ฉิมพุ่งหัวมอเตอร์ไซค์เข้าช่องจอดรถหน้าร้านทันทีที่มาถึง
เป็นวันนี้ที่เขามาช้ากว่าเวลาที่นัดหมาย เป็นเพราะมีการประชุมพนักงานก่อนเลิกงาน นั่นจึงทำให้ฉิมรีบขี่รถตรงมาจากโรงงานทันทีที่การประชุมเลิก
โดยไม่มีการแวะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเหมือนทุก ๆ ครั้ง
ใจหนึ่งฉิมก็กลัวโดนน้อง
ๆ แซวว่าไม่รักษาเวลา แต่ทว่าเมื่อมองเข้าไปยังโต๊ะในร้านก็เห็นเหล่าน้อง ๆ
นั่งกันอยู่ครบ แต่ละคนก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หันซ้ายแลขวาไปมาในร้าน
ท่าทางทุกคนต่างอารมณ์ดีเหมือนมีอะไรบางสิ่งมาสร้างรอยยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งสาม
ฉิมรีบเดินเข้าไปในร้านเพื่อหาคำตอบว่าสิ่ง ๆ นั้นคืออะไรกันแน่
“อ้าวพี่
มาพอดีเลย นั่ง ๆ”
ยศทักรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้ม
แต่ฉิมคิดว่ารอยยิ้มนั้นเป็นยิ้มที่ค้างมานานแล้วจากอะไรบางอย่าง
ฉิมรู้สึกคอแห้ง
จึงรับแก้วเหล้าจากนัยที่ชงเตรียมไว้ให้มาดื่มหมดแก้ว ก่อนจะถามคำถามคาใจจากน้อง ๆ
“พวกเอ็งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรวะ
ท่าทางอารมณ์ดีกัน มีใครถูกหวยหรือเปล่า” ฉิมถาม
ทุกคนส่ายหน้ายิ้ม ๆ
“เดี๋ยวพี่ก็รู้ วันนี้มีเด็กเสิร์ฟมาช่วยงานในร้าน”
ยศพูด
ฉิมขมวดคิ้วแสดงความสงสัยในใจ
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่ามีเด็กเสิร์ฟมาทำงานในร้าน นั่นถึงกับทำให้น้อง ๆ
ในโต๊ะถึงกับยิ้มแก้มปริกันเลยเหรอ ปกติพวกเขาชงเหล้ากันเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร
อยากจะสั่งอาหารเครื่องดื่มก็ตะโกนสั่งกับลุงโฉมเลย ไม่ต้องนั่งรอใครเดินผ่านมาที่โต๊ะแล้วค่อยสั่ง
แต่ยังไม่ทันที่ฉิมพยายามคิดค้นหาคำตอบจนตันในหัว เขาก็ถึงกับกระจ่างชัดในคำตอบ
เมื่อเด็กเสิร์ฟคนนั้นยกจานลาบหมูมาวางบนโต๊ะ
เด็กเสิร์ฟสาววัยสดใสหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก
ดวงตากลมโตมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาจากผู้ที่สัมผัสเห็น จมูกเรียวงามบวกกับริมฝีปากบางช่วยดึงความน่าหลงใหลออกมาจากใบหน้ารูปไข่
สีผิวน้ำผึ้งเนียนละเอียดเมื่อต้องแสงไฟทำให้ดูโดดเด่นเมื่อจ้องมอง
เด็กสาวน่ารักคนนี้แต่งตัวตามแบบวัยรุ่นล้ำสมัยเกินไปกว่าที่บรรดาหนุ่ม
ๆ ในโต๊ะที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้วจะเข้าใจได้ กางเกงยีนขาเดฟแนบเนื้อแน่นเปรี๊ยะที่ฉิมยังงงว่าสอดใส่ข้อเท้าให้พ้นช่วงปลายขากางเกงเข้าไปได้อย่างไรกัน
ขากางเกงข้างซ้ายขาดที่หัวเข่า ขากางเกงข้างขวาก็ขาดโชว์ขาอ่อนเผยให้เห็นท่อนขาที่เรียวยาวล่อสายตาจากเสือและตระเข้ได้
เพื่อ?
