื่อผู้ยื่นคำร้อง และชื่อของลูกค้่า


"เอมอร ชัยศรีและ ดนัย ชัยศรี!"


ดนัยทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะตกใจสุดขีด เมื่อเห็นรายชื่อตัวเองเป็นลูกค้า


"ดูเหมือนว่าภรรยาของคุณ ก็ต้องการเก็บคุณเหมือนกัน สาเหตุก็คงเป็นเพราะเรื่องมรดกของคุณ เธอติดต่อและส่งคำขอมาให้ผม เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราพยายามติดตามเฝ้าดูคุณอยู่นาน แต่เราก็ยังไม่พบช่องโหว่ที่จะนำตัวคุณมาที่นี่เลย คุณทำให้ทีมงานของเราลำบากมาก โชคดีของเราที่กลับกลายเป็นคุณเอง ที่เดินเข้ามาหาเรา เราจึงให้คุณมาที่นี่เลย ไม่ต้องเสียเวลาขนส่งร่างของคุณอีก"


"จะบ้าไปแล้ว! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ คุณจะยอมให้นังนั่นฮุบเอามรดกของผมไปไม่ได้นะ"


"ใจเย็นๆครับคุณดนัย ผมขอบอกว่า เมื่อคำร้องของคุณยื่นมาให้ผมเรียบร้อยแล้วนั้น นั่นหมายความว่าภรรยาของคุณได้เป็นลูกค้าของเรา ยังไงซะ เธอก็ต้องมาเข้าเครื่องจักรนี้อย่างแน่นอน การทำงานของพวกเรา ยึดถือการทำตามคำมั่นสัญญาอย่างเคร่งครัด"


"แต่ เงินที่เธอเอามาให้คุณนั้น ก็เป็นเงินของผม"


"สำหรับข้อนี้ทางเราไม่รับรู้ด้วยครับ ขอแค่ให้มีเงินสดมาให้เรา เราก็จะทำตามสัญญาที่เราตกลงกันทันที คุณดนัย ผมก็ชอบคุณนะ ผมก็รู้สึกว่าคุณเป็นคนที่น่าสงสาร แต่ ธุรกิจก็ย่อมเป็นธุรกิจ เราก็ต้องรักษาชื่อเสียงของเรา"


"ผมไม่ยอมหรอก!"


พูดจบดนัยก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ และทำท่าจะรีบวิ่งหนีออกไปทางประตู ที่เขาเดินเข้ามา แต่เข้าไม่ทันสังเกตุเห็นชายร่างใหญ่ 2 คนที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างหลังของเขา นานแล้ว ทั้งสองล็อคแขนทั้งสองข้างของดนัยไว้


"ปล่อยๆ ปล่อยกู พวกมึงอยากได้เงินเท่าไหร่ 1 ล้าน? 2 ล้าน? หรือจะเอามากกว่านั้นก็ได้"


ไม่ได้ผล ชายคนหนึ่งที่ยืนล็อคแขนดนัย ใช้เทปกาวปิดปาก และใช้รัดแขนรัดขาจนดนัยไม่สามารถดิ้นได้


"เอายังไงครับนาย เราจะให้ดมยาสลบก่อนเอาเข้าเครื่องจักรมั้ย"


ชุบพงเดินมาใกล้ๆหน้าของดนัย ที่ถูกปิดปากด้วยเทปกาวไว้อย่างหนาแน่น แต่สายตาของดนัยยังคงจับจ้องมาที่หน้าของชุบพง


"คงไม่ต้อง... รู้อยู่ว่าค่ายาสลบมันแพง ใส่มันลงไปในเครื่องจักรทั้งแบบนี้เลย"


ดวงตาของดนัยเบิกกว้าง เมื่อได้ยินสิ่งที่ชุบพงพูด ชายทั้งสองลากปีกดนัยเตรียมใส่ในกล่องเหล็ก แต่ชุบพงรีบพูดขัด ก่อนทั้งสองจะจับดนัยยัดลงไปในกล่อง


"เดี๋ยว! ก่อนที่จะเอาลูกค้าเข้าเครื่องจักร แกะเทปกาวที่ปากมันออกด้วยนะ ชั้นอยากฟังเสียงร้องโหยหวน ในเวลาที่ร่างกายถูกใบมีดเฉือนฉีกขาด เสียงคงจะไพเราะน่าฟัง"


เป็นดั่งที่ชุบพงคาดไว้ เสียงร้องเอะอะโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่ดนัยจะถูกนำตัวเข้าเครื่องจักร และเมื่อเสียงมอเตอร์หมุนสายพานเริ่มทำงาน เสียงกรีดร้องสุดสยองก็ดังออกมา แต่ดังได้ไม่นานก็เงียบ ก็คงมีแต่เสียงใบมีดที่สับกระดูกแตก และเสียงเชือดเฉือนเนื้อที่ดังเหมือนทุกครั้ง


ชุบพงนั่งตั้งใจฟังเสียงนี้อย่างตั้งใจ รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆกว่้างขึ้นๆ ตอนนี้เขาคงจะพอใจอย่างที่สุด เหมือนเด็กที่กำลังนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรด เมื่อเสียงมอเตอร์หยุดทำงาน ถึงคราวที่เครื่องอบเนื้อมนุษย์จะทำงาน กลิ่นเนื้อไหม้อ่อนๆลอยมาแต่ไกล เขาพอใจกับกลิ่นนี้ และสูดดมมันเข้าไปเต็มปอด และสุดท้าย เสียงเครื่องอัดเนื้อบดอบให้กลายเป็นเม็ด ดังตึงตัง!


"ท่านครับ ได้แล้วครับ อาหารกลางวันของท่าน"


ชายที่ขนดนัยขึ้นไป เดินลงมาพร้อมกับจานใบใหญ่ ที่ปิดด้วยฝาครอบเหล็กไว้ เขาเดินมาที่โต๊ะของชุบพง และเปิดฝาครอบออกมา กลิ่นหอมคละคลุ้งจากจาน ทำให้ชายคนที่ยกมันมา โบ้ยหน้าหนี และทำท่าทางสะอิดสะเอียนไม่อยากสัมผัส ผิดกับชุบพงที่ทำสีหน้าพอใจกับ เม็ดเนื้ออบ ที่กำลังร้อนๆมีไอจางๆรอบข้าง ชุบพงก้มลงสูดกลิ่นดมอย่างเต็มที่ และเขาก็ใช้ช้อนที่อยู่บนจานนั้น ตักเม็ดเนื้ออบเข้าปาก พร้อมกับเคี้ยวมันอย่างอะเร็ดอร่อย

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ฝันวิปลาส


วันนี้ทองดีเล่าเรื่องที่ประหลาดที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา หากผมไม่ใช่เพื่อนสนิท ที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก ผมคงคิดว่ามันขี้โม้แล้ว ผมจึงตั้งใจฟังสิ่งที่มันเล่าอย่างละเอียด

ในงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่า ผมเดินเข้าในรั้วมหาวิทยาลัย มาครั้งนี้ผมไม่ได้นัดเพื่อนคนไหนไว้เลย เพราะห่างหายกันไปนานจนขาดการติดต่อ คิดไว้แค่เพียงว่า คงจะมาเจอใครซักคนที่รู้จัก และนั่งพูดคุยกัน

ตลอดทั้งงานผมยังไม่เจอเพื่อนคนไหน แต่ยังพอจะโชคดีที่ผมยังเจอกับทองดี เพื่อนที่มาจากจังหวัดเดียวกัน เดินทางมาเรียนและทำงานในเมืองใหญ่ ทองดีเป็นคนผอม ตัวเล็ก ความกลัวเมียของเขายังเป็นพี่พูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนๆ พวกเราทักทายกันและชวนกันไปนั่งที่โต๊ะ อาหารและเครื่องดื่มถูกยกมาวางบนโต๊ะ ก่อนที่ทองดีจะเริ่มพูด

"แกเคยฝันแล้วเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงมั้ย เหมือนจริงชนิดที่ว่าบางครั้ง ตื่นขึ้นมาเรายังคิดว่าเรื่องที่เราฝัน เป็นเรื่องจริงที่เพิ่งจะเกิดขึ้น"

ทองดีพูดขึ้นด้วยแววตาตื่นตระหนก

"ก็ไม่เห็นแปลก บางทีเราก็ลืมว่ามันเป็นฝัน เราแค่จำภาพที่ติดตามาไว้"

"ข้าเริ่มมีอาการแปลกๆแบบนี้ ตั้งแต่ข้าย้ายไปอยู่บ้านเช่าหลังนั้น"

ผมเริ่มคิดว่า คงน่าจะเป็นบ้านเช่าหลังที่ทองดี เคยพาผมไปเที่ยวบ้านเมื่อหลายปีก่อน

"ใช่แล้ว บ้านหลังที่แกเคยไปไง หลังที่อยู่ติดกับเสาร์กระจายสัญญาณวิทยุแรงสูง"

"แล้วมันแปลกยังไง ข้าไม่เข้าใจ"

"ข้าฝันถึงแมวสีขาว และเมื่อสัมผัสมัน ความรู้สึกสัมผัสยังติดมือมาเลยถึงความนุ่ม"

บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่า ทองดีพูดถึงอะไร สิ่งที่ผมได้ยินจากปากเพื่อนของผม มันก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติทั่วไป จนกระทั่งมันเริ่มพูดถึงเหตุการณ์แปลกๆ และสีหน้าแววตาของมัน ดูจริงจังและเคร่งเครียดขึ้น

"เชื่อมั้ยว่าเมียข้า เคยถึงกับตกใจเรื่องฝันของข้า จนวิ่งหนีเตลิดไปเลย ทั้งๆที่เธอเป็นคนไม่ตกใจอะไรง่ายๆ"

"เฮ้ย ! จะบ้าไปแล้ว"

ผมอุทานร้อง เกือบจะปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น ถ้าไม่ติดว่าสีหน้าแววตาของทองดี ดูเคร่งเครียดและกังวล

"ใช่ ข้าก็คิดว่าข้าคงจะบ้าเหมือนกัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น"

ผมยังไม่มั่นใจกับเรื่องที่ทองดีพูด ในใจผมเริ่มคิดว่าผมต้องบ้าแน่ ถ้าผมเชื่อสิ่งที่ทองดีเล่ามา

"แกเคยบอกเรื่องนี้ให้ใครฟังมั้ย?"

