วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเหล้า ตอนเด็กเสิร์ฟ


                ฉิมพุ่งหัวมอเตอร์ไซค์เข้าช่องจอดรถหน้าร้านทันทีที่มาถึง เป็นวันนี้ที่เขามาช้ากว่าเวลาที่นัดหมาย เป็นเพราะมีการประชุมพนักงานก่อนเลิกงาน นั่นจึงทำให้ฉิมรีบขี่รถตรงมาจากโรงงานทันทีที่การประชุมเลิก โดยไม่มีการแวะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเหมือนทุก ๆ ครั้ง

                ใจหนึ่งฉิมก็กลัวโดนน้อง ๆ แซวว่าไม่รักษาเวลา แต่ทว่าเมื่อมองเข้าไปยังโต๊ะในร้านก็เห็นเหล่าน้อง ๆ นั่งกันอยู่ครบ แต่ละคนก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หันซ้ายแลขวาไปมาในร้าน ท่าทางทุกคนต่างอารมณ์ดีเหมือนมีอะไรบางสิ่งมาสร้างรอยยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งสาม ฉิมรีบเดินเข้าไปในร้านเพื่อหาคำตอบว่าสิ่ง ๆ นั้นคืออะไรกันแน่

                “อ้าวพี่ มาพอดีเลย นั่ง ๆ”

ยศทักรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้ม แต่ฉิมคิดว่ารอยยิ้มนั้นเป็นยิ้มที่ค้างมานานแล้วจากอะไรบางอย่าง

ฉิมรู้สึกคอแห้ง จึงรับแก้วเหล้าจากนัยที่ชงเตรียมไว้ให้มาดื่มหมดแก้ว ก่อนจะถามคำถามคาใจจากน้อง ๆ

“พวกเอ็งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรวะ ท่าทางอารมณ์ดีกัน มีใครถูกหวยหรือเปล่า” ฉิมถาม

ทุกคนส่ายหน้ายิ้ม ๆ

“เดี๋ยวพี่ก็รู้ วันนี้มีเด็กเสิร์ฟมาช่วยงานในร้าน” ยศพูด

ฉิมขมวดคิ้วแสดงความสงสัยในใจ เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่ามีเด็กเสิร์ฟมาทำงานในร้าน นั่นถึงกับทำให้น้อง ๆ ในโต๊ะถึงกับยิ้มแก้มปริกันเลยเหรอ ปกติพวกเขาชงเหล้ากันเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร อยากจะสั่งอาหารเครื่องดื่มก็ตะโกนสั่งกับลุงโฉมเลย ไม่ต้องนั่งรอใครเดินผ่านมาที่โต๊ะแล้วค่อยสั่ง แต่ยังไม่ทันที่ฉิมพยายามคิดค้นหาคำตอบจนตันในหัว เขาก็ถึงกับกระจ่างชัดในคำตอบ เมื่อเด็กเสิร์ฟคนนั้นยกจานลาบหมูมาวางบนโต๊ะ

เด็กเสิร์ฟสาววัยสดใสหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ดวงตากลมโตมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาจากผู้ที่สัมผัสเห็น จมูกเรียวงามบวกกับริมฝีปากบางช่วยดึงความน่าหลงใหลออกมาจากใบหน้ารูปไข่ สีผิวน้ำผึ้งเนียนละเอียดเมื่อต้องแสงไฟทำให้ดูโดดเด่นเมื่อจ้องมอง

เด็กสาวน่ารักคนนี้แต่งตัวตามแบบวัยรุ่นล้ำสมัยเกินไปกว่าที่บรรดาหนุ่ม ๆ ในโต๊ะที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้วจะเข้าใจได้ กางเกงยีนขาเดฟแนบเนื้อแน่นเปรี๊ยะที่ฉิมยังงงว่าสอดใส่ข้อเท้าให้พ้นช่วงปลายขากางเกงเข้าไปได้อย่างไรกัน ขากางเกงข้างซ้ายขาดที่หัวเข่า ขากางเกงข้างขวาก็ขาดโชว์ขาอ่อนเผยให้เห็นท่อนขาที่เรียวยาวล่อสายตาจากเสือและตระเข้ได้ เพื่อ?

เสื้อไหมพรมลายขวางขาวดำแขนยาวตัวหลวมโพรกดูปกปิดท่อนบนมิดชิด เพียงแต่ว่าผ้าในส่วนที่คลุมไหล่ทั้งสองข้างถูกตัดเฉือนไป ทำให้กลายเป็นเสื้อเปิดอกกว้าง รวมถึงเปิดไหล่ด้วย มีเพียงเส้นไหมพรมบาง ๆ สองสามเส้นช่วยรั้งตัวเสื้อไว้ไม่ให้หลุดลุ่ยลงมาให้เห็นหน้าอก ฉิมไม่มั่นใจว่าเส้นไหมพรมบาง ๆ นั่นจะทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์หรือเปล่า เขาเกรงว่าหากเกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้นจริง ชายหนุ่มแฟมมิลี่แมนอย่างเขาอาจจะใจแตกตอนแก่ได้ ฉิมกังวลในข้อนี้

