วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ฝันวิปลาส


วันนี้ทองดีเล่าเรื่องที่ประหลาดที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา หากผมไม่ใช่เพื่อนสนิท ที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก ผมคงคิดว่ามันขี้โม้แล้ว ผมจึงตั้งใจฟังสิ่งที่มันเล่าอย่างละเอียด

ในงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่า ผมเดินเข้าในรั้วมหาวิทยาลัย มาครั้งนี้ผมไม่ได้นัดเพื่อนคนไหนไว้เลย เพราะห่างหายกันไปนานจนขาดการติดต่อ คิดไว้แค่เพียงว่า คงจะมาเจอใครซักคนที่รู้จัก และนั่งพูดคุยกัน

ตลอดทั้งงานผมยังไม่เจอเพื่อนคนไหน แต่ยังพอจะโชคดีที่ผมยังเจอกับทองดี เพื่อนที่มาจากจังหวัดเดียวกัน เดินทางมาเรียนและทำงานในเมืองใหญ่ ทองดีเป็นคนผอม ตัวเล็ก ความกลัวเมียของเขายังเป็นพี่พูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนๆ พวกเราทักทายกันและชวนกันไปนั่งที่โต๊ะ อาหารและเครื่องดื่มถูกยกมาวางบนโต๊ะ ก่อนที่ทองดีจะเริ่มพูด

"แกเคยฝันแล้วเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงมั้ย เหมือนจริงชนิดที่ว่าบางครั้ง ตื่นขึ้นมาเรายังคิดว่าเรื่องที่เราฝัน เป็นเรื่องจริงที่เพิ่งจะเกิดขึ้น"

ทองดีพูดขึ้นด้วยแววตาตื่นตระหนก

"ก็ไม่เห็นแปลก บางทีเราก็ลืมว่ามันเป็นฝัน เราแค่จำภาพที่ติดตามาไว้"

"ข้าเริ่มมีอาการแปลกๆแบบนี้ ตั้งแต่ข้าย้ายไปอยู่บ้านเช่าหลังนั้น"

ผมเริ่มคิดว่า คงน่าจะเป็นบ้านเช่าหลังที่ทองดี เคยพาผมไปเที่ยวบ้านเมื่อหลายปีก่อน

"ใช่แล้ว บ้านหลังที่แกเคยไปไง หลังที่อยู่ติดกับเสาร์กระจายสัญญาณวิทยุแรงสูง"

"แล้วมันแปลกยังไง ข้าไม่เข้าใจ"

"ข้าฝันถึงแมวสีขาว และเมื่อสัมผัสมัน ความรู้สึกสัมผัสยังติดมือมาเลยถึงความนุ่ม"

บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่า ทองดีพูดถึงอะไร สิ่งที่ผมได้ยินจากปากเพื่อนของผม มันก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติทั่วไป จนกระทั่งมันเริ่มพูดถึงเหตุการณ์แปลกๆ และสีหน้าแววตาของมัน ดูจริงจังและเคร่งเครียดขึ้น

"เชื่อมั้ยว่าเมียข้า เคยถึงกับตกใจเรื่องฝันของข้า จนวิ่งหนีเตลิดไปเลย ทั้งๆที่เธอเป็นคนไม่ตกใจอะไรง่ายๆ"

"เฮ้ย ! จะบ้าไปแล้ว"

ผมอุทานร้อง เกือบจะปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น ถ้าไม่ติดว่าสีหน้าแววตาของทองดี ดูเคร่งเครียดและกังวล

"ใช่ ข้าก็คิดว่าข้าคงจะบ้าเหมือนกัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น"

ผมยังไม่มั่นใจกับเรื่องที่ทองดีพูด ในใจผมเริ่มคิดว่าผมต้องบ้าแน่ ถ้าผมเชื่อสิ่งที่ทองดีเล่ามา

"แกเคยบอกเรื่องนี้ให้ใครฟังมั้ย?"

"แม้แต่คนใกล้ตัวที่ออฟฟิศ ข้าก็ไม่กล้าเล่าให้ฟัง แต่ข้าอยากจะบอกเรื่องบ้าๆแบบนี้ ให้ใครสักคนช่วยฟังมานานแล้ว โชคดีที่วันนี้เจอแก"

ผมยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ทองดีอาจจะบ้าจริงๆ แต่ตอนนี้ผมรับฟังมันไปก่อน ถือเสียว่ามีเพื่อนคุย

"เรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ มันอาจจะฟังดูเพี้ยนไปสักหน่อย แกเชื่อมั้ย ? ว่าเวลาข้าฝัน สิ่งที่ข้าฝันถึงจะปรากฎออกมาจริงๆ"