"แม้แต่คนใกล้ตัวที่ออฟฟิศ ข้าก็ไม่กล้าเล่าให้ฟัง แต่ข้าอยากจะบอกเรื่องบ้าๆแบบนี้ ให้ใครสักคนช่วยฟังมานานแล้ว โชคดีที่วันนี้เจอแก"

ผมยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ทองดีอาจจะบ้าจริงๆ แต่ตอนนี้ผมรับฟังมันไปก่อน ถือเสียว่ามีเพื่อนคุย

"เรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ มันอาจจะฟังดูเพี้ยนไปสักหน่อย แกเชื่อมั้ย ? ว่าเวลาข้าฝัน สิ่งที่ข้าฝันถึงจะปรากฎออกมาจริงๆ"

"แกรู้ได้อย่างไร ว่ามันปรากฎออกมาจริงๆ"

"มีอยู่คืนหนึ่งก่อนที่ข้าจะนอน ข้าเปิดดูนิตยาสารเล่มหนึ่ง ในนิตยาสารมีรูปผู้หญิงสาวสวย หุ่นดีมาก ข้าดูอย่างพินิจและจินตนาการถึง สักพักจึงม่อยหลับไป และเหมือนกับทุกคืน ข้าจะฝันเห็นสิ่งที่เพิ่งจะดูจากภาพ ที่ดูก่อนนอนทุกครั้ง และเหตุการณ์ที่ทำให้รู้ว่า มีหญิงสาวปรากฎมาข้่างเตียงก็คือ ระหว่างที่ข้ากำลังฝันถึงหญิงสาวคนนั้น ทันใดนั้นเมียข้าก็โวยวายขึ้นมาทันที ว่าผู้หญิงในฝันของข้ามาอยู่ในห้องนอนได้อย่างไร และอยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยด้วย ข้าเลยสลึมสลือค่อยๆเปิดตาขึ้น ก็เห็นนางผู้นั้นยืนอยู่ข้างเตียงจริงๆ ข้าเริ่มตกใจ แต่เมียข้าตกใจยิ่งกว่า เมื่อข้าตื่นขึ้นมา ร่างนางในฝันคนนั้นก็หายวูบไปโดยฉับพลัน เมียข้าถึงกับวิ่งหนีออกจากห้อง เพราะคิดว่าโดนผีหลอก"

เมื่อทองดีเล่ามาถึงตรงนี้ ผมเริ่มจะมั่นใจแล้วว่ามันบ้าแน่ๆ แต่ผมคงยังไม่ทักท้วงอะไรมันตอนนี้ ปล่อยมันเล่าต่อไป

"พอวันต่อมา เมียข้าก็มาเล่าเหตุการณ์ของเมื่อคืนให้ฟัง ข้าก็เลยอธิบายว่า เป็นเพราะข้านั่งดูรูปภาพของนางแบบ ในนิตยาสารเมื่อคืน แล้วก็เก็บเอาไปฝัน และสิ่งที่ฝันถึงมันก็จะปรากฎออกมาเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ พอเมียข้าได้ยินเช่นนั้นก็หายตกใจ และได้ขอร้องให้ข้าลองดูรูปภาพ พวกเสื้อผ้าสวยๆ เครื่องประดับแพง น้ำหอมยี่ห้อต่างประเทศ และยังให้ดูภาพอาหารแพงๆ"

"แล้วเป็นยังไง ?"

ผมเริ่มจะสนุกกับเรื่องที่ทองดีเล่า จึงแกล้งทำเป็นเคลิ้มไป

"พอข้าลองทำตามที่เธอบอก เธอมักจะชอบบ่นว่า ยังลองเสื้อผ้า เครื่องประดับ น้ำหอมหรืออาหารยังไม่จุใจเลย ทำไมรีบตื่น ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่มีอยู่วันหนึ่ง เมียข้ามันดันพาหมอทางด้านประสาทมา และมันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมอฟัง"

"หมอว่ายังไงบ้าง ?"

เรื่องชักเริ่มซับซ้อน

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เมียข้ามันจะเอาหมอมาทำไมก็ไม่รู้ ตั้งแต่หมอมาดูอาการข้า และพยายามรักษาด้วยการสะกดจิต ข้ารู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดทุกครั้ง ที่ตื่นนอนขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าหมอนั่นและเมียข้ามันทำอะไร ระหว่างที่ข้าหลับอยู่ นี่แหละที่เป็นปัญหาของข้าทุกวันนี้ จนอยากจะมาระบายกับใครซักคน"

บอกตรงๆว่าผมเองก็ไม่รู้ ว่าจะให้คำปรึกษากับมันยังไง เพราะเรื่องที่มันเล่านั้น คงไม่มีใครแน่ที่จะเชื่อมัน

"เอาอย่างนี้สิ แกไปร้านที่ขายพวกกล้อง แล้วบอกเขาว่าอยากได้กล้อง ที่สำหรับเอาไว้แอบถ่าย แล้วแกก็เอากล้องไปซ่อนไว้ เวลาที่หมอมารักษาแก"

ผมเริ่มรู้สึกผิด ที่ให้คำแนะนำมันไปอย่างนั้น ถึงเรื่องที่มันเล่าจะดูบ้าๆ แต่ผมดันไปให้ข้อเสนอแนะกับเรื่องบ้าๆ นั่นเท่ากับไปส่งเสริมคนบ้า ให้บ้าเข้าไปอีก ถึงอย่างไรทองดีก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผม

"จริงด้วยเพื่อน ทำไมข้าไม่นึกเรื่องนี้มาก่อนเลย"

พอคุยกันมาถึงตรงนี้ เราสองคนเปลี่ยนเรื่องพูด สักพักก็เจอเพื่อนที่เราสองคนรู้จัก จึงตั้งวงคุยและดื่มกัน เวลาผ่านไปเราก็เจอเพื่อนอีก วงจึงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ทองดีไม่เอาเรื่องที่มันเล่าให้ผมฟังก่อนหน้านี้ เอากลับมาพูดให้คนอื่นๆฟังอีกเลย นั่นทำให้ผมลืมเรื่องที่ทองดีเล่าให้ผมฟัง ผมแทบไม่นึกหวนกลับไปคิดเรื่องนั้นอีกเลย จนกระทั่ง

อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ทองดีมาหาผมที่หอพัก เพื่ออยากขอคำปรึกษา ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่ามันจะปรึกษาเรื่องอะไร ประโยคแรกทองดีพูดว่า

"ข้ารู้แล้วว่าไอ้หมอนั่นกับเมียข้ามันรวมหัวกัน ให้ข้าฝันถึงเงิน พอเงินปรากฎขึ้นระหว่างที่ข้าฝัน 2 คนนั้นก็ออกไปข้างนอกกัน ถึงว่าพอถึงเช้าข้าก็ตื่นขึ้นมา ก็พบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าราคาแพงเยอะแยะไปหมด 2 คนนั่นคงเอาเงินในฝันของข้าไปซื้อของ"

ทองดีพูดจบก่อนจะยื่นกล้องวีดีโอ ที่มีหน้าจอแสดงภาพ มาให้ผมดู ผมเปิดเล่นภาพเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้น เริ่มจากทองดีเอากล้องไปซ่อน และหันกล้องไปยังเตียงนอน ทดสอบตำแหน่งมุมกล้อง จากนั้นภาพก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ทองดีบอกให้ผมค่อยๆเลื่อนวีดีโอไป จนกระทั่งทองดีเดินเข้ามานอนลงบนเตียง และมีชายคนหนึ่งเดินมา โดยมีเมียของทองดียืนข้างๆ ชายที่น่าจะเป็นหมอคนนั้นทำท่าทาง แกว่งนาฬิกาแขวนต่อหน้าของทองดี จากนั้นก็พูดว่า

"เจ้าเริ่มง่วงแล้ว แต่ก่อนนอนให้เจ้าดูรูปเหล่านี้ และจดจำมันไว้ให้ดี หลังจากที่นาฬิกาแกว่งผ่านหน้าเจ้า 30 ครั้ง เจ้าจะหลับยาวไปอีก 10 ชั่วโมง ตอนนี้เวลา 6 โมงเย็น เจ้าจะตื่นอีกทีตอนเมื่อเข็มสั้นของนาฬิกา ชี้ไปที่เลข 4"

นาฬิกาแกว่งไปมา ชายคนนั้นยื่นกระดาษแผ่นหนึ่ง จ่อหน้าของทองดี จากนั้นทองดีก็หลับไป ผ่านไปไม่นานผมเห็นปึกธนบัตร 1 พันบาทปึกใหญ่ปรากฎออกมาที่ข้างเตียง ผมตกใจ ! เมื่อเห็นธนบัตรโผล่ออกมา อย่างน่าพิสวงในจอ พลันนั่งคิดว่านี่คือมายากลหรือเปล่า แต่ดูยังไงก็ไม่น่าจะหลอกตาได้ เพราะทองดีตั้งมุมกล้องถ่ายวีดีโอได้อย่างชัดเจนจนยากที่จะหลอกตา จากนั้นเมียของทองดีก็หยิบเงินปึกใหญ่ขึ้นมา และทำท่าดีใจ หมอโรคจิตพร้อมเธอก็เดินออกไปจากห้อง ตอนนี้ก็มีแต่ทองดีที่นอนหลับไม่รู้ตัว

ผมเลื่อนวีดีโอไปเรื่อย จนเห็นเมียทองดีและหมอเดินกลับเข้ามา เวลาในวีดีโอตอนนี้ผ่านมาได้ 3 ชั่วโมงนับจากทองดีหลับไป เมียทองดีกลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ แหวนเพชรและสร้อยทอง หมอเดินมานั่งลงที่ข้างเตียง พร้อมหยิบสมุดบัญชีธนาคารขึ้นมาเปิดดู ที่ข้อมือซ้ายเขามีนาฬิกาข้อมือยี่ห้อแพงเรือนทองฝังเพชรประดับแพรวพราว เขาค่อยเปิดสมุดบัญชีและยิ้มที่มุมปาก สุดท้ายเมียของทองดีหยิบธนบัตร 1 พันออกมาจากกระเป๋า 2-3 ใบและทิ้งมันลงไปในถังขยะ อย่างไม่ใยดี

เรื่องแปลกที่ยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน ทองดีทำสีหน้าเศร้าออกมา

"ข้าเสียใจมากที่เมียข้า เอาข้าไปหาผลประโยชน์ โดยไปร่วมมือกับชายอื่น มันก็รู้ว่าหลังจากที่หมอมารักษาข้า ข้าก็เกิดอาการผิดปกติ และทรมานอย่างมาก แต่เมียข้าก็ยังพยายามจะพาหมอมารักษาข้าอยู่ ทั้งๆที่ปกติข้าก็ให้เมียถือเงินให้อยู่แล้ว แต่มันยังจะโลภมากอีก"

"เอาน่าๆ ยังไงซะก็เมียแกเอง ถือซะว่าซื้อของขวัญให้เธอ"

ผมพยายามจะปลอบใจทองดี

"นั่นก็แค้น แต่ที่แค้นยิ่งกว่าคือหมอกำมะลอนั่น มันมาตักตวงผลประโยชน์บนความทุกข์ทรมานของข้า ข้าแค้นยิ่งนักจนอยากจะเอาปืนไปยิงหัวมัน"

"บ้าไปแล้ว แล้วแกจะเอาปืนที่ไหนไปยิงหัวมัน เดี๋ยวก็ติดคุกหรอก"

"ก็ให้ข้าฝันถึงปืนไง แล้วแกช่วยเอาปืนไปยิงหัวมันที"

ผมคิดถึงเรื่องทองดีจะฝันถึงปืน ให้ปืนปรากฎออกมา ผมเลยเกิดความคิดได้

"นี่ทองดี ถ้าแก้แค้นสองคนนั่นจนติดคุกได้ แกจะยอมให้เมียแกติดคุกมั้ย ?"