ด้วยอดีตที่เคยเป็นถึงเสือฉิมมาก่อนในช่วงวัยรุ่น เขาก็โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มามากมายเหมือนกัน แต่เมื่อแต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว ลายเสือที่เขาเคยภาคภูมิใจจึงถูกถอดเก็บไว้ไม่เคยนำกลับมาใช้อีกเลย เพียงแต่วันนี้อดีตวัยรุ่นอยากจะลองปัดฝุ่นมันดูสักครั้ง

“น้องเพิ่งมาทำงานที่นี่หรือครับ” ฉิมพยายามดัดเสียงให้ดูภูมิฐานมากที่สุด

จากแววตาที่ใส ๆ ซื่อ ๆ ของเด็กสาว ที่ต้องการแค่นำจานอาหารมาวางและเดินกลับออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อเธอถูกทำให้ต้องมาพัวพันกับวงเหล้าที่เธอไม่อยากข้องแวะ เด็กสาวถมึงตามองหน้าฉิมเหมือนกับทั้งคู่เคยโกรธแค้นกันมาหลายร้อยปี แต่ยังดีที่เธอลดดีกรีของอารมณ์ลงมาเหลือแค่ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ไร้ความรู้สึก

“ค่ะ” เด็กเสิร์ฟพูดเสร็จก็เดินจากไป

ทุกคนบนโต๊ะนอกจากฉิมหัวเราะคิกคักชอบใจกัน มีแต่ฉิมที่ทำหน้างุนงง

“เล่นกับใครไม่เล่น” เต้พูดทั้ง ๆ ที่ยังหัวเราะ

“แล้วน้องเขาเป็นใครวะ” ฉิมถาม

“ไม่รู้เหมือนกันพี่ แต่เมื่อกี๊นะ มีโต๊ะข้างในโดนน้องเขาด่าหนีกลับบ้านไปทั้งโต๊ะเลย พวกวัยรุ่นหัวเกรียนคงพยายามจะจีบน้องเค้าน่ะ” นัยเล่า

“จริงเหรอ แล้วลุงโฉมแกไม่ว่าอะไรเหรอ” ฉิมถามต่อ

“ลุงแกออกไปนอกร้านพอดี เลยไม่ทันเห็น พอแกกลับมาลูกค้าโต๊ะนั้นก็เช็คบิลไปแล้ว” นัยตอบ

“พวกหัวเกรียน เด็กนักเรียนเหรอ คงยังไม่ค่อยประสาเรื่องจีบหญิง เอาเวลาไปท่องตำราเรียนดีกว่าไอ่น้องเอ๋ย” ฉิมพูดสบประหม่าคนรุ่นหลัง

“พี่จะทำอะไร อย่าบอกนะว่า...” ยศพูด

“ข้าจะโชว์ฝีมือซะหน่อย” ฉิมแสดงความมั่นใจ

ยศ เต้และนัยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะคิกชอบใจ เหมือนทั้ง 3 กำลังจะรอดูโชว์จากผู้ชำนาญการ

ฉิมกวาดสายตามองทั่วร้านเพื่อมองหาเด็กเสิร์ฟสาวสวย เธอคนนั้นกำลังบริการลูกค้าในแต่ละโต๊ะ ท่าทางที่ดูไม่อ่อนน้อมกระโชกโฮกฮากของเธอทำให้ลูกค้าในแต่ละโต๊ะล้วนนั่งตัวเกร็ง เมื่อเด็กเสิร์ฟหน้าบึ้งเดินเข้าไป บางโต๊ะที่กำลังคุยกันสนุกสานเพลิดเพลินต้องหยุดเบรกการสนทนาชั่วคราวเมื่อน้องเดินเข้าหา บางทีคนเหล่านั้นอาจจะกลัวเกรงว่าจะทำให้เด็กเสิร์ฟสาวอารมณ์เสียแล้วพาลโดนด่า เพราะเห็นตัวอย่างมาแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะความสวยสาวสะกดสายตาของเหล่าบรรดาหนุ่มในโต๊ะให้หยุดนิ่ง

ฉิมชอบใจเหลือเกินจากความดิบห่ามที่เธอแสดงออกมา และเมื่อเด็กสาวเดินผ่านโต๊ะของพวกเขา ฉิมรีบพูด

“น้องครับ พี่ขอยำปลาดุกฟู ข้าวเกรียบกุ้งน้ำพริกเผา ต้มยำทะเล และขอเหล้า 100 Pipers ขวดนึง” ฉิมสั่ง

เด็กเสิร์ฟสาวหันมารับคำสั่ง เธอตอบรับสั้น ๆ ก่อนเดินไปจดออเดอร์นั้นลงกระดาษและส่งให้เจ้าของร้านที่อยู่ในครัว