"แกรู้ได้อย่างไร ว่ามันปรากฎออกมาจริงๆ"

"มีอยู่คืนหนึ่งก่อนที่ข้าจะนอน ข้าเปิดดูนิตยาสารเล่มหนึ่ง ในนิตยาสารมีรูปผู้หญิงสาวสวย หุ่นดีมาก ข้าดูอย่างพินิจและจินตนาการถึง สักพักจึงม่อยหลับไป และเหมือนกับทุกคืน ข้าจะฝันเห็นสิ่งที่เพิ่งจะดูจากภาพ ที่ดูก่อนนอนทุกครั้ง และเหตุการณ์ที่ทำให้รู้ว่า มีหญิงสาวปรากฎมาข้่างเตียงก็คือ ระหว่างที่ข้ากำลังฝันถึงหญิงสาวคนนั้น ทันใดนั้นเมียข้าก็โวยวายขึ้นมาทันที ว่าผู้หญิงในฝันของข้ามาอยู่ในห้องนอนได้อย่างไร และอยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยด้วย ข้าเลยสลึมสลือค่อยๆเปิดตาขึ้น ก็เห็นนางผู้นั้นยืนอยู่ข้างเตียงจริงๆ ข้าเริ่มตกใจ แต่เมียข้าตกใจยิ่งกว่า เมื่อข้าตื่นขึ้นมา ร่างนางในฝันคนนั้นก็หายวูบไปโดยฉับพลัน เมียข้าถึงกับวิ่งหนีออกจากห้อง เพราะคิดว่าโดนผีหลอก"

เมื่อทองดีเล่ามาถึงตรงนี้ ผมเริ่มจะมั่นใจแล้วว่ามันบ้าแน่ๆ แต่ผมคงยังไม่ทักท้วงอะไรมันตอนนี้ ปล่อยมันเล่าต่อไป

"พอวันต่อมา เมียข้าก็มาเล่าเหตุการณ์ของเมื่อคืนให้ฟัง ข้าก็เลยอธิบายว่า เป็นเพราะข้านั่งดูรูปภาพของนางแบบ ในนิตยาสารเมื่อคืน แล้วก็เก็บเอาไปฝัน และสิ่งที่ฝันถึงมันก็จะปรากฎออกมาเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ พอเมียข้าได้ยินเช่นนั้นก็หายตกใจ และได้ขอร้องให้ข้าลองดูรูปภาพ พวกเสื้อผ้าสวยๆ เครื่องประดับแพง น้ำหอมยี่ห้อต่างประเทศ และยังให้ดูภาพอาหารแพงๆ"

"แล้วเป็นยังไง ?"

ผมเริ่มจะสนุกกับเรื่องที่ทองดีเล่า จึงแกล้งทำเป็นเคลิ้มไป

"พอข้าลองทำตามที่เธอบอก เธอมักจะชอบบ่นว่า ยังลองเสื้อผ้า เครื่องประดับ น้ำหอมหรืออาหารยังไม่จุใจเลย ทำไมรีบตื่น ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่มีอยู่วันหนึ่ง เมียข้ามันดันพาหมอทางด้านประสาทมา และมันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมอฟัง"

"หมอว่ายังไงบ้าง ?"

เรื่องชักเริ่มซับซ้อน

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เมียข้ามันจะเอาหมอมาทำไมก็ไม่รู้ ตั้งแต่หมอมาดูอาการข้า และพยายามรักษาด้วยการสะกดจิต ข้ารู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดทุกครั้ง ที่ตื่นนอนขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าหมอนั่นและเมียข้ามันทำอะไร ระหว่างที่ข้าหลับอยู่ นี่แหละที่เป็นปัญหาของข้าทุกวันนี้ จนอยากจะมาระบายกับใครซักคน"

บอกตรงๆว่าผมเองก็ไม่รู้ ว่าจะให้คำปรึกษากับมันยังไง เพราะเรื่องที่มันเล่านั้น คงไม่มีใครแน่ที่จะเชื่อมัน

"เอาอย่างนี้สิ แกไปร้านที่ขายพวกกล้อง แล้วบอกเขาว่าอยากได้กล้อง ที่สำหรับเอาไว้แอบถ่าย แล้วแกก็เอากล้องไปซ่อนไว้ เวลาที่หมอมารักษาแก"

ผมเริ่มรู้สึกผิด ที่ให้คำแนะนำมันไปอย่างนั้น ถึงเรื่องที่มันเล่าจะดูบ้าๆ แต่ผมดันไปให้ข้อเสนอแนะกับเรื่องบ้าๆ นั่นเท่ากับไปส่งเสริมคนบ้า ให้บ้าเข้าไปอีก ถึงอย่างไรทองดีก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผม

"จริงด้วยเพื่อน ทำไมข้าไม่นึกเรื่องนี้มาก่อนเลย"

พอคุยกันมาถึงตรงนี้ เราสองคนเปลี่ยนเรื่องพูด สักพักก็เจอเพื่อนที่เราสองคนรู้จัก จึงตั้งวงคุยและดื่มกัน เวลาผ่านไปเราก็เจอเพื่อนอีก วงจึงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ทองดีไม่เอาเรื่องที่มันเล่าให้ผมฟังก่อนหน้านี้ เอากลับมาพูดให้คนอื่นๆฟังอีกเลย นั่นทำให้ผมลืมเรื่องที่ทองดีเล่าให้ผมฟัง ผมแทบไม่นึกหวนกลับไปคิดเรื่องนั้นอีกเลย จนกระทั่ง

อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ทองดีมาหาผมที่หอพัก เพื่ออยากขอคำปรึกษา ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่ามันจะปรึกษาเรื่องอะไร ประโยคแรกทองดีพูดว่า

"ข้ารู้แล้วว่าไอ้หมอนั่นกับเมียข้ามันรวมหัวกัน ให้ข้าฝันถึงเงิน พอเงินปรากฎขึ้นระหว่างที่ข้าฝัน 2 คนนั้นก็ออกไปข้างนอกกัน ถึงว่าพอถึงเช้าข้าก็ตื่นขึ้นมา ก็พบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าราคาแพงเยอะแยะไปหมด 2 คนนั่นคงเอาเงินในฝันของข้าไปซื้อของ"

ทองดีพูดจบก่อนจะยื่นกล้องวีดีโอ ที่มีหน้าจอแสดงภาพ มาให้ผมดู ผมเปิดเล่นภาพเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้น เริ่มจากทองดีเอากล้องไปซ่อน และหันกล้องไปยังเตียงนอน ทดสอบตำแหน่งมุมกล้อง จากนั้นภาพก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ทองดีบอกให้ผมค่อยๆเลื่อนวีดีโอไป จนกระทั่งทองดีเดินเข้ามานอนลงบนเตียง และมีชายคนหนึ่งเดินมา โดยมีเมียของทองดียืนข้างๆ ชายที่น่าจะเป็นหมอคนนั้นทำท่าทาง แกว่งนาฬิกาแขวนต่อหน้าของทองดี จากนั้นก็พูดว่า

"เจ้าเริ่มง่วงแล้ว แต่ก่อนนอนให้เจ้าดูรูปเหล่านี้ และจดจำมันไว้ให้ดี หลังจากที่นาฬิกาแกว่งผ่านหน้าเจ้า 30 ครั้ง เจ้าจะหลับยาวไปอีก 10 ชั่วโมง ตอนนี้เวลา 6 โมงเย็น เจ้าจะตื่นอีกทีตอนเมื่อเข็มสั้นของนาฬิกา ชี้ไปที่เลข 4"

นาฬิกาแกว่งไปมา ชายคนนั้นยื่นกระดาษแผ่นหนึ่ง จ่อหน้าของทองดี จากนั้นทองดีก็หลับไป ผ่านไปไม่นานผมเห็นปึกธนบัตร 1 พันบาทปึกใหญ่ปรากฎออกมาที่ข้างเตียง ผมตกใจ ! เมื่อเห็นธนบัตรโผล่ออกมา อย่างน่าพิสวงในจอ พลันนั่งคิดว่านี่คือมายากลหรือเปล่า แต่ดูยังไงก็ไม่น่าจะหลอกตาได้ เพราะทองดีตั้งมุมกล้องถ่ายวีดีโอได้อย่างชัดเจนจนยากที่จะหลอกตา จากนั้นเมียของทองดีก็หยิบเงินปึกใหญ่ขึ้นมา และทำท่าดีใจ หมอโรคจิตพร้อมเธอก็เดินออกไปจากห้อง ตอนนี้ก็มีแต่ทองดีที่นอนหลับไม่รู้ตัว

ผมเลื่อนวีดีโอไปเรื่อย จนเห็นเมียทองดีและหมอเดินกลับเข้ามา เวลาในวีดีโอตอนนี้ผ่านมาได้ 3 ชั่วโมงนับจากทองดีหลับไป เมียทองดีกลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ แหวนเพชรและสร้อยทอง หมอเดินมานั่งลงที่ข้างเตียง พร้อมหยิบสมุดบัญชีธนาคารขึ้นมาเปิดดู ที่ข้อมือซ้ายเขามีนาฬิกาข้อมือยี่ห้อแพงเรือนทองฝังเพชรประดับแพรวพราว เขาค่อยเปิดสมุดบัญชีและยิ้มที่มุมปาก สุดท้ายเมียของทองดีหยิบธนบัตร 1 พันออกมาจากกระเป๋า 2-3 ใบและทิ้งมันลงไปในถังขยะ อย่างไม่ใยดี