"ข้ารักเมียข้ามาก แต่รักมากก็แค้นมากด้วย"

ทองดีตอบไม่ตรงคำถาม ว่าจะยอมหรือไม่ยอม แต่สิ่งที่มันพูดก็ชัดเจนแล้วว่ามันอยากแก้แค้น ผมถามทองดีว่า หมอจะมาสะกดจิตอีกทีเมื่อไหร่ ทองดีบอกคืนนี้ ผมจึงรีบบอกแผนการให้ทองดีฟัง จากนั้นผมก็ต่อสายโทรศัพท์ไปหาเพื่อน ที่อยู่ในตลาดมืด เพื่ออุปกรณ์ที่มาใช้ในแผนของผม เมื่อเพื่อนของผมเอา 'ของ' ที่ผมสั่งมาส่ง ผมก็ซักซ้อมขั้นตอนกับทองดีอย่างดี จากนั้นก็แยกย้ายไปทำตามแผน

ในคืนนั้นผมบอกให้ทองดีดื่มกาแฟ 3 แก้ว เพื่อให้ไม่หลับและให้แกล้งทำเป็นโดนสะกดจิต เมื่อถึงเวลาที่หมอทางประสาทแกว่งนาฬิกาแขวน ต่อหน้าทองดี ทองดีก็แกล้งเคลิ้มหลับตามที่หมอสั่ง แต่เมื่อทองดีไม่หลับฝันถึงเงิน เงินจึงไม่ปรากฎออกมา แต่ผมให้ทองดีแอบซ่อนวัตถุที่เหมือนปึกธนบัตร ที่ผมให้เพื่อนผมเอามาส่งให้ โดยทองดีแอบซ่อนมันลงในเสื้อคลุม และเมื่อทองดีแกล้งหลับและฝัน ทองดีก็ทำให้วัตถุที่ซ่อนในเสื้อ แกล้งให้มาปรากฎออกมาและทำมันตกลง ข้างๆเตียง จากนั้นเมียของทองดีก็หยิบปึกเงินขึ้นมา ทั้งสองคนก็เดินหนีหายออกจากห้องไปเหมือนทุกครั้ง

เมื่อทั้งสองคนออกไป ทองดีก็โทรศัพท์มาบอกผม ผมซึ่งรออยู่ใกล้ที่พักของทองดี ก็แอบตามเมียของทองดีและหมอที่ขับรถออกไป พวกเขาไปยังห้างสรรพสินค้า เมียของทองดีเดินตรงไปยังร้านขายเพชร และเธอก็ทำทีเป็นเลือกซื้อเพชร จากนั้นก็เลือกเอาชุดเพชรที่แพงที่สุดในร้านไปจ่ายเงินที่ แผนกจ่ายเงิน ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ พวกเขาทั้งสองก็เดินไปจับจ่ายซื้อของที่อื่นอีก 2-3 ชิ้น เมื่อเมียของทองดีซื้อของเสร็จ เป็นทีของหมอที่เดินตรงไปร้านขายอุปกรณ์กีฬา เขาเดินเลือกดูชุดกอล์ฟราคาแพง ก่อนจะตัดสินใจซื้อถุงกอล์ฟที่ราคาแพงที่สุดไป

เมื่อออกจากแผนกกีฬา ทั้งสองก็เดินเข้าไปยังธนาคารที่มีโลโก้ ตรงกับสมุดบัญชีที่ผมเคยเห็นจากกล้องวีดีโอ เมียของทองดีและหมอแยกย้ายกันไปเขียนใบฝากเงิน และระหว่างที่ทั้งสองกำลัง ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ธนาคาร ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นายก็เดินมายืนรออยู่หน้าธนาคาร

"สารวัตรครับ ผมมาตามคำสั่งแล้วครับ ไหนล่ะครับผู้ต้องสงสัยที่สายแจ้งเรามา ว่าจะมีนำธนบัตรปลอมมาใช้"

"ตามลักษณะรูปพรรณที่สายแจ้งมา น่าจะเป็นสองคนที่กำลังยืนอยู่น่าเคาท์เตอร์ จ่าเดินเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองออกมา แต่อย่าให้แตกตื่น"

ตำรวจหนึ่งนายจึงเดินเข้าไป และเดินกลับออกมาพร้อมกับเมียของทองดีและหมอ เมื่อทั้งสองออกมา ผมแสดงบัตรและแจ้งข้อหากับคนทั้งสอง

"ขอเชิญคุณทั้งสองไปให้การที่สถานีตำรวจครับ เราสงสัยว่าคุณทั้งสองอยู่ในขบวนการค้าธนบัตรปลอม"

เมียทองดีและหมอถึงกับหน้าซีด

"คงจะมีการเข้าใจผิดครับคุณตำรวจ"

"เราได้รับแจ้งจากทางธนาคาร ว่าธนบัตรที่คุณใช้เป็นธนบัตรปลอม เรามีหลักฐาน"

ทั้งสองคนถูกแจ้งความในข้อหา ใช้ธนบัตรปลอมทันที


ในวันต่อมา ผมเข้าไปหาทองดี ผมคิดว่าทองดีคงจะสบายใจแล้ว ที่สามารถแก้เผ็ดคนทั้งสองได้

"ข้าสงสารเมียของข้าว่ะ ถึงในใจจะแค้นเพียงใด แต่เยื่อใยที่เคยอยู่ด้วยกันมา 7 ปี ข้าก็ยังสงสารเธอ"

"งั้นแกก็เอาพวกสิ่งของที่เมียแกไปซื้อมา ไปขายเป็นของมือสองก็ได้นี่ เอาเงินส่วนหนึ่งไปประกันตัวเธอออกมา และเงินที่เหลือก็ให้เธอไปจ้างทนายไว้สู้คดี ส่วนหมอโรคประสาทคนนั้นก็แล้วแต่แกเลยละกัน

ทองดีทำตามที่ผมบอก เขาขายและรวบเงินได้หลายแสนบาท ทองดีนำเงินส่วนหนึ่งไปประกันตัวเมียของเขา และให้เงินส่วนหนึ่งกับเธอ และทองดีก็แยกทางกับเมียของเขาทันที

เมื่อจบเรื่องทุกอย่าง ผมถามทองดี

"แกสามารถทำเงินได้ จากความสามารถพิเศษของแกนะ ข้าสามารถนำเงิน ไปฝากเข้าบัญชีให้แกได้ ถ้าแกต้องการ"

"ไม่ล่ะ เพื่อน ขอบใจมาก เงินที่ได้มาจากการทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซักวันมันจะย้อนกับมาทร้ายเรา"

ผมได้ยินคำตอบ ก็ชอบใจในความฉลาดของทองดี ผมเดินออกจากบ้านของมัน และตั้งใจว่าจะเป็นเพื่อนกับมันจนวันตาย

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ราคาชีวิต

"รายงานข่าว ณ ที่เกิดเหตุโรงพยาบาลเอกชลใจกลางเมือง ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยฉกรรจ์ ใช้ปืนยิงเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาล เท่าที่ทราบมีการยิงปืนแล้ว 2 นัด เรายังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้าย แต่ตอนนี้เราเห็นเจ้าหน้าที่บางส่วน กำลังทยอยวิ่งหนีออกมา บางคนอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวเราจะไปสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ ที่หนีออกมาจากตึกแล้วกันนะคะ"

นักข่าวสาวพร้อมช่างกล้องอีกหนึ่งคน กำลังเข้าในใกล้กับตึกโรงพยาบาล ที่เกิดเหตุการจี้ตัวประกัน เธอเดินไปที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในตึก และเพิ่งจะหลบหนีออกจากตึกมาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ

"ขอโทษนะคะ คุณคือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ตอนที่มีการยิงกันใช่มั้ยคะ?"