“เฮ้ย... วันนี้เล่นเหล้าฝรั่งเลยเหรอพี่” เต้พูดถึงเหล้าฝรั่งยี่ห้อเดียวที่ลุงโฉมเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่มีระดับขึ้นมาหน่อย

“พวกเอ็งไม่รู้อะไร จุดเริ่มต้นของการจีบสาวคือการสร้างความประทับใจ เราสั่งของแพงก็เหมือนกับให้ความสำคัญกับคนที่เราสั่ง” ฉิมพูดอย่างมีหลักการ

“อ๋อ... เป็นแบบนี้นี่เอง” เต้แสดงน้ำเสียงและท่าทางยอมรับแนวคิดนี้ “มิน่าล่ะพวกลานเบียร์และร้านเหล้าถึงต้องจ้างสาวเชียร์เบียร์ เพื่อให้เรียกเงินออกมาจากกระเป๋าลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะพวกหัวงูทั้งหลาย”

เต้พูดจบก็มีเสียงหัวเราะจากทุกคนบนโต๊ะ ยกเว้นฉิม

ฉิมทำหน้าเสีย “อันนั้นมันก็เรื่องของเค้า แต่แผนนี้ของข้าจีบหญิงติดมาหลายคนแล้ว” ฉิมพูดทำให้ทั้งสามบนโต๊ะหัวเราะชอบใจยิ่งขึ้น

เด็กสาวเดินเข้ามาพร้อมนำขวดเหล้าฝรั่งขวดกลมมาวางบนโต๊ะ เธอยังจัดแจงเปลี่ยนขวดโซดาขวดใหม่มาวางแทนขวดเก่าที่หมดไปนานแล้ว และถังน้ำแข็งที่หมดเหมือนกันก็ถูกเปลี่ยนเป็นถังที่มีน้ำแข็งอยู่ในนั้น เธอยังประหยัดคำพูด ไม่พูดจาใด ๆ โดยไม่จำเป็นเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก ฉิมสังเกตเห็นตรงนี้

“น้องยังเรียนอยู่หรือเปล่าครับ ขยันจังออกมาหางานทำพิเศษ” ฉิมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แล้วจากนั้นเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อน้องเด็กเสิร์ฟหันมามองหน้า

“ไม่ได้เรียนแล้วค่ะ เพิ่งโดนโรงเรียนไล่ออกมา”

เธอพูดเสร็จก็เตรียมจะเดินจากไป แต่ลุงโฉมเดินออกมาจากครัวผ่านโต๊ะที่เพิ่งสั่งเหล้าฝรั่งพอดี เขาจึงรีบพูด

“อ้าว... ชงเหล้าให้พวกพี่เขาด้วยสิ เข้าไปเอาแก้วใหม่มาเปลี่ยนให้พี่เขาด้วย” ลุงโฉมออกคำสั่ง

เด็กเสิร์ฟสาวก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งทันทีโดยเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเอาแก้วชุดใหม่มา

“ร้อยวันพันปีกินแต่แสงโสม แต่วันนี้พอมีเด็กเสิร์ฟสาวมา เปลี่ยนมากินเหล้าฝรั่งเลยนะ สงสัยยอดขายวันนี้จะพุ่ง” ลุงโฉมพูดเสร็จก็หัวเราะชอบใจ

มีแต่ฉิมที่ยิ้มแหะ ๆ นอกนั้นบนโต๊ะกลับหัวเราะชอบใจตามลุงโฉมไปด้วย แต่เหตุผลของทั้งสามที่หัวเราะคือกลัวว่ายอดขายในร้านจะลดฮวบลงสิ เพราะบางทีลูกค้าอาจจะโดนเด็กเสิร์ฟไล่ตะเพิดออกจากร้านไปเสียก่อน

ลุงโฉมยกจานกลับแกล้มที่ฉิมสั่งมาวาง และยืนดูเด็กเสิร์ฟสาวชงเหล้าครบทั้งสี่แก้ว ก่อนเธอจะเดินออกไปทำงานตรงจุดอื่นต่อ

“ลุงไปหาเด็กที่ไหนมาครับ ดูท่าทางคล่องแคล่วและเป็นงานดีนะครับ” เต้ถามลุงโฉม เขายังชื่นชมถึงการเอาการเอางานของเด็กเสิร์ฟที่ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เขาไม่พูดถึงเรื่องที่เด็กเสิร์ฟเพิ่งจะไล่ลูกค้าออกไปให้ลุงโฉมฟัง

“เด็กคนนี้ชื่อพลอย เห็นพ่อมันบอกว่าเพิ่งโดนโรงเรียนไล่ออกมา พ่อมันเลยเอามาฝากทำงานที่ร้านลุงช่วงสั้น ๆ นี่ก็เพิ่งมาทำวันแรก เป็นยังไงบ้างล่ะ ทำงานโอเคมั้ย” ลุงโฉมพูด