เสื้อไหมพรมลายขวางขาวดำแขนยาวตัวหลวมโพรกดูปกปิดท่อนบนมิดชิด
เพียงแต่ว่าผ้าในส่วนที่คลุมไหล่ทั้งสองข้างถูกตัดเฉือนไป
ทำให้กลายเป็นเสื้อเปิดอกกว้าง รวมถึงเปิดไหล่ด้วย มีเพียงเส้นไหมพรมบาง ๆ
สองสามเส้นช่วยรั้งตัวเสื้อไว้ไม่ให้หลุดลุ่ยลงมาให้เห็นหน้าอก
ฉิมไม่มั่นใจว่าเส้นไหมพรมบาง ๆ นั่นจะทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์หรือเปล่า
เขาเกรงว่าหากเกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้นจริง
ชายหนุ่มแฟมมิลี่แมนอย่างเขาอาจจะใจแตกตอนแก่ได้ ฉิมกังวลในข้อนี้
ด้วยอดีตที่เคยเป็นถึงเสือฉิมมาก่อนในช่วงวัยรุ่น
เขาก็โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มามากมายเหมือนกัน แต่เมื่อแต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว
ลายเสือที่เขาเคยภาคภูมิใจจึงถูกถอดเก็บไว้ไม่เคยนำกลับมาใช้อีกเลย
เพียงแต่วันนี้อดีตวัยรุ่นอยากจะลองปัดฝุ่นมันดูสักครั้ง
“น้องเพิ่งมาทำงานที่นี่หรือครับ”
ฉิมพยายามดัดเสียงให้ดูภูมิฐานมากที่สุด
จากแววตาที่ใส
ๆ ซื่อ ๆ ของเด็กสาว ที่ต้องการแค่นำจานอาหารมาวางและเดินกลับออกไปอย่างเงียบ ๆ
แต่เมื่อเธอถูกทำให้ต้องมาพัวพันกับวงเหล้าที่เธอไม่อยากข้องแวะ เด็กสาวถมึงตามองหน้าฉิมเหมือนกับทั้งคู่เคยโกรธแค้นกันมาหลายร้อยปี
แต่ยังดีที่เธอลดดีกรีของอารมณ์ลงมาเหลือแค่ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
ไร้ความรู้สึก
“ค่ะ” เด็กเสิร์ฟพูดเสร็จก็เดินจากไป
ทุกคนบนโต๊ะนอกจากฉิมหัวเราะคิกคักชอบใจกัน
มีแต่ฉิมที่ทำหน้างุนงง
“เล่นกับใครไม่เล่น”
เต้พูดทั้ง ๆ ที่ยังหัวเราะ
“แล้วน้องเขาเป็นใครวะ”
ฉิมถาม
“ไม่รู้เหมือนกันพี่
แต่เมื่อกี๊นะ มีโต๊ะข้างในโดนน้องเขาด่าหนีกลับบ้านไปทั้งโต๊ะเลย พวกวัยรุ่นหัวเกรียนคงพยายามจะจีบน้องเค้าน่ะ”
นัยเล่า
“จริงเหรอ
แล้วลุงโฉมแกไม่ว่าอะไรเหรอ” ฉิมถามต่อ
“ลุงแกออกไปนอกร้านพอดี
เลยไม่ทันเห็น พอแกกลับมาลูกค้าโต๊ะนั้นก็เช็คบิลไปแล้ว” นัยตอบ
“พวกหัวเกรียน
เด็กนักเรียนเหรอ คงยังไม่ค่อยประสาเรื่องจีบหญิง เอาเวลาไปท่องตำราเรียนดีกว่าไอ่น้องเอ๋ย”
ฉิมพูดสบประหม่าคนรุ่นหลัง
“พี่จะทำอะไร
อย่าบอกนะว่า...” ยศพูด
“ข้าจะโชว์ฝีมือซะหน่อย”
ฉิมแสดงความมั่นใจ
ยศ
เต้และนัยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะคิกชอบใจ เหมือนทั้ง 3 กำลังจะรอดูโชว์จากผู้ชำนาญการ
ฉิมกวาดสายตามองทั่วร้านเพื่อมองหาเด็กเสิร์ฟสาวสวย
เธอคนนั้นกำลังบริการลูกค้าในแต่ละโต๊ะ
ท่าทางที่ดูไม่อ่อนน้อมกระโชกโฮกฮากของเธอทำให้ลูกค้าในแต่ละโต๊ะล้วนนั่งตัวเกร็ง
เมื่อเด็กเสิร์ฟหน้าบึ้งเดินเข้าไป
บางโต๊ะที่กำลังคุยกันสนุกสานเพลิดเพลินต้องหยุดเบรกการสนทนาชั่วคราวเมื่อน้องเดินเข้าหา
บางทีคนเหล่านั้นอาจจะกลัวเกรงว่าจะทำให้เด็กเสิร์ฟสาวอารมณ์เสียแล้วพาลโดนด่า
เพราะเห็นตัวอย่างมาแล้ว
หรืออาจจะเป็นเพราะความสวยสาวสะกดสายตาของเหล่าบรรดาหนุ่มในโต๊ะให้หยุดนิ่ง
ฉิมชอบใจเหลือเกินจากความดิบห่ามที่เธอแสดงออกมา
และเมื่อเด็กสาวเดินผ่านโต๊ะของพวกเขา ฉิมรีบพูด
“น้องครับ
พี่ขอยำปลาดุกฟู ข้าวเกรียบกุ้งน้ำพริกเผา ต้มยำทะเล และขอเหล้า 100 Pipers
ขวดนึง”
ฉิมสั่ง
เด็กเสิร์ฟสาวหันมารับคำสั่ง
เธอตอบรับสั้น ๆ
ก่อนเดินไปจดออเดอร์นั้นลงกระดาษและส่งให้เจ้าของร้านที่อยู่ในครัว
“เฮ้ย...