"ใช่ครับ ผู้ตายคนหนึ่งคือเพื่อนของผม เขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ป่วยฉุกเฉิน"

"ผู้ร้ายต้องการอะไรคะ? พอจะทราบมั้ย"

"ไม่รู้ครับ รู้แต่เพียงว่าชายคนนั้นนำผู้ป่วยฉุกเฉินมาส่ง แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเขา"

"ขอบคุณมากค่ะ"

นักข่าวเมื่อเห็นว่าผู้ที่เธอสัมภาษณ์ ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เธอหันมาพูดกับกล้อง

"ในตอนนี้เรารู้เพียงแต่ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย และมีผู้เสียชีวิตแล้วหนึ่งคน ตอนนี้สิ่งที่เราเห็นคือ ตำรวจจำนวนหนึ่งพยายามจะปิดล้อม โถงชั้นล่างของโรงพยาบาล และคนไข้บางส่วนพร้อมญาติได้ทยอยเดินออกมาจากตึกแล้ว เราจะไปสัมภาษณ์ผู้ที่เพิ่งเดินออกมาค่ะ"

นักข่าวพยายามแหวกฝูงชน ตรงไปยังผู้ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากตึก ชายคนหนึ่งเดินกระเผกออกมา แขนขวาเขาค้ำด้วยไม้ช่วยเดิน

"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณอยู่ในเหตุการณ์ ตอนที่คนร้ายบุกเข้ามาในโรงพยาบาลมั้ยคะ"

"ใช่ครับ ผมอยู่ในเหตุการณ์นั้น คนร้ายไม่ได้บุกเข้ามา เขาเป็นญาติผู้ป่วยคนหนึ่ง เขาพาภรรยาที่เพิ่งโดนรถชนบาดเจ็บสาหัสเข้ามา จากนั้นไม่นานเห็นว่าภรรยาเขาเสียชีวิต คาดว่าชายคนนั้นคงเกิดคลุ้มคลั่ง หยิบปืนที่พกมายิงนางพยาบาลเสีียชีวิตทันที"

"ขอบคุณค่ะ"

นักข่าวสาวได้ข้อมูลเพิ่มเติม เธอหันมาพูดกับกล้อง

"ตอนนี้เราคาดว่าแรงจูงใจของคนร้าย เกิดจากคงช็อคที่ภรรยาของเขาเสียชีวิต แต่ทั้งนี้เราคงยังต้องสอบถาม กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทางเราจะเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดค่ะ"

ทันใดนั้น ชั้น 5 ของตึกโรงพยาบาล มีเสียงปืนรัวดังขึ้นหลายนัด ผู้คนวิ่งหนีกันอลหม่าน บันไดหนีไฟเริ่มมีการถ่ายเทผู้คนออกมาอย่างต่อเนื่อง ในบริเวณชั้นล่าง ตำรวจเริ่มปิดสถานที่แล้ว ผู้ไม่เกี่ยวข้องถูกกันออกไปจากพื้นที่

"ผู้ชมคะ ตอนนี้เกิดเหตุยิงกันที่ชั้น 5 ของอาคาร"

ผู้คนเริ่มชุลมุนขึ้น ตำรวจหลายนายเข้ามาเสริมกำลัง รถพยาบาลจากโรงพยาบาลอื่น ขับเข้ามาจอดเพื่อพร้อมรับ กับความโกลาหล นักข่าวจากหลายสำนักที่เข้ามา ถูกกันออกนอกพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย และไม่เกะกะการทำงานของตำรวจ

"ผู้ชมคะ ตอนนี้สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น พวกเราไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้แล้ว แต่เรายังคงเกาะติดสถานการณ์ หากมีความคืบหน้า เราจะรายงานให้ทราบทันทีค่ะ ตอนนี้ขอตัดไปยังห้องส่ง"

ภาพข่าวทันสถานการณ์ ตัดเข้ามายังห้องส่ง

"ตอนนี้เชิญรับชมรายการปกติค่ะ หากมีความคืบหน้าเราจะตัดภาพ และรายงานสถานการณ์อีกครั้ง"

สถานนีตัดเข้าละคร

...

"ท่านผู้ชมคะ จากเมื่อประมาณ 20 นาทีที่แล้ว ได้เกิดเหตุยิงปืนในโรงพยาบาล ซึ่งในตอนนี้ตำรวจ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว มีการสรุปรายงานผู้เสียชีวิต 3 คน และ 1 ในนั้นก็คือผู้ก่อเหตุที่โดนวิสามัญ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ความเสียหายอื่นๆก็มีความเสียหายเล็กน้อย จากกระสุนปืน มีการชุลมุมจากผู้ป่วยข้างใน และเจ้าหน้าที่ เดี๋ยวเราจะไปสัมภาษณ์ผู้กำกับการ ที่ยืนสั่งงานตรงนั้นค่ะ"

นักข่าวสาวเดินตรงไปยังกลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

"ท่านคะ ขอทราบสถานการณ์ ณ ตอนนี้ค่ะ"

"ในเบื้องต้นเราควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้ว คนร้ายมีการยิงต่อสู้ จึงถูกวิสามัญที่ชั้น 5 ของตึก"

"พอจะทราบมั้ยคะ ว่าคนร้ายขึ้นไปทำอะไรที่ชั้น 5 คะ"

"ตรงนี้เรายังไม่ทราบครับ คงต้องรอให้แผนกสืบสวนทำงานต่อไป"

"ขอบคุณท่านมากค่ะ"

นักข่าวสาวเดินถอยออกมา จากที่ๆตำรวจใช้ปฏิบัติหน้าที่

"คุณผู้ชมคะ ทางทีมงานเราได้ตรวจสอบ จากทางโรงพยาบาลว่า ชั้น 5 ของตึกเป็นชั้นที่ผู้บริหาร ของโรงพยาบาลนั่งทำงานค่ะ ตอนนี้เรายังคงไม่ทราบถึงแรงจูงใจที่แท้จริง ของผู้ก่อเหตุที่แน่ชัด จากนี้เราคงต้องรอฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาเก็บหลักฐาน และสอบพยานในที่เกิดเหตุค่ะ แต่ตอนนี้เราสามารถติดต่อพูดคุย กับผู้อำนวยการของโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะมีการสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ ผ่านทางสถานีค่ะ"

รายการข่าวตัดมาที่สถานี นักข่าวจากหน้าจอโทรทัศน์ กำลังสัมภาษณ์ผู้อำนวยการ ผ่านสายโทรศัพท์

"สวัสดีค่ะ ท่านคะ"

"สวัสดีครับ"

"ท่านคะ ขอทราบสถานการณ์ ในโรงพยาบาลตอนนี้ค่ะ มีรายงานว่าคนร้ายได้บุกไปที่ห้องของท่าน และจับท่านเป็นตัวประกัน"

"ตอนนี้ทางตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้วครับ คนร้ายถูกวิสามัญ ผมพยายามถ่วงเวลาคนร้ายไว้ ทำให้ตำรวจเข้าช่วยเหลือทัน"

"ท่านได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ในโรงพยาบาลมั้ยคะ ว่าผู้ก่อเหตุต้องการอะไร"

"จากการสอบถาม เจ้าหน้าแผนกฉุกเฉิน คนร้ายคงเกิดความคลุ้มคลั่ง จากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิต ก่อนที่จะส่งถึงมือหมอครับ"

"เอ่อ! ท่านคะ เพิ่งจะมีรายงานการสอบถามประชาชน ที่อยู่ในเหตุการณ์จากสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ผู้ก่อเหตุพยายามนำภรรยา ที่กำลังตั้งท้องและโดนรถชน บาดเจ็บขั้นรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยืนยัน ที่จะไม่รับผู้ป่วย เหตุการณ์แบบนี้เป็นไปได้มั้ยคะ"

"เป็นไปไม่ได้ครับ ผมสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ แผนกฉุกเฉินแล้ว นั่นไม่ใช่นโยบายของเรา"

"แต่ว่า!"

สายโทรศัพท์ปลายทางตัดไป

...

1 ชั่วโมงกว่าก่อนหน้านี้

นพพรค่อยๆประคองภรรยา ลงจากรถแท๊กซี่ เจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินรีบเข็นเตียงคนไข้ ไปรับร่างของภรรยานพพร หน้ากากปั๊มอ๊อกซิเจนถูกสวมที่หน้าของเธอ เจ้าหน้าที่กำลังจะเข็นเตียงไปยังห้องฉุกเฉิน แต่มีพยาบาลคนหนึ่ง ออกมาจากห้องธุรการ

"เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป"

"ทำไมครับ?"

นพพรเอ่ยถามอย่างร้อนรน

"ขอเชิญญาติผู้ป่วยที่ห้องธุรการค่ะ"

"ภรรยาผมบาดเจ็บจะตายอยู่แล้ว ให้เข้าห้องฉุกเฉินก่อนได้มั้ย"

"ไม่ได้ค่ะ จนกว่า... "

พยาบาลยังคงยืนยัน

"งั้นมีอะไร!"

นพพรถามอย่างร้อนใจ

"ตามระเบียบของทางโรงพยาบาล หากจะรักษาได้ ต้องมีเงินมาวางมัดจำ 5 หมื่นบาทก่อนค่ะ"

"จะบ้าเหรอ! ใครจะพกเงินมาเยอะขนาดนั้น"

"แต่มันเป็นกฎค่ะ หากไม่มีเงินมาวาง ทางเราสามารถให้ผู้ป่วย นั่งรถพยาบาลออกไปยังโรงพยาบาลอื่นได้ค่ะ"

"ใครเป็นคนออกกฎนี้?"

"ผอ. ค่ะ โรงพยาบาลอื่นหลายที่ ก็ทำแบบนี้"

นพพรไม่รู้จะทำอย่างไร เขาหันซ้ายแลขวา พลันเหลือบไปเห็นรถตู้คันใหญ่ยี่ห้อเบนซ์ เข้ามาจอดตรงประตูทางเข้าแผนกฉุกเฉิน หญิงชราในรถค่อยๆก้าวเท้าลงมาจากรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เข้าไปประคองนั่งลงบนรถเข็น อาการของหญิงชราขาคงจะหัก จากการหกล้มตามประสาคนแก่

นพพรเฝ้าดูตั้งแต่คนชราถูกประคอง ลงมานั่งบนรถเข็น เจ้าหน้าที่เข็นรถเธอ ตรงไปยังห้องฉุกเฉินทันที กระบวนการตั้งแต่หญิงชราจอดรถ ถึงถูกเข็นรถเข็นไปยังห้องฉุกเฉิน ใช้เวลาไม่ถึง 20 วินาที แต่ภรรยาของนพพรรอเข้าห้องฉุกเฉิน กว่า 5 นาทีแล้ว

"ทำไมคนนั้นถึงเข้าห้องฉุกเฉินได้เลย ไม่เห็นมีญาติคนไหนมาวางเงินซักคน"

"มันเป็นกฎค่ะ"

"เพราะมันนั่งรถเบนซ์มาใช่มั้ย!"

นพพรตะโกนเสียงดัง พยาบาลทำท่าตกใจแต่ยังคงหน้านิ่ง เธอต้องทำตามกฎ

"ผมขอคุยกับผู้อำนวยการได้มั้ย? ช่วยผมด้วยเถอะ"

นพพรพูดจบ เจ้าหน้าที่เข็นเตียงก็ตะโกนขึ้น

"ผู้ป่วยชีพจรเริ่มอ่อนแล้ว!"