“อ่อ... ดี ๆ ครับ” เต้พูด

ลุงโฉมรีบเดินเข้าครัวไปเพื่อทำออเดอร์ที่ลูกค้าเพิ่งจะสั่งมา

“ท่าทางจะร้ายนะเนี่ย โดนไล่ออกจากโรงเรียน พี่ยังจะจีบต่ออีกมั้ย” ยศถาม

ฉิมกลัวเสียฟอร์มที่จะล้มเลิกอะไรง่าย ๆ “จีบจริง ๆ จัง ๆ คงไม่ แต่ข้าจะทำให้น้องหันมาสนใจในตัวข้าให้ได้”

“ทำไงพี่” ยศทำเสียงลุ้น

“เดี๋ยวคอยดู” ฉิมทำเสียงมั่นใจ แต่ความจริงแล้วเขายังไม่มั่นใจว่าจะทำยังไง

 

พลอยเดินผ่านโต๊ะของสมาคมสุรา พลางตรวจเช็คขวดน้ำเปล่า ขวดโซดาและถังน้ำแข็งว่ามีอะไรต้องเปลี่ยนหรือไม่ และในจังหวะที่เธอเผลอ มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นทำให้เด็กเสิร์ฟสาวตกใจเล็กน้อย

แช๊ะ!

เสียงจากสมาร์ทโฟนในมือฉิมที่ตั้งท่าถ่ายรูปนี่เอง เมื่อเขาได้ภาพที่ต้องการแล้ว เขาก็พูดต่อ

“พี่ขอเก็บรูปน้องไว้ตั้งเป็นวอลล์เปเปอร์ในโทรศัพท์ได้มั้ยครับ รูปน้องน่ารักดี น่ารักมากกว่าดาราทุกคนที่พี่เคยเห็นเสียอีก” ฉิมทำหน้าสุภาพพร้อมน้ำเสียงที่ดูจริงใจ

ยศ เต้และนัยต่างตกตะลึงและคิดไม่ถึงมุขจีบหญิงของฉิม ใจหนึ่งก็อึ้งกับความคิดอันชาญฉลาดของลูกพี่ แต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นเกรงว่าบางทีผู้ที่ถูกแอบถ่ายอาจจะไม่พอใจแล้วพาลอาละวาดขึ้นมา

แต่เมื่อทั้งหมดเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของพลอยทำให้ทุกคนต่างโล่งใจ เธอไม่ได้พูดหรือทำท่าหลงใหลไปกับการเยินยอนั้น เธอเดินไปที่โต๊ะอื่นต่อ

“สุดยอดเลยพี่ คิดได้ยังไงเนี่ยมุขนี้ ผมขอคาราวะหนึ่งจอก” นัยจัดแจงชงเหล้าให้พี่ ๆ แล้วทุกคนก็ดื่ม

“ผมขอซื้อ ๆ เหล้ากลมนึงนะสำหรับมุขนี้ จะลองเอาไปใช้จีบสาวดูบ้าง” ยศพูดด้วยความตื่นเต้น

“ไม่น่าเชื่อว่าพี่จะเรียกรอยยิ้มของน้องเขาออกมาได้ เป็นภาพที่พวกผมไม่คิดว่าจะได้เห็น แม้จะเป็นแค่รอยยิ้มเล็ก ๆ” เต้พูด

“เดี๋ยวพี่จะสอนสุดยอดวิชาการเช็คเรทติ้งให้น้อง ๆ หากเราอยากรู้ว่าสาว ๆ ที่เราแอบเล็งไว้เขาสนใจเราหรือเปล่า ให้ทำแบบนี้”

“ทำยังไงพี่” ยศแสดงความสนใจ

“เดี๋ยวเราแกล้งสั่งอะไรซักอย่างแล้วให้น้องเขามาเสิร์ฟที่โต๊ะ จังหวะหลังจากที่เราสั่ง ข้าจะแกล้งเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก แล้วพวกเอ็งสังเกตดูดี ๆ นะว่าน้องเขาหันไปมองหาข้าหรือเปล่า ถ้าน้องเขาหันไปมองหาว่าข้าอยู่ไหนก็แสดงว่าน้องเขาสนใจในตัวข้าอยู่ อาจจะคิดว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครนะ แต่ถ้าน้องเขาไม่สนใจเลยว่าข้าหายไปไหน แสดงว่าน้องเขาไม่ได้คิดอะไร นั่นจะทำให้เรารู้ว่าจะเดินเกมต่อไปยังไง” ฉิมอธิบายแผนการ

“ล้ำเลิศมาก พี่นี่ตัวพ่อจริง ๆ” หนุ่มเพลย์บอยอย่างยศยอมรับในตัวหนุ่มเพลย์บอยรุ่นพี่อย่างฉิม

“เอาล่ะนะ” ฉิมพูด

เต้ได้ยินคำพูดนั้นของฉิม และเขาเห็นพลอยเดินผ่านพอดีจึงรีบเรียก

“น้องครับ พี่ขอโซดาขวดนึง” เมื่อเห็นพลอยเดินออกไปแล้ว เต้รีบพูด “ออกไปเลยพี่”