วันนี้เล่นเหล้าฝรั่งเลยเหรอพี่”
เต้พูดถึงเหล้าฝรั่งยี่ห้อเดียวที่ลุงโฉมเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่มีระดับขึ้นมาหน่อย
“พวกเอ็งไม่รู้อะไร
จุดเริ่มต้นของการจีบสาวคือการสร้างความประทับใจ เราสั่งของแพงก็เหมือนกับให้ความสำคัญกับคนที่เราสั่ง”
ฉิมพูดอย่างมีหลักการ
“อ๋อ...
เป็นแบบนี้นี่เอง” เต้แสดงน้ำเสียงและท่าทางยอมรับแนวคิดนี้
“มิน่าล่ะพวกลานเบียร์และร้านเหล้าถึงต้องจ้างสาวเชียร์เบียร์
เพื่อให้เรียกเงินออกมาจากกระเป๋าลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะพวกหัวงูทั้งหลาย”
เต้พูดจบก็มีเสียงหัวเราะจากทุกคนบนโต๊ะ
ยกเว้นฉิม
ฉิมทำหน้าเสีย
“อันนั้นมันก็เรื่องของเค้า แต่แผนนี้ของข้าจีบหญิงติดมาหลายคนแล้ว”
ฉิมพูดทำให้ทั้งสามบนโต๊ะหัวเราะชอบใจยิ่งขึ้น
เด็กสาวเดินเข้ามาพร้อมนำขวดเหล้าฝรั่งขวดกลมมาวางบนโต๊ะ
เธอยังจัดแจงเปลี่ยนขวดโซดาขวดใหม่มาวางแทนขวดเก่าที่หมดไปนานแล้ว
และถังน้ำแข็งที่หมดเหมือนกันก็ถูกเปลี่ยนเป็นถังที่มีน้ำแข็งอยู่ในนั้น
เธอยังประหยัดคำพูด ไม่พูดจาใด ๆ โดยไม่จำเป็นเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก
ฉิมสังเกตเห็นตรงนี้
“น้องยังเรียนอยู่หรือเปล่าครับ
ขยันจังออกมาหางานทำพิเศษ” ฉิมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
แล้วจากนั้นเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อน้องเด็กเสิร์ฟหันมามองหน้า
“ไม่ได้เรียนแล้วค่ะ
เพิ่งโดนโรงเรียนไล่ออกมา”
เธอพูดเสร็จก็เตรียมจะเดินจากไป
แต่ลุงโฉมเดินออกมาจากครัวผ่านโต๊ะที่เพิ่งสั่งเหล้าฝรั่งพอดี เขาจึงรีบพูด
“อ้าว...