นพพรหัวใจตกลงตีน เขารีบวิ่งไปดูภรรยา สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเธอขาวซีด นพพรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ภรรยา

"อรๆ ได้ยินพี่มั้ย"

นพพรเขย่ามือภรรยา เธอพยายามลืมตา แต่ไม่เป็นผล

"พี่พรใช่มั้ย อรไม่ไหวแล้ว อรขอโทษที่ไม่สามารถคลอดลูกชาย ของพี่ได้แล้ว..."

เสียงละท่าทีของภรรยานพพร นิ่งเงียบไป เขาร้องไห้เสียงดัง เมื่อรู้ว่าแฟนสาวและลูกของเขาในท้อง จากไปอย่างไม่มีวันกลับ นพพรได้แต่โศรกเศร้าเสียใจ น้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาดั่งสายน้ำ นพพรคิดว่าจะต้องยื้อชีวิตเธอ

"ปั๊มหัวใจ! เร็วเข้า รีบปั๊มหัวใจเธอเร็วเข้า"

"เธอไม่หายใจนาน 5 นาทีแล้ว ปั๊มหัวใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์"

เมื่อนพพรได้ยินประโยคนี้ สติของเขาขาดผึงทันที นพพรชกหมัดออกไปเต็มแรง เข้าที่เบ้าตาของเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เข็นเตียงล้มลงไปนอนกับพื้น

"แล้วทำไม ม-ึง ไม่ทำมันก่อนหน้านี้!"

เจ้าหน้าที่ๆลงไปนอนกับพื้น ใช้มือกุมที่เบ้าตา ท่าทางหวาดกลัวแสดงออกมา อย่างเห็นได้ชัด

"ผะๆ... ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ ในเรื่องนั้นครับ ต้องให้ทางธุรการตัดสินใจก่อน"

"ชีวิตคนทั้งคน พวกม-ึงยังจะตัดสินใจอีกเหรอ ได้! ก-ูก็จะตัดสินชีวิตมึงบ้าง"

นพพรควักปืนออกมาจากเข็มขัด เขาเหนี่ยวไกมันทันที กระสุนเจาะตรงเข้าที่หัวใจ เสียงปืนเรียกเสียงกรี๊ดตกใจ จากคนในโรงพยาบาล นพพรหันไปหาพยาบาล ที่อยู่แผนกธุรการ ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงยืนแล้ว

"ม-ึงอีกคนใช่มั้ย ที่ตัดสินชีวิตเมียก-ู"

โดยที่ไม่รอคำตอบ นพพรเหนี่ยวไกปืน กระสุนพุ่งเข้าไปที่กลางหัวเธอ สติที่ขาดผึงของนพพรยังไม่กลับมา ตอนนี้เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง

'ผู้อำนวยการ' นพพรคิดถึงผู้อำนวยการ เขาหันปืนไปทางห้องธุรการ

"ไอ-่ผู้อำนวยการมันอยู่ไหน"

หลายคนในห้องธุรการ ตอบเสียงเดียวกัน

"ชั้น 5"

นพพรออกวิ่งไปยังลิฟท์ เขากดปุ่ม ใจของนพพรร้อนรุ่ม เกินกว่าที่เขาจะยืนรอลิฟท์ลงมาถึงชั้น 1 นพพรพุ่งตัวขึ้นไปยังชั้นบันได ไม่นานเขามาถึงชั้น 5 นพพรเหลือบซ้ายแลขวา เห็นพยาบาล เขาเล็งปืนไปที่เธอ

"ห้องผู้อำนวยการอยู่ไหน!"

พยาบาลชี้นิ้วไปทางห้องผู้อำนวยการ นพพรพุ่งตัวไปในทิศทางนั้น

'ห้องผู้อำนวยการ' ป้ายเหล็กติดหน้าห้อง

ปัง!!

เสียงถีบประตูเหล็กกระแทกดังลั่น ผู้อำนวยการที่นั่งบนโต๊ะตกใจ นพพรไม่ยอมเสียเวลาไถ่ถาม เขายิงปืนไปในทิศทางที่เจ้าของห้องนั่ง 3 นัดซ้อน กระสุนพลาดเป้า ผู้อำนวยการคลานเข้าไปอยู่หลังตู้เหล็ก

นพพรยืนนิ่ง เขาหายใจรุนแรง เนื่องจากความเหนื่อยและความแค้น แต่ปืนที่ยังมีกระสุนเหลืออยู่ ยังเล็งมาที่ผู้อำนวยการ ที่หลบอยู่หลังตู้เหล็ก

"เพราะกฎของม-ึง ทำให้เมียก-ูตาย ม-ึงอย่าอยู่เลย"

นพพรยิงปืนออกไปอีกหนึ่งนัด แต่กระสุนไม่ทะลุตู้เหล็ก ชะตาของผู้อำนวยการยังไม่ขาด

"ดะๆ...เดี๋ยวก่อนครับ กฎอะไร ผมไม่รู้เรื่องอะไร คุณเป็นใคร? ต้องการอะไร"

"เมียก-ูตั้งท้องได้ 8 เดือน โดนรถชนเจ็บหนัก แต่พยาบาลไม่ยอมให้เข้าห้องฉุกเฉิน เพราะก-ูไม่มีเงินวางมัดจำ 5 หมื่นบาท เมียก-ุตายเพราะไม่ได้เข้าห้องฉุกเฉิน"

"เกิดการเข้าใจผิดกันแล้ว..."

"เข้าใจผิดบ้าอะไร ไอ่พยาบาลนั่นเรียกเก็บเงินมัดจำ 5 หมื่น"

นพพรพยายามเดินหามุมยิง เขายิงไปอีกหนึ่งนัด แต่ก็ยังติดตู้เหล็ก

"ชีวิตคนจนมันไม่มีราคา ใช่มั้ย!!"

นพพรพูดตะโกนเสียงดัง เขาวิ่งเข้าไปหาผู้อำนวยการ เพื่อจะได้ยิงปืนจ่อหน้า ผู้อำนวยการคว้าแจกันดอกไม้ขว้างใส่นพพร นพพรหลบทัน ปากกระบอกปืนจ่อไปที่หัว ของผู้อำนวยการ

"ยอมแล้วๆ อยากได้อะไรจากผม เอาไปให้หมดเลย ขออย่างเดียวไว้ชีวิตผม"

"ชีวิตม-ึงมีราคามากพอสำหรับก-ูเหรอ"

"อย่าทำอะไรผมเลยครับ ผมมีลูกเมียที่ต้องดูแล"

ผู้อำนวยการยกมือไหว้ นพพรทวีความแค้นขึ้นหลายเท่า เมื่อผู้อำนวยการใช้ลูกและเมียเป็นข้ออ้าง

"แล้วลูกเมียก-ูล่ะ ก-ูให้แค่ให้ช่วยรักษา แต่พวกม-ึงกลับปฏิเสธเพราะก-ูไม่มีเงิน ก-ูมีอาชีพ ก-ูเป็นมือปืน และเหยื่อกระสุนคนถัดไปคือม-ึง"

นพพรยื่นปากกระบอกปืน มาจ่อที่หัวผู้อำนวยการ เหมือนกำลังทำท่าจะยิง

"เดี๋ยว!"

ผู้อำนวยการพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบสุขุมกว่าก่อนหน้านี้ นพพรแปลกใจว่าทำไม ผู้อำนวยการท่าทีเปลี่ยนไป ผู้อำนวยการเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง ที่ประตูหน้าห้อง เขายังคงจ้องหน้าไปที่นพพร สายตาไม่ไหวติง

"ไหนๆก-ูก็จะตายแล้ว ม-ึงอยากรู้มั้ยว่าสำหรับชีวิตพวกม-ึง มันมีราคาสักเท่าไหร่เชียว"

นพพรไม่ตอบอะไร เขาได้แต่ยืนนิ่ง เป็นสัญญาณให้ผู้อำนวยการพูดต่อ

"ราคาชีวิตกับคนอย่างม-ึง มีค่าแค่สวะ คนอย่างพวกม-ึงควรจะตายๆไปซะ ก-ูไม่เสียดายเลย ที่ชีวิตลูกกับเมียม-ึงต้องตายไป คนอย่างพวกม-ึงมันไปได้แค่ทาส ถ้าไม่ทำงานรับใช้พวกก-ู มึงก็ไม่มีประโยชน์อะไร"

เปรี้ยง!!

สิ้นเสียงพูดของผู้อำนวยการ เสียงปืนดังลั่น เลือดจากคมกระสุนปืน สาดกระเซ็นเต็มกำแพงขาว ร่างๆหนึ่งล้มลงกับพื้น เลือดยังคงไหลไม่หยุดจากร่างที่ไร้วิญญาณ

ผู้อำนวยการลุกเดิน เขาค่อยๆเดินออกไปหาตำรวจ ที่มายืนล้อมหน้าประตู ก่อนหน้านี้้ได้สักครู่แล้ว

"ขอบคุณๆตำรวจครับ มาได้ทันเวลาพอดีเลย"

ตำรวจเดินเข้ามาในห้อง ศพของนพพรนอนแน่นิ่ง เลือดไหลออกมาจากหัวของเขา ยังไม่หายหยุดไหล

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

กลอนแห่งชีวิต

รักหลงไหลรูปโฉมชโลมใจ
รักนั้นไซร้เนิ่นนานไม่รู้หาย
รักล่วงเลยผ่านกาลสายธารไกล
รักแค่ไหนย่อมมีเสื่อมหายมลายไป

อารมณ์คนนั้นมักแปรผันเปลี่ยน
คอยหมุนเวียนดุจดั่งเทียนที่เล่นไฟ
มีจุดติดมอดดับสลับไป
คนนั้นไซร้ยิ่งกว่าเทียนเปลี่ยนฉับพลัน

หากกลัวทุกข์อยากมีสุขทุกเพลา
ตัดตัณหาแลกิเลศให้หมดสิ้น
มีสติเห็นปัญญาเป็นอาจิณ
พร้อมกลับถิ่นเมื่อสิ้นลมทุกเมื่อครา

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

อุดมการณ์


ผู้กำกับนำรายการเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดของคนที่อยู่ในบ้าน ในช่วงเวลา 7 โมงเป็นต้นไป ไปตรวจสอบกับผู้ให้บริการเลขหมายโทรศัพท์ด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่ามีการสืบสวนอย่างลับๆ หลังจากใช้เวลาไม่นานในการค้นหาบันทึกการใช้โทรศัพท์ในช่วงนั้น ผู้กำกับนำเอกสารจำนวน 3 แผ่นส่งให้กับทนายแสวงที่สำนักงาน