ฉิมเดินออกมาจากโต๊ะไปยังหน้าร้านที่ไม่ห่างจากโต๊ะมากนัก เขาจงใจที่จะอยู่ในรัศมีการมองเห็นจากโต๊ะ

ไม่นานพลอยก็นำขวดโซดาที่เปิดแล้วมาวางบนโต๊ะ เธอเหลือบมองไปยังเก้าอี้ตัวที่ฉิมเคยนั่ง จากนั้นก็ชะเง้อมองหาเจ้าของเก้าอี้ว่าไปไหนนะ เมื่อเห็นฉิมคุยโทรศัพท์เธอยังจ้องมองทำสีหน้าสงสัย จากนั้นก็เดินออกไป

ฉิมเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะ เมื่อเห็นว่าพลอยเดินออกไปแล้ว

“เป็นไงบ้างวะ” ฉิมถาม

“เป็นอย่างที่พี่ว่าจริงๆ ดูท่าทางน้องเขาจะสนใจพี่ มีการแอบมองด้วยนะว่าพี่หายไปไหน พอเห็นพี่คุยโทรศัพท์ก็จ้องมองตาไม่กระพริบ”

เต้พูดในสิ่งที่เขาเห็น แม้เขาคิดว่าบางทีการที่พลอยมองหาลูกค้าที่หายจากโต๊ะ เธออาจจะไม่ได้สนใจในตัวลูกค้าอย่างที่ฉิมคิดหรอก เธอแค่สงสัยลูกค้าหายไปไหนจึงมองหาตามสัญชาตญาณ แต่เต้ก็พูดเออออไปกับฉิม เพื่อเอาใจลูกพี่

“เอายังไงต่อพี่คราวนี้” ยศถาม

“เมื่อเรารู้ว่าหญิงมีใจให้ ต่อไปเราก็ต้องทำให้เธอรู้ว่าเราก็ชอบเธอเหมือนกัน” ฉิมพูด

 “มันจะดีหรือพี่ ถึงยังไงพี่ก็จีบน้องเขาไปตลอดไม่ได้หรอก พี่มีลูกมีเมียแล้วนะ” เต้พยายามปราม ยศและนัยเห็นด้วย

“อืม... ข้าแค่อยากให้น้องมาคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าแค่นั้นแหละ บอกแล้วไงว่าไม่ได้จะจีบเป็นแฟนอะไร” ฉิมพูด

ทุกคนบนโต๊ะเห็นด้วยกับที่ฉิมพูด แม้จะเป็นที่เข้าใจกันได้ว่า ร้านเหล้าเล็ก ๆ นี่ที่ราคาค่าอาหารเครื่องดื่มไม่แพง ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องบริการตัวเองในโต๊ะอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีเพียงลุงโฉมคนเดียวที่ต้องวิ่งวุ่นทั้งทำอาหาร คอยเสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้า การมีเด็กเสิร์ฟเพิ่มมาอีกคนในร้านก็แค่เพียงแบ่งเบาภาระในเรื่องการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น เด็กเสิร์ฟคงไม่จำเป็นที่จะต้องคอยชงเหล้าให้กับลูกค้าทุกคนในร้าน

แต่สิ่งที่ฉิมพูดนั้นคือการคาดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนเป็นน้ำใจนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เขาอยากได้รับจากสาวเสิร์ฟแสนสวยคนนี้

“น้องชื่ออะไรครับ เพิ่งมาทำงานที่นี่วันแรกเหรอ” ฉิมพูดเมื่อมีโอกาส เขาถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว และเขาก็รู้ว่าพลอยยังไม่รู้ว่าเขารู้คำตอบ

พลอยเดินผ่านโต๊ะพอดี เธอเห็นมามองหน้าฉิมด้วยแววตาไม่สบอารมณ์

“เอ่อ... คือพี่มาที่นี่ทุก ๆ วันศุกร์ แค่อยากจะทำความรู้จักแค่นั้นเอง” ฉิมพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเกรงกลัว เหล่าสมาชิกอีกสามคนแทบจะเบี่ยงหน้าหนี

“จะถามอะไรกันนักกันหนาวะ ถามกันอยู่ได้ทุกโต๊ะ” พลอยโวยวายเสียงดัง! เหมือนเธอสติแตก

ลุงโฉมรีบวิ่งออกมาจากครัวเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ

“ลุงโฉมหนูไม่ไหวแล้วนะคะ ทำไมทุกโต๊ะต้องมารุมถามคำถามงี่เง่านี้ด้วย ก่อนหน้านี้ก็มีพวกคนพยายามจะลวนลามหนูในร้าน หนูไล่ด่าจนมันจนออกจากร้านไป โต๊ะอื่น ๆ ก็พยายามจะแทะโลมหนู หนูเป็นเด็กเสิร์ฟนะไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งค์ หนูไม่ทำแล้ว”

พลอยรีบฟ้องทันทีเมื่อลุงโฉมมายืนต่อหน้า เหมือนเธอจะหมดความอดทนอดกลั้นกลับสิ่งที่เธอไม่ชอบนี้แล้ว โดยไม่รอคำตอบใด ๆ จากลุงโฉม เธอรีบพูด