เรื่องแปลกที่ยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน ทองดีทำสีหน้าเศร้าออกมา

"ข้าเสียใจมากที่เมียข้า เอาข้าไปหาผลประโยชน์ โดยไปร่วมมือกับชายอื่น มันก็รู้ว่าหลังจากที่หมอมารักษาข้า ข้าก็เกิดอาการผิดปกติ และทรมานอย่างมาก แต่เมียข้าก็ยังพยายามจะพาหมอมารักษาข้าอยู่ ทั้งๆที่ปกติข้าก็ให้เมียถือเงินให้อยู่แล้ว แต่มันยังจะโลภมากอีก"

"เอาน่าๆ ยังไงซะก็เมียแกเอง ถือซะว่าซื้อของขวัญให้เธอ"

ผมพยายามจะปลอบใจทองดี

"นั่นก็แค้น แต่ที่แค้นยิ่งกว่าคือหมอกำมะลอนั่น มันมาตักตวงผลประโยชน์บนความทุกข์ทรมานของข้า ข้าแค้นยิ่งนักจนอยากจะเอาปืนไปยิงหัวมัน"

"บ้าไปแล้ว แล้วแกจะเอาปืนที่ไหนไปยิงหัวมัน เดี๋ยวก็ติดคุกหรอก"

"ก็ให้ข้าฝันถึงปืนไง แล้วแกช่วยเอาปืนไปยิงหัวมันที"

ผมคิดถึงเรื่องทองดีจะฝันถึงปืน ให้ปืนปรากฎออกมา ผมเลยเกิดความคิดได้

"นี่ทองดี ถ้าแก้แค้นสองคนนั่นจนติดคุกได้ แกจะยอมให้เมียแกติดคุกมั้ย ?"

"ข้ารักเมียข้ามาก แต่รักมากก็แค้นมากด้วย"

ทองดีตอบไม่ตรงคำถาม ว่าจะยอมหรือไม่ยอม แต่สิ่งที่มันพูดก็ชัดเจนแล้วว่ามันอยากแก้แค้น ผมถามทองดีว่า หมอจะมาสะกดจิตอีกทีเมื่อไหร่ ทองดีบอกคืนนี้ ผมจึงรีบบอกแผนการให้ทองดีฟัง จากนั้นผมก็ต่อสายโทรศัพท์ไปหาเพื่อน ที่อยู่ในตลาดมืด เพื่ออุปกรณ์ที่มาใช้ในแผนของผม เมื่อเพื่อนของผมเอา 'ของ' ที่ผมสั่งมาส่ง ผมก็ซักซ้อมขั้นตอนกับทองดีอย่างดี จากนั้นก็แยกย้ายไปทำตามแผน

ในคืนนั้นผมบอกให้ทองดีดื่มกาแฟ 3 แก้ว เพื่อให้ไม่หลับและให้แกล้งทำเป็นโดนสะกดจิต เมื่อถึงเวลาที่หมอทางประสาทแกว่งนาฬิกาแขวน ต่อหน้าทองดี ทองดีก็แกล้งเคลิ้มหลับตามที่หมอสั่ง แต่เมื่อทองดีไม่หลับฝันถึงเงิน เงินจึงไม่ปรากฎออกมา แต่ผมให้ทองดีแอบซ่อนวัตถุที่เหมือนปึกธนบัตร ที่ผมให้เพื่อนผมเอามาส่งให้ โดยทองดีแอบซ่อนมันลงในเสื้อคลุม และเมื่อทองดีแกล้งหลับและฝัน ทองดีก็ทำให้วัตถุที่ซ่อนในเสื้อ แกล้งให้มาปรากฎออกมาและทำมันตกลง ข้างๆเตียง จากนั้นเมียของทองดีก็หยิบปึกเงินขึ้นมา ทั้งสองคนก็เดินหนีหายออกจากห้องไปเหมือนทุกครั้ง