"นักสืบที่คุณทนายหามามีวิธีการทำงานที่แปลกมาก แต่

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

ข้อสอบ

1. คำในข้อใดแสดงลักษณะของภาษาไทยที่อาจจะไม่ตรงกับลักษณะของภาษาคำโดด
ก. คลอง          ข. ปู่          ค. หนาว          ง. ยืน
 
ตอบ ก. คลอง
ลักษณะทั่วไปของภาษาคำโดดประการหนึ่งคือ คำแต่ละคำมีพยางค์เดียวและไม่มีเสียงควบกล้ำ แต่บางทีภาษาไทยก็ไม่เป็นเช่นนี้เสียทีเดียว ทั้งนี้เพราะคำในภาษาไทยเป็นอันมากที่มีมากพยางค์และมีเสียงควบกล้ำ เช่น คลอง คราด ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงฯลฯ
 
2. ข้อใดมิได้เรียงคำตามแบบภาษาไทย
ก. บาร์เบียร์        ข. เบียร์บาร์          ค. เบียร์ไทย         ง. ฝาเบียร์ 
 
ตอบ ข. เบียร์บาร์
การเรียงคำตามแบบภาษาไทยนั้นจะต้องเรียงคำตามตำแหน่งหน้าที่คำใดทำหน้าที่ใด หมายความว่าอย่างไร ก็อยู่ที่การเรียงลำดับคำ การเรียงคำผิดที่ผิดตำแหน่งความหมายจะเปลี่ยนไปด้วย เช่น คำขยายจะต้องอยู่หลังคำที่ถูกขยาย ฯลฯ
 
3. คำในข้อใดมิได้แสดงเพศตามแบบไทย
ก. เจ้าบ่าว            ข. เจ้าสาว         ค. บุรุษพยาบาล       ง. อาจารย์หญิง
 
ตอบ ง. อาจารย์หญิง
ในภาษาคำโดด เมื่อต้องการแสดงเพศของคำนามจะใช้คำแสดงเพศมาประกอบข้างหน้า ข้างหลัง หรือประสมกันตามแบบคำประสม เช่นเจ้าบ่าว – เจ้าสาว, พระเอก – นางเอก, บุรุษพยาบาล – นางพยาบาล ฯลฯ
 
4. คำในข้อใดแสดงมาลาตามแบบไทย
ก. จะให้คะแนน      ข. ไม่ให้คะแนน       ค. ให้คะแนนแล้ว      ง. น่าให้คะแนน
 
ตอบ ง. น่าให้คะแนน
การแสดงมาลาตามแบบไทย คือ การแสดงภาวะหรืออารมณ์ในขณะที่พูด เช่น ออกคำสั่ง ขอร้อง อ้อนวอน คาดคะเน ฯลฯ โดยการนำคำอื่นมาช่วยประกอบคำกริยาหรืออาจใช้กริยา
ช่วย ได้แก่ คง พึง จง ต้อง อาจ โปรด ย่อม ฯลฯ หรือคำอื่น ๆ ช่วยแสดง ได้แก่ น่า เถอะ เถิด เป็นต้น
 
5. ระบบเสียงสูงต่ำแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในข้อใด
ก. ท่ามันจะเข้ามาด่าเราแน่             ข. ท่ามันจะเข้ามาตีเราแน่
ค. ท่ามันจะเข้ามารวนเราแน่           ง. ท่ามันจะเข้ามาท้าเราแน่
 
ตอบ ง. ท่ามันจะเข้ามาท้าเราแน่
ระบบเสียงสูงต่ำ (เสียงวรรณยุกต์) ในภาษาไทย คือ การกำหนดเสียงสูงต่ำไว้ตายตัวในคำแต่ละคำ เพื่อต้องการแยกความหมาย โดยให้เสียงหนึ่งมีความหมายอย่างหนึ่ง หากเปลี่ยนเสียงความหมายก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วย เช่น ท่า = กิริยาอาการที่ปรากฏให้เห็น , ท้า = ชวนวิวาท ชวนขันสู้ ชวนให้ทดลองความรู้ความสามารถ ฯลฯ
 
6. ข้อใดใช้ตรวจสอบลักษณะของภาษาไทยได้
ก. กิน นอน นั่ง ยืน          ข. เสวย นิทรา สถิต
ค. กินเจ นอนเล่น            ง. กินนอกกินใน นอนหลับทับสิทธิ์
 
ตอบ ก. กิน นอน นั่ง ยืน
คำพยางค์เดียวที่เป็นคำพื้นฐานของภาษาไทย มักเป็นคำที่ใช้เรียกสิ่งต่าง ๆ ตลอดจนกิริยาอาการที่จำเป็นแก่มนุษย์ เช่น คำกริยาที่สำคัญและจำเป็น ได้แก่ กินนอน นั่ง ยืน เดิน วิ่ง พูด โดด โจน ฯลฯ
 
7. ที่มาของคำมากพยางค์ในภาษาไทยคืออะไร
ก. ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ                           ข. ไทยสร้างขึ้นใหม่เองตามแบบไทย
ค. เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภาษาบางประการ        ง. ทุกประการที่กล่าวแล้ว
 
ตอบ ง. ทุกประการที่กล่าวแล้ว
คำมากพยางค์ในภาษาไทยอาจมีที่มา 3 ทาง คือ
1. ยืมมาจากภาษาอื่น เช่น บาลี สันสกฤต เขมร อังกฤษ ฯลฯ
2. สร้างขึ้นใหม่ตามแบบวิธีการสร้างคำของไทย
3. เกิดคำใหม่เพราะการเปลี่ยนแปลงทางภาษาบางประการ
 
8. ทำอย่างไรจึงจะเรียกได้ว่าออกเสียงสระ
ก. ปล่อยลมผ่านหลอดลมโดยไม่กักที่ส่วนใดในปาก
ข. ปล่อยลมผ่านหลอดลม แล้วกักที่เพดานปาก
ค. ปล่อยลมผ่านหลอดลม แล้วกักที่โคนฟัน
ง. ปล่อยลมผ่านหลอดลม แล้วกักที่ริมฝีปาก
 
ตอบ ก. ปล่อยลมผ่านหลอดลมโดยไม่กักที่ส่วนใดในปาก
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการออกเสียงสระกับการออกเสียงพยัญชนะ คือ การออกเสียงสระนั้นลมหายใจที่พุ่งออกมาจากปอดสู่หลอดลมแล้วมาออกทางปากจะไม่ถูกกักไว้ที่ส่วนใดในปากเลย แต่การออกเสียงพยัญชนะนั้นลมหายใจที่พุ่งออกมาจากหลอดลมจะถูกกักหรือถูกขัดขวางที่จุดใดจุดหนึ่งในปาก
 
9. สระเดี่ยวปรากฏในข้อใด
ก. วัว                           ข. โค                     ค. ควาย                      ง. หมวย
 
ตอบ ข. โค
เสียงสระในภาษาไทยมี 28 เสียง แบ่งออกเป็น
1. สระเดี่ยว 18 เสียง ได้แก่ อะ อา อึ อื เออะ เออ (สระกลาง), อิ อี เอะ เอ แอะ แอ(สระหน้า), อุ อู โอะ โอ เอาะ ออ (สระหลัง)
2. สระผสม 10 เสียง ได้แก่ เอือะ เอือ เอาอาว ไอ อาย (สระกลาง), เอียะ เอีย (สระหน้า), อัวะ อัว (สระหลัง)
 
10. สระผสมไม่ปรากฏในข้อใด
ก. เฉา           ข. เฉียด         ค. ฉับ          ง. ฉาย
 
ตอบ ค. ฉับ 
 
แนวข้อสอบท้องถิ่น ข้อสอบ ภาค ก กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 
1. พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด ฉบับปัจจุบันที่ใช้อยู่ เป็นฉบับที่เท่าไร
ก. ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2542      ข. ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2549
ค. ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2552       ง. ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2552
 
ตอบ ค. ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2552
 
2. พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. 3 วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. 7 วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
 
ตอบ ข. ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
พรบ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
 
3. พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ฉบับนี้ไม่ได้ยกเลิกกฎหมายใด
ก. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498
ข. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2499
ค. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 93 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515
ง. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540
 
ตอบ ง. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498
(2) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2499
(3) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499
(4) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2506
(5) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2509
(6) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2510
(7) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2511
(8) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2511
(9) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 93 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515
(10) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2521
(11) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2523
 
4. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของ “ราชการส่วนท้องถิ่นอื่น”
ก. เทศบาล                       ข. สุขาภิบาล
ค. กรุงเทพมหานคร           ง. ทุกข้อรวมกัน
 
ตอบ ง. ทุกข้อรวมกัน
"ราชการส่วนท้องถิ่นอื่น" หมายความว่า เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร และราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้น นอกจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด
 
5. หมวด 1 ใน พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 นี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร
ก. บททั่วไป                  ข. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ค. การกำกับดูแล           ง. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
 
ตอบ ก. บททั่วไป
หมวด 1 บททั่วไป
 
6. ในจังหวัดหนึ่งให้มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกอบด้วยบุคคลใดบ้าง
ก. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
ข. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, องค์การบริหารส่วนตำบล
ค. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ง. องค์การบริหารส่วนตำบล, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 
 
ตอบ ค. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 7 ในจังหวัดหนึ่งให้มีองค์การบริหารส่วนจังหวัดประกอบด้วยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และมีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่น
 
7. จังหวัดใดมีราษฎรไม่เกิน 500,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดกี่คน
ก. 12 คน               ข. 24 คน
ค. 26 คน               ง. 32 คน
 
ตอบ ข. 24 คน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้ถือเกณฑ์จำนวนราษฎรแต่ละจังหวัดตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง จังหวัดใดมีราษฎรไม่เกินห้าแสนคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ยี่สิบสี่คน จังหวัดใดมีราษฎรเกินห้าแสนคนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สามสิบคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินหนึ่งล้านคนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สามสิบหกคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินหนึ่งล้านห้าแสนคนแต่ไม่เกินสองล้านคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สี่สิบสองคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินสองล้านคนขึ้นไป ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สี่สิบแปดคน
 
8. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 500,000 คน แต่ไม่เกิน 1,000,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่ค
ก. 24 คน             ข. 26 คน
ค. 30 คน             ง. 32 คน
 