“หนูขอโทษค่ะลุงโฉม” พลอยยกมือไหว้ลุงโฉมและวิ่งออกจากร้านไป เธอสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และรีบบึ่งมันออกไปทันทีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ฉิมรีบลุกมายืนต่อหน้าลุงโฉมและรีบพูด “ผมไม่ได้ทำอะไรน้องเขานะ ผมแค่ถามชื่อน้องเขาแค่นั้น” ฉิมรีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกัน

“ลุงรู้ ๆ ลุงรู้ว่าพวกเอ็งเป็นคนยังไง เด็กพวกนี้มีความอดทนต่ำ เอะอะอะไรก็ทนไม่ได้” ลุงโฉมพูด

“ไปว่าเด็กมันไม่ได้หรอกครับ เท่าที่ฟังจากน้องเมื่อกี๊ เห็นน้องว่าโดนลวนลามมาด้วยและยังโดนหลาย ๆ โต๊ะรุมจีบ บางทีน้องอาจจะอับอายที่ถูกทำแบบนั้น” ยศรีบพูดแก้ตัวให้พลอย

ฉิมทำสีหน้าไม่ดี เหมือนรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง ยศสังเกตเห็นจึงรีบพูด

“คือตอนที่พี่ยังไม่มา ตอนนั้นมีลูกค้าเต็มร้านแล้ว พอพวกผมนั่งที่โต๊ะก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของน้อง เสียงมาจากโต๊ะที่มีพวกเด็กวัยรุ่นหัวเกรียน ซึ่งอาจจะเป็นพวกเด็กนักเรียนอย่างที่พี่ว่า ไม่แน่นะพวกนั้นอาจจะคิดว่าน้องเขาเป็นเหมือนเด็กดริ๊งค์ทั่วไป จึงพยายามจะจับไม้จับมือหรือไปกอดตัวน้อง แต่ว่าน้องเขาไม่พอใจก็เลยตะหวาดใส่” ยศพูด

“ใช่พี่ ตอนนั้นลุงโฉมออกไปข้างนอกพอดี” เต้เสริมพร้อมมองไปทางลุงโฉม “หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นโต๊ะไหนพูดแทะโลมน้องเลยนะคงจะเกรงใจหลังจากที่น้องไล่โต๊ะชุดนั้นออกไป แต่ก่อนหน้านั้นน้องอาจจะโดนโต๊ะอื่น ๆ รุมจีบบ้าง”

“เราควรจะให้เกียรติคนที่ทำงานบริการ ต้องทำให้เขารู้สึกมีศักดิ์ศรีในการทำงาน” ฉิมพูดดูมีสาระเหมือนจะกลบเกลื่อนสิ่งที่เขาทำ

ลุงโฉมส่ายหน้าระอากับสิ่งที่เกิดขึ้น “พ่อมันบอกว่าพลอยไล่เตะเพื่อนผู้ชายในห้องจนต้องเข้าโรงบาล เห็นว่าเด็กผู้ชายคนนั้นพยายามมาตื๊อพลอย พอดีว่าบ้านพลอยเป็นค่ายมวยน่ะ พ่อมันเลยสอนเตะมวยตั้งแต่ยังเด็ก ๆ”

เมื่อทั้งสี่รู้ว่าพลอยเป็นมวย พวกเขาหันมามองหน้ากันไปมาเหมือนกับว่ารู้สึกโชคดีที่ยังไม่โดนเตะปากแตก

“ยังไงลุงก็ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องนี้” ลุงโฉมพูดจบก็เดินเข้าครัวไป

“ทำไมพวกเอ็งไม่เตือนข้าวะ” ฉิมโวยวายเบา ๆ ใส่รุ่นน้อง

“ผมก็บอกพี่แล้ว ก็บอกเท่าที่พวกผมรู้ ผมเห็นพี่ออกจะสุภาพ บางทีน้องเขาอาจจะชอบพี่ก็ได้นะ” เต้รีบพูดแก้ตัว

ฉิมมองไปที่ขวดเหล้า 100 Pipers ที่ลดระดับลงมาเกือบครึ่งขวดแล้ว

“มา ๆ มาช่วยกันดื่มให้หมด” ฉิมพูด

ทุกคนยกแก้วเหล้าที่มีน้ำอยู่เต็มแก้วในนั้นรินใส่ปากทีเดียวหมด

“แต่สิ่งที่พี่พูดนั่นดูหล่อเลยนะพี่ เราต้องให้เกียรติผู้อื่น และต้องให้เขารู้สึกมีศักดิ์ศรีด้วย” นัยกล่าวชื่นชมลูกพี่

ยศและเต้เห็นด้วย จากนั้นทั้งหมดก็พูดคุยเฮฮาตามประสาวงเหล้า และลืมเลือนเกี่ยวกับเรื่องสาวพลอยไปในที่สุด

 