ชงเหล้าให้พวกพี่เขาด้วยสิ เข้าไปเอาแก้วใหม่มาเปลี่ยนให้พี่เขาด้วย” ลุงโฉมออกคำสั่ง
เด็กเสิร์ฟสาวก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งทันทีโดยเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเอาแก้วชุดใหม่มา
“ร้อยวันพันปีกินแต่แสงโสม
แต่วันนี้พอมีเด็กเสิร์ฟสาวมา เปลี่ยนมากินเหล้าฝรั่งเลยนะ
สงสัยยอดขายวันนี้จะพุ่ง” ลุงโฉมพูดเสร็จก็หัวเราะชอบใจ
มีแต่ฉิมที่ยิ้มแหะ
ๆ นอกนั้นบนโต๊ะกลับหัวเราะชอบใจตามลุงโฉมไปด้วย
แต่เหตุผลของทั้งสามที่หัวเราะคือกลัวว่ายอดขายในร้านจะลดฮวบลงสิ
เพราะบางทีลูกค้าอาจจะโดนเด็กเสิร์ฟไล่ตะเพิดออกจากร้านไปเสียก่อน
ลุงโฉมยกจานกลับแกล้มที่ฉิมสั่งมาวาง
และยืนดูเด็กเสิร์ฟสาวชงเหล้าครบทั้งสี่แก้ว ก่อนเธอจะเดินออกไปทำงานตรงจุดอื่นต่อ
“ลุงไปหาเด็กที่ไหนมาครับ
ดูท่าทางคล่องแคล่วและเป็นงานดีนะครับ” เต้ถามลุงโฉม
เขายังชื่นชมถึงการเอาการเอางานของเด็กเสิร์ฟที่ไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่เขาไม่พูดถึงเรื่องที่เด็กเสิร์ฟเพิ่งจะไล่ลูกค้าออกไปให้ลุงโฉมฟัง
“เด็กคนนี้ชื่อพลอย
เห็นพ่อมันบอกว่าเพิ่งโดนโรงเรียนไล่ออกมา
พ่อมันเลยเอามาฝากทำงานที่ร้านลุงช่วงสั้น ๆ นี่ก็เพิ่งมาทำวันแรก
เป็นยังไงบ้างล่ะ ทำงานโอเคมั้ย” ลุงโฉมพูด
“อ่อ... ดี ๆ
ครับ” เต้พูด
ลุงโฉมรีบเดินเข้าครัวไปเพื่อทำออเดอร์ที่ลูกค้าเพิ่งจะสั่งมา
“ท่าทางจะร้ายนะเนี่ย
โดนไล่ออกจากโรงเรียน พี่ยังจะจีบต่ออีกมั้ย” ยศถาม
ฉิมกลัวเสียฟอร์มที่จะล้มเลิกอะไรง่าย
ๆ “จีบจริง ๆ จัง ๆ คงไม่ แต่ข้าจะทำให้น้องหันมาสนใจในตัวข้าให้ได้”
“ทำไงพี่”
ยศทำเสียงลุ้น
“เดี๋ยวคอยดู”
ฉิมทำเสียงมั่นใจ แต่ความจริงแล้วเขายังไม่มั่นใจว่าจะทำยังไง
พลอยเดินผ่านโต๊ะของสมาคมสุรา
พลางตรวจเช็คขวดน้ำเปล่า ขวดโซดาและถังน้ำแข็งว่ามีอะไรต้องเปลี่ยนหรือไม่
และในจังหวะที่เธอเผลอ มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นทำให้เด็กเสิร์ฟสาวตกใจเล็กน้อย
แช๊ะ!
เสียงจากสมาร์ทโฟนในมือฉิมที่ตั้งท่าถ่ายรูปนี่เอง
เมื่อเขาได้ภาพที่ต้องการแล้ว เขาก็พูดต่อ
“พี่ขอเก็บรูปน้องไว้ตั้งเป็นวอลล์เปเปอร์ในโทรศัพท์ได้มั้ยครับ
รูปน้องน่ารักดี น่ารักมากกว่าดาราทุกคนที่พี่เคยเห็นเสียอีก”
ฉิมทำหน้าสุภาพพร้อมน้ำเสียงที่ดูจริงใจ
ยศ
เต้และนัยต่างตกตะลึงและคิดไม่ถึงมุขจีบหญิงของฉิม
ใจหนึ่งก็อึ้งกับความคิดอันชาญฉลาดของลูกพี่
แต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นเกรงว่าบางทีผู้ที่ถูกแอบถ่ายอาจจะไม่พอใจแล้วพาลอาละวาดขึ้นมา
แต่เมื่อทั้งหมดเห็นรอยยิ้มเล็ก
ๆ ที่มุมปากของพลอยทำให้ทุกคนต่างโล่งใจ