ตอบ ค. 30 คน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
9. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 1,000,000 คน แต่ไม่เกิน 1,500,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 30 คน             ข. 32 คน
ค. 36 คน             ง. 40 คน
 
ตอบ ค. 36 คน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
10. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 1,500,000 คน แต่ไม่เกิน 2,000,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 32 คน           ข. 36 คน
ค. 40 คน           ง. 42 คน
 
ตอบ ง. 42 คน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น

[สอบท้องถิ่น 56] แนวข้อสอบกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ภาค ก ข้อสอบท้องถิ่น ชุดที่ 3,ติวข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่น ภาค ก,รวม ติวข้อสอบท้องถิ่น,ติว ข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่น ภาค ก,ข้อสอบ ภาค ก ท้องถิ่น ปี 2556,ข้อสอบเทศบาล,ข้อสอบ อบต,ข้อสอบ อบจ
แนวข้อสอบท้องถิ่น แนวข้อสอบเก่า ภาค ก กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ปี 2556
1. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 1,500,000 คน แต่ไม่เกิน 2,000,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 40 คน                 ข. 42 คน
ค. 48 คน                 ง. 52 คน
 
ตอบ ค. 48 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
2. อายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีวาระคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี                 ข. 3 ปี
ค. 4 ปี                 ง. 6 ปี
 
ตอบ ค. 4 ปี
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 10 อายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีกำหนดคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง
 
3. มติในการถอดถอนสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น โดยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น โดยสมาชิกต้องมีเสียงเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3           ข. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
ค. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3           ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
 
ตอบ ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 11 (7)(8)
(7) สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง โดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือกระทำการอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมด เท่าที่มีอยู่เข้าชื่อเสนอให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจารณา และมติดังกล่าวต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า
สามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ทั้งนี้ ให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงนับแต่วันที่สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติ
(8) ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียง เห็นว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไปตามกฎหมาย ว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
 
4. ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีจำนวนเท่าใดของผู้มี
สิทธิเลือกตั้งมาลงคะแนนเสียง เพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ก. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3                  ข. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 2
ค. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3                  ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
 
ตอบ ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
5. เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงคำวินิจฉัยของผู้ใดถือว่าเป็นที่สุด
ก. นายกรัฐมนตรี                      ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. คณะรัฐมนตรี                       ง. ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
 
ตอบ ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
6. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกอบด้วยใครบ้าง
ก. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 1 คน
ข. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 2 คน
ค. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 3 คน
ง. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 4 คน
 
ตอบ ข. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 2 คน
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 17 ให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลือกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนหนึ่ง และรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสองคน
 
7. เมื่อตำแหน่งประธานว่างลงต้องมีการเลือกประธานสภาภายในกี่วันนับแต่ตำแหน่งว่างลง
ก. ภายในสิบห้าวัน                      ข. ภายในสามสิบวัน
ค. ภายในสี่สิบห้าวัน                     ง. ภายในหกสิบวัน
 
ตอบ ก. ภายในสิบห้าวัน
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 19 เมื่อตำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดว่างลงเพราะเหตุอื่นใดนอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือมีการยุบสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้มีการเลือกประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด แล้วแต่กรณี แทนตำแหน่งที่ว่างภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง
 
8. เมื่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและรองประธานสภา ไม่อยู่ในที่ประชุมให้ดำเนินการ
อย่างไร
ก. ผู้อาวุโสที่สุดเป็นประธานชั่วคราว              ข. คัดเลือกกันเองภายในที่ประชุม
ค. เลื่อนการประชุมออกไป                           ง. ผู้มีตำแหน่งสูงสุดเป็นประธานชั่วคราว
 
ตอบ ข. คัดเลือกกันเองภายในที่ประชุม
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 21 เมื่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งสองคนไม่อยู่ในที่ประชุม ให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลือกกันขึ้นเองเป็นประธานในที่ประชุมสำหรับการประชุมคราวนั้น
 
9. ในปีหนึ่งๆ มีสมัยประชุมสามัญกี่สมัย
ก. หนึ่งสมัย              ข. สองสมัย
ค. สามสมัย               ง. สี่สมัย
 
ตอบ ข. สองสมัย
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 22ในปีหนึ่งให้มีสมัยประชุมสามัญสองสมัย
 
10. ผู้ว่าราชการจังหวัด กำหนดให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้มาประชุมสภาองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดครั้งแรกภายในกี่วัน
ก. 7 วัน                               ข. 15 วัน
ค. 45 วัน                             ง. 45 วัน
 
ตอบ ข. 15 วัน
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 22 ในปีหนึ่งให้มีสมัยประชุมสามัญสองสมัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องกำหนดให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้มาประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดครั้งแรก ภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด วันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปี ให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำหนดสมัยประชุมสามัญให้มีกำหนดสี่สิบห้าวัน แต่ถ้ามีกรณีจำเป็น ให้ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสั่งขยายสมัยประชุมสามัญออกไปอีกได้ตามความจำเป็นครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน

[ฟรี !! ข้อสอบท้องถิ่น 2556] ข้อสอบท้องถิ่น แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น ข้อสอบท้องถิ่น 56 ชุดที่ 4 ติวข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่น ภาค ก,รวม ติวข้อสอบท้องถิ่น,ติวข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่น ภาค ก,ข้อสอบ ภาค ก ท้องถิ่น ปี 2556,ข้อสอบเทศบาล,ข้อสอบ อบต,ข้อสอบ อบจ
แนวข้อสอบ ข้อสอบเก่า ภาค ก กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2556
1. สมัยประชุมสามัญมีกำหนดขึ้นภายในกี่วัน
ก. 15 วัน                          ข. 30 วัน
ค. 45 วัน                          ง. 60 วัน
 
ตอบ ค. 45 วัน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
2. กรณีมีเหตุจำเป็น ประธานสภาสามารถสั่งขยายสมัยประชุมสามัญออกไปอีกครั้งละไม่เกินกี่วัน
ก. 15 วัน                               ข. 30 วัน
ค. 45 วัน                               ง. 60 วัน
 
ตอบ ก. 15 วัน
 
3. ผู้เรียกประชุมและเป็นผู้เปิดและปิดสมัยประชุมคือใคร
ก. ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด           ข. นายกเทศมนตรี
ค. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด                     ง. คณะรัฐมนตรี
 
ตอบ ก. ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 24 ภายใต้บังคับมาตรา 22 ให้ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้เรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตามสมัยประชุมและเป็นผู้เปิดและปิดการประชุมในกรณีที่ไม่มีประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่เรียกประชุมตามกฎหมาย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้เรียกประชุมและเป็นผู้เปิดและปิดการประชุม
 
4. จากข้อข้างต้น ในกรณีไม่มีบุคคลดังกล่าว ให้ผู้ใดเป็นผู้เรียกประชุมและเป็นผู้เปิดและปิดการ
ประชุม
ก. นายกรัฐมนตรี                            ข. รัฐมนตรี
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด                     ง. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
 
ตอบ ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
5. ผู้ใดสามารถเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด
ก. ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด          ข. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ค. สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด           ง. ถูกทุกข้อ
 
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 25 เมื่อเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นสมัยวิสามัญก็ได้ หรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ อาจทำคำร้องยื่นต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญได้ ในกรณีที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ทำคำร้องขอให้เปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมัยวิสามัญ ให้ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมัยวิสามัญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง
การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมัยวิสามัญให้มีกำหนดเจ็ดวัน แต่ถ้าจะขยายเวลาออกไปอีกต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่าที่มีอยู่ และให้ขยายออกไปได้อีกไม่เกินเจ็ดวัน
 
6. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประชุมสมัยวิสามัญ
ก. ให้มีกำหนดเจ็ดวัน
ข. ขยายเวลาต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาด้วยเสียงสองในสาม
ค. ถ้าต้องการขยายออกไปได้ไม่เกินเจ็ดวัน
ง. ไม่มีข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
 
ตอบ ข. ขยายเวลาต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาด้วยเสียงสองในสาม
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
7. ข้อบังคับการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เป็นไปตามระเบียบที่ใครกำหนด
ก. กระทรวงกลาโหม                    ข. กระทรวงมหาดไทย
ค. กระทรวงยุติธรรม                     ง. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
 
ตอบ ข. กระทรวงมหาดไทย
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 26 ข้อบังคับการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด
 
8. ในการประชุมลับของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น ย่อมมีได้เมื่อจำนวนสมาชิกร้องขอมาไม่น้อยกว่าเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3                 ข. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 2
ค. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3                  ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
 
ตอบ ก. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 30 การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดย่อมเป็นการเปิดเผยตามลักษณะที่จะได้กำหนดไว้ในระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่ การประชุมลับย่อมมีได้เมื่อนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้องขอ หรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดรวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งมาประชุมร้องขอ
 
9. ผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบคำถามด้วยเหตุผลใด
ก. เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ                ข. เกี่ยวกับนโยบายการบริหารราชการส่วนกลาง
ค. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม            ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
 
ตอบ ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 32 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจเสนอข้อสอบถามต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ อันเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาคและให้หัวหน้าหน่วยงานราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินซึ่งมาปฏิบัติหน้าที่ในเขตจังหวัดชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ อันเกี่ยวกับงานในหน้าที่ได้ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าหน่วยงานราชการดังกล่าวชี้แจงด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือต่อประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภายในเวลาอันสมควรก็ได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าหน่วยงานราชการย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบคำถามเมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติหรือเกี่ยวกับนโยบายของการบริหารราชการส่วนกลางที่ยังไม่สมควรเปิดเผย
 
10. บุคคลผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารจังหวัดต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายใด
ก. กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ข. กฎหมายเลือกตั้งสภาท้องถิ่น
ค. กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ง. ถูกทุกข้อ
 
ตอบ ก. กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/1 บุคคลผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
(2) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา
(3) ไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการหรือที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นเพราะเหตุมีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญา หรือกิจการที่กระทำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่ถึงห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