ในขณะที่ทุกคนดื่มเหล้าเคล้าเสียงหัวเราะกันนั้น ทุกคนในโต๊ะต่างตกใจที่พลอยเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในร้านและหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะที่พวกเขานั่ง

“หนูขอโทษนะคะที่ทำเสียมารยาทกับพวกพี่” พลอยยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะนั้น “ความจริงหนูรู้อยู่แล้วว่าพวกพี่ล้วนเป็นคนสุภาพ ต่างจากคนอื่น ๆ” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

ทุกคนหันมามองหน้ากันไปมา

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับน้อง พี่ก็เป็นห่วงว่าน้องจะรู้สึกไม่ดี” ฉิมพูด

คำพูดของฉิมทำให้พลอยยิ้มออกมาอย่างเต็มใจ เป็นครั้งแรกที่บรรดาหนุ่ม ๆ เห็นรอยยิ้มที่สดใสนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย

“งั้นเดี๋ยวหนูจะชงเหล้าให้พวกพี่นะคะ”

พลอยจัดแจงชงเหล้าในแก้วของฉิม เธอยังจัดการให้กับทุกคน จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบขวดโซดาเพิ่ม

“ทฤษฎีของพี่ถูกต้องจริง ๆ พี่ทำให้น้องเขามายอมรับในตัวพี่ได้” ยศชม

“สุดยอดพี่” เต้และนัยร่วมชมด้วย

ฉิมยอมรับคำชมนั้นไปด้วยความยินดี แม้เขาเองจะไม่มั่นใจในสิ่งนั้น

พลอยเดินกลับมา เธอวางขวดโซดาลงที่โต๊ะและเดินมาข้าง ๆ ฉิม

“นี่สำหรับพี่ค่ะ” พลอยหยิบผ้าเย็นออกมาจากกระเป๋า เธอแกะห่อผ้าสีขาวออกมาจากถุงพลาสติก “ขออนุญาตนะคะ”

พลอยบรรจงลูบไล้แผ่นผ้านั้นที่แก้มและลำคอของฉิม จากนั้นก็หยิบมือของฉิมขึ้นมาและใช้ผ้าเย็นเช็ดไปที่แขน

“หนูเคยเรียนนวดมานิดหน่อย” พลอยพูดเสร็จก็ค่อย ๆ ใช้มือบีบไปที่ไหล่ของฉิมทั้งสองข้าง และยังกดจุดที่แผ่นหลังเบา ๆ นั่นสร้างความเพลิดเพลินและพอใจให้กับฉิมยิ่งนัก

“นั่งดื่มตามสบายนะคะ” พลอยพูดเสร็จก็ไปชงเหล้าโต๊ะอื่นต่อ

เมื่อเต้เห็นพลอยเดินออกไป เขารีบหันมาพูดกับฉิม

“น้องเขาอาจจะชอบพี่จริง ๆ ก็ได้ แหม... มาบริการพี่คนเดียวโดยเฉพาะเลย” เต้พูด

“ความหล่อและคารมของพี่อาจจะทำให้น้องเขาใจแตก” ยศพูด

“เฮ้ย...” ฉิมลากเสียงยาว “น้องแค่อาจจะรู้สึกผิด เลยมาทำดีกับข้าเพื่อลบล้างความผิดก็ได้”

“ถ้าแค่สำนึกผิด ก็แค่พูดขอโทษคำเดียวก็พอ ไม่เห็นจะต้องมาปรนนิบัติกันถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้” นัยพูด

“ช่าย...” ยศและเต้เห็นด้วยกับนัย

ทั้งสามพยายามตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติ แต่ความจริงแล้วพวกเขาต่างอิจฉาฉิม

พลอยเดินโฉบเฉี่ยวเข้ามาที่ฉิม “เมื่อกี๊เห็นว่าพี่จะมาทุกวันศุกร์ใช่มั้ยคะ พอดีเลย หนูมาทำงานที่ร้านวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์พอดี เราคงจะได้เจอกันทุกวันศุกร์นะคะ” เธอพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในครัว

แม้สิ่งที่ปรากฏมานี้จะเป็นสิ่งที่ฉิมแอบคาดหวังมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อมันเป็นไปตามนั้นจริง ๆ กลับทำให้เขารู้สึกประหม่าและดูอึดอัด เขาพยายามทำสีหน้าเริงร่ากับความน่าอภิรมย์นี้

“พี่เล่นของอะไรหรือเปล่า พวกคุณไสยอะไรอย่างนี้น่ะ” นัยสันนิษฐาน “เอามาให้ผมยืมมั่ง”

“ของเขิงอะไร พี่ไม่มี” ฉิมบอกปัด

“โธ่... ระดับเสือฉิมแล้ว ไม่ต้องใช้ของหรอก หน้าตาและคารมล้วน ๆ” เต้พูด

“อื้ม...” ฉิมทำเสียงแสดงความเชื่อมั่น

พลอยเดินมาหาฉิมอีกครั้ง

“พี่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่กันเร็ว”

พลอยพูดพร้อมแนบหน้ามาใกล้แก้มของฉิม ฉิมใจสั่นรีบหยิบมือถือออกมาตั้งท่าถ่าย

แชะ!