เธอไม่ได้พูดหรือทำท่าหลงใหลไปกับการเยินยอนั้น เธอเดินไปที่โต๊ะอื่นต่อ
“สุดยอดเลยพี่
คิดได้ยังไงเนี่ยมุขนี้ ผมขอคาราวะหนึ่งจอก” นัยจัดแจงชงเหล้าให้พี่ ๆ
แล้วทุกคนก็ดื่ม
“ผมขอซื้อ ๆ
เหล้ากลมนึงนะสำหรับมุขนี้ จะลองเอาไปใช้จีบสาวดูบ้าง” ยศพูดด้วยความตื่นเต้น
“ไม่น่าเชื่อว่าพี่จะเรียกรอยยิ้มของน้องเขาออกมาได้
เป็นภาพที่พวกผมไม่คิดว่าจะได้เห็น แม้จะเป็นแค่รอยยิ้มเล็ก ๆ” เต้พูด
“เดี๋ยวพี่จะสอนสุดยอดวิชาการเช็คเรทติ้งให้น้อง
ๆ หากเราอยากรู้ว่าสาว ๆ ที่เราแอบเล็งไว้เขาสนใจเราหรือเปล่า ให้ทำแบบนี้”
“ทำยังไงพี่”
ยศแสดงความสนใจ
“เดี๋ยวเราแกล้งสั่งอะไรซักอย่างแล้วให้น้องเขามาเสิร์ฟที่โต๊ะ
จังหวะหลังจากที่เราสั่ง ข้าจะแกล้งเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
แล้วพวกเอ็งสังเกตดูดี ๆ นะว่าน้องเขาหันไปมองหาข้าหรือเปล่า ถ้าน้องเขาหันไปมองหาว่าข้าอยู่ไหนก็แสดงว่าน้องเขาสนใจในตัวข้าอยู่
อาจจะคิดว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครนะ แต่ถ้าน้องเขาไม่สนใจเลยว่าข้าหายไปไหน
แสดงว่าน้องเขาไม่ได้คิดอะไร นั่นจะทำให้เรารู้ว่าจะเดินเกมต่อไปยังไง”
ฉิมอธิบายแผนการ
“ล้ำเลิศมาก
พี่นี่ตัวพ่อจริง ๆ” หนุ่มเพลย์บอยอย่างยศยอมรับในตัวหนุ่มเพลย์บอยรุ่นพี่อย่างฉิม
“เอาล่ะนะ”
ฉิมพูด
เต้ได้ยินคำพูดนั้นของฉิม
และเขาเห็นพลอยเดินผ่านพอดีจึงรีบเรียก
“น้องครับ
พี่ขอโซดาขวดนึง” เมื่อเห็นพลอยเดินออกไปแล้ว เต้รีบพูด “ออกไปเลยพี่”
ฉิมเดินออกมาจากโต๊ะไปยังหน้าร้านที่ไม่ห่างจากโต๊ะมากนัก
เขาจงใจที่จะอยู่ในรัศมีการมองเห็นจากโต๊ะ
ไม่นานพลอยก็นำขวดโซดาที่เปิดแล้วมาวางบนโต๊ะ
เธอเหลือบมองไปยังเก้าอี้ตัวที่ฉิมเคยนั่ง จากนั้นก็ชะเง้อมองหาเจ้าของเก้าอี้ว่าไปไหนนะ
เมื่อเห็นฉิมคุยโทรศัพท์เธอยังจ้องมองทำสีหน้าสงสัย จากนั้นก็เดินออกไป
ฉิมเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะ
เมื่อเห็นว่าพลอยเดินออกไปแล้ว
“เป็นไงบ้างวะ”
ฉิมถาม
“เป็นอย่างที่พี่ว่าจริงๆ
ดูท่าทางน้องเขาจะสนใจพี่ มีการแอบมองด้วยนะว่าพี่หายไปไหน
พอเห็นพี่คุยโทรศัพท์ก็จ้องมองตาไม่กระพริบ”
เต้พูดในสิ่งที่เขาเห็น
แม้เขาคิดว่าบางทีการที่พลอยมองหาลูกค้าที่หายจากโต๊ะ
เธออาจจะไม่ได้สนใจในตัวลูกค้าอย่างที่ฉิมคิดหรอก
เธอแค่สงสัยลูกค้าหายไปไหนจึงมองหาตามสัญชาตญาณ แต่เต้ก็พูดเออออไปกับฉิม
เพื่อเอาใจลูกพี่
“เอายังไงต่อพี่คราวนี้”
ยศถาม
“เมื่อเรารู้ว่าหญิงมีใจให้
ต่อไปเราก็ต้องทำให้เธอรู้ว่าเราก็ชอบเธอเหมือนกัน” ฉิมพูด
“มันจะดีหรือพี่ ถึงยังไงพี่ก็จีบน้องเขาไปตลอดไม่ได้หรอก
พี่มีลูกมีเมียแล้วนะ” เต้พยายามปราม ยศและนัยเห็นด้วย
“อืม...