เมื่อทั้งสองคนออกไป ทองดีก็โทรศัพท์มาบอกผม ผมซึ่งรออยู่ใกล้ที่พักของทองดี ก็แอบตามเมียของทองดีและหมอที่ขับรถออกไป พวกเขาไปยังห้างสรรพสินค้า เมียของทองดีเดินตรงไปยังร้านขายเพชร และเธอก็ทำทีเป็นเลือกซื้อเพชร จากนั้นก็เลือกเอาชุดเพชรที่แพงที่สุดในร้านไปจ่ายเงินที่ แผนกจ่ายเงิน ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ พวกเขาทั้งสองก็เดินไปจับจ่ายซื้อของที่อื่นอีก 2-3 ชิ้น เมื่อเมียของทองดีซื้อของเสร็จ เป็นทีของหมอที่เดินตรงไปร้านขายอุปกรณ์กีฬา เขาเดินเลือกดูชุดกอล์ฟราคาแพง ก่อนจะตัดสินใจซื้อถุงกอล์ฟที่ราคาแพงที่สุดไป

เมื่อออกจากแผนกกีฬา ทั้งสองก็เดินเข้าไปยังธนาคารที่มีโลโก้ ตรงกับสมุดบัญชีที่ผมเคยเห็นจากกล้องวีดีโอ เมียของทองดีและหมอแยกย้ายกันไปเขียนใบฝากเงิน และระหว่างที่ทั้งสองกำลัง ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ธนาคาร ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นายก็เดินมายืนรออยู่หน้าธนาคาร

"สารวัตรครับ ผมมาตามคำสั่งแล้วครับ ไหนล่ะครับผู้ต้องสงสัยที่สายแจ้งเรามา ว่าจะมีนำธนบัตรปลอมมาใช้"

"ตามลักษณะรูปพรรณที่สายแจ้งมา น่าจะเป็นสองคนที่กำลังยืนอยู่น่าเคาท์เตอร์ จ่าเดินเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองออกมา แต่อย่าให้แตกตื่น"

ตำรวจหนึ่งนายจึงเดินเข้าไป และเดินกลับออกมาพร้อมกับเมียของทองดีและหมอ เมื่อทั้งสองออกมา ผมแสดงบัตรและแจ้งข้อหากับคนทั้งสอง

"ขอเชิญคุณทั้งสองไปให้การที่สถานีตำรวจครับ เราสงสัยว่าคุณทั้งสองอยู่ในขบวนการค้าธนบัตรปลอม"

เมียทองดีและหมอถึงกับหน้าซีด

"คงจะมีการเข้าใจผิดครับคุณตำรวจ"

"เราได้รับแจ้งจากทางธนาคาร ว่าธนบัตรที่คุณใช้เป็นธนบัตรปลอม เรามีหลักฐาน"

ทั้งสองคนถูกแจ้งความในข้อหา ใช้ธนบัตรปลอมทันที


ในวันต่อมา ผมเข้าไปหาทองดี ผมคิดว่าทองดีคงจะสบายใจแล้ว ที่สามารถแก้เผ็ดคนทั้งสองได้

"ข้าสงสารเมียของข้าว่ะ ถึงในใจจะแค้นเพียงใด แต่เยื่อใยที่เคยอยู่ด้วยกันมา 7 ปี ข้าก็ยังสงสารเธอ"

"งั้นแกก็เอาพวกสิ่งของที่เมียแกไปซื้อมา ไปขายเป็นของมือสองก็ได้นี่ เอาเงินส่วนหนึ่งไปประกันตัวเธอออกมา และเงินที่เหลือก็ให้เธอไปจ้างทนายไว้สู้คดี ส่วนหมอโรคประสาทคนนั้นก็แล้วแต่แกเลยละกัน

ทองดีทำตามที่ผมบอก เขาขายและรวบเงินได้หลายแสนบาท ทองดีนำเงินส่วนหนึ่งไปประกันตัวเมียของเขา และให้เงินส่วนหนึ่งกับเธอ และทองดีก็แยกทางกับเมียของเขาทันที

เมื่อจบเรื่องทุกอย่าง ผมถามทองดี

"แกสามารถทำเงินได้ จากความสามารถพิเศษของแกนะ ข้าสามารถนำเงิน ไปฝากเข้าบัญชีให้แกได้ ถ้าแกต้องการ"

"ไม่ล่ะ เพื่อน ขอบใจมาก เงินที่ได้มาจากการทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซักวันมันจะย้อนกับมาทร้ายเรา"

ผมได้ยินคำตอบ ก็ชอบใจในความฉลาดของทองดี ผมเดินออกจากบ้านของมัน และตั้งใจว่าจะเป็นเพื่อนกับมันจนวันตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นักโทษคนสุดท้าย

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมวลมนุษยชาติ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนสมัยก่อนนั้นดำเนินชีวิตอย่างไร เป้าหมายของชีวิตคืออะไร และเกิดมาเพื่ออะไร...