พลอยยิ้มหวานยั่วยวนให้ฉิมก่อนเดินออกไป เมื่อทั้งหมดเห็นเธอเดินหายไปหลังร้านจึงโห่ร้อง

“เฮ้...” เสียงจากทั้งสามแสดงความยินดีกับพี่ชายที่เป็นที่สนใจ

ฉิมเริ่มมีอาการเก้อเขินแล้ว ในใจฉิมคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล เขารู้สึกแปลกใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้ม

“ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะพี่ พี่มีลูกเมียแล้วจะไปจีบน้องไม่ได้นะ” เต้พูด คนอื่น ๆ ทำท่าเห็นด้วย

“ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่พูดแซวสองสามประโยค” ฉิมพูด “ไม่เป็นไร ข้าจะบอกให้น้องเข้าใจเอง”

ทุกคนบนโต๊ะยอมรับในตัวพี่ชาย

 

ทั้งหมดพูดคุยสนุกสนานดื่มกินกัน พลอยไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกแล้ว ไม่มีใครสนใจหรือพูดถึงเธอ สักพักฉิมเริ่มเอะใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ทันใดนั้น!

“ลุงโฉม ๆ” เสียงชายหนุ่มมาตะโกนหน้าร้าน ฉิมหันไปมอง เขาจำได้ว่าเป็นลูกค้าที่มานั่งกินในร้านแล้วออกไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

“มีอะไร” ลุงโฉมรีบวิ่งมาหน้าร้านทันที

“เด็กร้านลุงรถคว่ำหน้าปากซอย อาการเป็นยังไงไม่รู้” ชายหนุ่มหน้าร้านบอก

“หา!

ลุงโฉมตกใจสุดขีด แต่โต๊ะของฉิมก็ตกใจไม่แพ้กัน เขาคิดว่าพลอยเดินมาที่โต๊ะเขาล่าสุดก็ประมาณ 10 นาทีที่ผ่านมา บางทีเธออาจจะขี่รถออกไปทันทีในตอนนั้น

“แล้วตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน” ลุงโฉมถาม

“กู้ภัยพาส่งโรงบาลแล้ว” คนถูกถามตอบ

“ทำไมเร็วจังวะ รถคว่ำนานหรือยัง”  คนถาม ๆ ต่อ

“ก็ตั้งแต่น้องเขาโวยวายอะไรไม่รู้ แล้วก็ขี่รถออกไปเลย คงซักครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง กู้ภัยพาไปส่งโรงบาลแยกถัดไปจากปากซอยนี้เองน่ะลุง ผมไปก่อนนะ มาส่งข่าวแค่นี้” พูดเสร็จ ชายหนุ่มที่มาส่งข่าวก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป

ลุงโฉมรีบโทรศัพท์หาญาติของพลอยทันที ฉิม ยศ เต้ละนัยหันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง

“แล้วคนที่มาขอโทษพี่เป็นใครล่ะ” ยศถาม

ฉิมพยายามนึกถึงน้ำเสียงหวาน ๆ นั้นที่ผ่านรูหูเขา เขามั่นใจว่านั่นคือสาวสวยที่ชื่อพลอย

“ผ้าเย็นพี่ ใครกันที่เอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้พี่” เต้ถาม

ฉิมเหลือบไปมองผ้าเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะ มันยังวางอยู่ตรงนั้น

“นั่นสิ แล้วใครล่ะมานวดหลังให้พี่” นัยถาม

ฉิมจำสัมผัสจากมือนุ่มนั่นได้ เขาเริ่มสับสนไปหมดแล้วว่าจะมีใครมาเล่นตลกกับเขาหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นการหยอกของสาวพลอยเองที่ต้องการแกล้งลูกค้า หรือจะเป็นลุงโฉมที่อยากจะเซอร์ไพรส์เขาในฐานะที่เป็นลูกค้ามายาวนาน หรือว่าบางทีอาจจะเป็นเพื่อน ๆ รุ่นน้องของเขาเองที่จงใจแกล้งเขา โดยมีการเตี๊ยมกันตั้งแต่พลอย ลุงโฉม และคนมาบอกข่าว

ฉิมนึกขึ้นได้ถึงเรื่อง ๆ หนึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่ถ่ายร่วมกันกับพลอย ฉิมสะดุ้งแทบจะตกเก้าอี้! เขาเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกลงกับพื้นก่อนวิ่งหนีหายออกนอกร้านทันที

ยศ เต้และนัยหยิบโทรศัพท์ของฉิมขึ้นมาดู ในนั้นปรากฏรูปฉิมตอนที่ถ่ายรูปเซลฟี่เคียงข้างกับใครบางคนอยู่ แต่ข้าง ๆ ฉิมกลับว่างเปล่าไร้เงาผู้ใด