[ ออกแล้ว!! ] แนวข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น แนวข้อสอบท้องถิ่น ข้อสอบท้องถิ่น 2556 ชุดที่ 5
1. ในจังหวัดหนึ่งให้มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกอบด้วยบุคคลใดบ้าง
ก. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล
ข. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, องค์การบริหารส่วนตำบล
ค. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ง. องค์การบริหารส่วนตำบล, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ข้อสอบ ภาค ก ท้องถิ่น พร้อม เฉลย,ข้อสอบ ภาค ก ท้องถิ่น ระดับ 3
ตอบ ค. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540  มาตรา 7  ในจังหวัดหนึ่งให้มีองค์การบริหารส่วนจังหวัดประกอบด้วยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และมีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่น
ข้อสอบ ภาค ก ส่วนท้องถิ่น,ข้อสอบ ภาค ก ท้องถิ่น 56,สอบ ภาค ข ท้องถิ่น
2. จังหวัดใดมีราษฎรไม่เกิน 500,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดกี่คน
ก. 12 คน                                     ข. 24 คน
ค. 26 คน                                     ง. 32 คน
ภาค ก ท้องถิ่น ,ข้อสอบ ภาค ก อบต,สอบกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
ตอบ ข. 24 คน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้ถือเกณฑ์จำนวนราษฎรแต่ละจังหวัดตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง จังหวัดใดมีราษฎรไม่เกินห้าแสนคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ยี่สิบสี่คน จังหวัดใดมีราษฎรเกินห้าแสนคนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สามสิบคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินหนึ่งล้านคนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สามสิบหกคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินหนึ่งล้านห้าแสนคนแต่ไม่เกินสองล้านคน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สี่สิบสองคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินสองล้านคนขึ้นไป ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สี่สิบแปดคน
 
3. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 500,000 คน แต่ไม่เกิน 1,000,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 24 คน                                           ข. 26 คน
ค. 30 คน                                           ง. 32 คน
เตรียมสอบกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น,คู่มือเตรียมสอบ ภาค ก
ตอบ ค. 30 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
4. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 1,000,000 คน แต่ไม่เกิน  1,500,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 30 คน                                         ข. 32 คน
ค. 36 คน                                         ง. 40 คน
สอบภาค ก กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น,ผล สอบ กรม ส่งเสริม การ ปกครอง ส่วนท้องถิ่น
ตอบ ค. 36 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
5. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 1,500,000 คน แต่ไม่เกิน 2,000,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 32 คน                                             ข. 36 คน
ค. 40 คน                                             ง. 42 คน
 
ตอบ ง. 42 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
6. จังหวัดใดมีราษฎรเกิน 1,500,000 คน แต่ไม่เกิน 2,000,000 คน ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กี่คน
ก. 40 คน                                              ข. 42 คน
ค. 48 คน                                              ง. 52 คน
 
ตอบ ค. 48 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
 
7. อายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีวาระคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี                                                       ข. 3 ปี
ค. 4 ปี                                                        ง. 6 ปี
 
ตอบ ค. 4 ปี
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 10  อายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีกำหนดคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง
 
8. มติในการถอดถอนสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น โดยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น  โดยสมาชิกต้องมีเสียงเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3                                    ข. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
ค. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3                                     ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
 
ตอบ ง. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 11 (7)(8)
(7) สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง โดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือกระทำการอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมด เท่าที่มีอยู่เข้าชื่อเสนอให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจารณา และมติดังกล่าวต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ทั้งนี้ ให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงนับแต่วันที่สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติ
(8) ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียง เห็นว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไปตามกฎหมาย ว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
 
9. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกอบด้วยใครบ้าง
ก. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 1 คน
ข. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 2 คน
ค. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 3 คน
ง. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 4 คน
 
ตอบ ข. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 2 คน
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540  มาตรา 17  ให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลือกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนหนึ่ง และรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสองคน
 
10. เมื่อตำแหน่งประธานว่างลงต้องมีการเลือกประธานสภาภายในกี่วันนับแต่ตำแหน่งว่างลง
ก. ภายในสิบห้าวัน                    ข. ภายในสามสิบวัน
ค. ภายในสี่สิบห้าวัน                  ง. ภายในหกสิบวัน
 
ตอบ ก. ภายในสิบห้าวัน
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540  มาตรา 19  เมื่อตำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดว่างลงเพราะเหตุอื่นใดนอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือมีการยุบสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้มีการเลือกประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด แล้วแต่กรณี แทนตำแหน่งที่ว่างภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง

[แจกฟรี!!] ข้อสอบภาค ก ท้องถิ่น พร้อมเฉลย คู่มือสอบท้องถิ่น แนวข้อสอบกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 2556 ชุดที่ 6ข้อสอบท้องถิ่น 2556,ข้อสอบคนท้องถิ่น,ชุมชนคนของท้องถิ่น,สอบงานท้องถิ่น,ชุมชนรวมคนท้องถิ่น,ชุมชนคนท้องถิ่นแบ่งปัน,คู่มือสอบท้องถิ่น,สอบท้องถิ่น 55,สอบท้องถิ่น ภาค ก 2556,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดสอบ 2556,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 
1.ในกรณีที่สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด 48 คน ให้
แต่งตั้งรองนายกองค์การได้ไม่เกินกี่คน
ก. ไม่เกิน 2 คน                ข. ไม่เกิน 3 คน
ค. ไม่เกิน 4 คน                ง. ไม่เกิน 5 คน
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดสอบ 2555,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดสอบ ภาค ก
ตอบ ข. ไม่เกิน 3 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดสอบ ภาค ก,สอบกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
2. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่งตั้งเลขานุการและที่ปรึกษาที่มิใช่สมาชิกสภาได้ไม่เกินกี่คน
ก. ไม่เกิน 3 คน               ข. ไม่เกิน 4 คน
ค. ไม่เกิน 5 คน               ง. ไม่เกิน 6 คน
 
ตอบ ค. ไม่เกิน 5 คน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
ข้อสอบคนท้องถิ่น,ชุมชนคนของท้องถิ่น,สอบงานท้องถิ่น,ชุมชนรวมคนท้องถิ่น,ชุมชนคนท้องถิ่น
3. ก่อนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ารับหน้าที่ต้องกระทำสิ่งใด
ก. กล่าวแสดงวิสัยทัศน์             ข. เข้าพบนายกรัฐมนตรี
ค. ปฏิญาณตน                         ง. แถลงนโยบาย
 
ตอบ ง. แถลงนโยบาย
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/4 ก่อนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ารับหน้าที่ ให้ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเรียกประชุมสภาองค์ 
การบริหารส่วนจังหวัดเพื่อให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยไม่มีการลงมติ ทั้งนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
 
4. จากข้อข้างต้น จะต้องกระทำภายในกี่วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ก. 7 วัน                                     ข. 15 วัน
ค. 30 วัน                                    ง. 60 วัน
ชุมชนคนของท้องถิ่น,สอบงานท้องถิ่น,ชุมชนรวมคนท้องถิ่น,ชุมชนคนท้องถิ่นแบ่งปัน
ตอบ ค. 30 วัน คำอธิบายดังข้อข้างต้น
สอบท้องถิ่น ภาค ก 2555,สอบท้องถิ่น 56,หนังสือสอบท้องถิ่น,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
5. จากข้อข้างต้น หากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่สามารถกระทำการดังกล่าวได้ให้ทำอย่างไร
ก. บอกกล่าวแก่สมาชิก                                       ข. ทำเป็นหนังสือส่งให้สมาชิกทราบ
ค. ทำหนังสือแจงแก่นายกเพื่ออธิบายเหตุผล            ง. กระทำการหลังจากนั้นไม่เกิน 15 วัน
 
ตอบ ข. ทำเป็นหนังสือส่งให้สมาชิกทราบ
พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/4 (วรรค 4)
หากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่สามารถแถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจัดทำนโยบายแจ้ง 
เป็นหนังสือส่งให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทุกคนภายในเจ็ดวัน โดยให้นำวิธีการแจ้งคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม 
ในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้แถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแล้ว
สอบท้องถิ่น ภาค ก 2555,สอบท้องถิ่น 56,หนังสือสอบท้องถิ่น,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
6. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ฉบับที่ใช้อยู่เป็นฉบับ พ.ศ. ใด
ก. พ.ศ. 2542                              ข. พ.ศ. 2543
ค. พ.ศ. 2544                              ง. พ.ศ. 2545
แนวข้อสอบท้องถิ่น,ข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่นพร้อมเฉลย
ตอบ ก. พ.ศ. 2542
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วน- ท้องถิ่น พ.ศ. 2542”
แนวข้อสอบท้องถิ่น,ข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่นพร้อมเฉลย
7. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. 3 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. 7 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
แนวข้อสอบท้องถิ่น,ข้อสอบท้องถิ่น,แนวข้อสอบท้องถิ่นพร้อมเฉลย
ตอบ ข. ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
 
8. ผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 คือใคร
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย              ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด                                   ง. นายกเทศบาลเมืองพัทยา
 
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
 
9. หมวด 1 ใน พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 เกี่ยวกับเรื่องใด
ก. การบริหารงานบุคคลในองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ข. การบริหารงานบุคคลในเทศบาล
ค. การบริหารงานบุคคลในองค์การบริหารส่วนตำบล
ง. การบริหารงานบุคคลในเมืองพัทยา
 
ตอบ ก. การบริหารงานบุคคลในองค์การบริหารส่วนจังหวัด
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 หมวด 1 การบริหารงานบุคคลในองค์การบริหารส่วนจังหวัด
 
10. ในองค์การบริหารจังหวัดแต่ละแห่งนั้นแต่ละแห่งนั้น จะประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจำนวนกี่คน
ก. 1 คน                                      ข. 2 คน
ค. 3 คน                                      ง. 4 คน
 
ตอบ ค. 3 คน
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 5 ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดแต่ละแห่ง ให้มีคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
(1) ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
(2) หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจำนวนสามคนจากส่วนราชการในจังหวัดนั้น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศกำหนดว่าเป็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานบุคคล ผู้ว่าราชการจังหวัดจะประกาศเปลี่ยนแปลงการกำหนดส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อใดก็ได้
(3) ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนสี่คน ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดคัดเลือกจำนวนหนึ่งคน ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และผู้แทนข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งคัดเลือกกันเองจำนวนหนึ่งคน
(4) ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสี่คนซึ่งคัดเลือกจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารงานท้องถิ่น ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้านอื่นที่จะเป็นประโยชน์แก่การบริหารงานบุคคลขององค์การบริหารส่วนจังหวัด