ข้าแค่อยากให้น้องมาคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าแค่นั้นแหละ
บอกแล้วไงว่าไม่ได้จะจีบเป็นแฟนอะไร” ฉิมพูด
ทุกคนบนโต๊ะเห็นด้วยกับที่ฉิมพูด
แม้จะเป็นที่เข้าใจกันได้ว่า ร้านเหล้าเล็ก ๆ นี่ที่ราคาค่าอาหารเครื่องดื่มไม่แพง
ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องบริการตัวเองในโต๊ะอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีเพียงลุงโฉมคนเดียวที่ต้องวิ่งวุ่นทั้งทำอาหาร
คอยเสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้า
การมีเด็กเสิร์ฟเพิ่มมาอีกคนในร้านก็แค่เพียงแบ่งเบาภาระในเรื่องการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น
เด็กเสิร์ฟคงไม่จำเป็นที่จะต้องคอยชงเหล้าให้กับลูกค้าทุกคนในร้าน
แต่สิ่งที่ฉิมพูดนั้นคือการคาดหวังเล็ก
ๆ น้อย ๆ เหมือนเป็นน้ำใจนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เขาอยากได้รับจากสาวเสิร์ฟแสนสวยคนนี้
“น้องชื่ออะไรครับ
เพิ่งมาทำงานที่นี่วันแรกเหรอ” ฉิมพูดเมื่อมีโอกาส เขาถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
และเขาก็รู้ว่าพลอยยังไม่รู้ว่าเขารู้คำตอบ
พลอยเดินผ่านโต๊ะพอดี
เธอเห็นมามองหน้าฉิมด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
“เอ่อ...
คือพี่มาที่นี่ทุก ๆ วันศุกร์ แค่อยากจะทำความรู้จักแค่นั้นเอง”
ฉิมพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเกรงกลัว เหล่าสมาชิกอีกสามคนแทบจะเบี่ยงหน้าหนี
“จะถามอะไรกันนักกันหนาวะ
ถามกันอยู่ได้ทุกโต๊ะ” พลอยโวยวายเสียงดัง! เหมือนเธอสติแตก
ลุงโฉมรีบวิ่งออกมาจากครัวเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ
“ลุงโฉมหนูไม่ไหวแล้วนะคะ
ทำไมทุกโต๊ะต้องมารุมถามคำถามงี่เง่านี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ก็มีพวกคนพยายามจะลวนลามหนูในร้าน หนูไล่ด่าจนมันจนออกจากร้านไป
โต๊ะอื่น ๆ ก็พยายามจะแทะโลมหนู หนูเป็นเด็กเสิร์ฟนะไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งค์
หนูไม่ทำแล้ว”
พลอยรีบฟ้องทันทีเมื่อลุงโฉมมายืนต่อหน้า
เหมือนเธอจะหมดความอดทนอดกลั้นกลับสิ่งที่เธอไม่ชอบนี้แล้ว โดยไม่รอคำตอบใด
ๆ จากลุงโฉม เธอรีบพูด
“หนูขอโทษค่ะลุงโฉม”
พลอยยกมือไหว้ลุงโฉมและวิ่งออกจากร้านไป เธอสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และรีบบึ่งมันออกไปทันทีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ฉิมรีบลุกมายืนต่อหน้าลุงโฉมและรีบพูด
“ผมไม่ได้ทำอะไรน้องเขานะ ผมแค่ถามชื่อน้องเขาแค่นั้น” ฉิมรีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกัน
“ลุงรู้ ๆ
ลุงรู้ว่าพวกเอ็งเป็นคนยังไง เด็กพวกนี้มีความอดทนต่ำ เอะอะอะไรก็ทนไม่ได้”
ลุงโฉมพูด
“ไปว่าเด็กมันไม่ได้หรอกครับ
เท่าที่ฟังจากน้องเมื่อกี๊ เห็นน้องว่าโดนลวนลามมาด้วยและยังโดนหลาย ๆ โต๊ะรุมจีบ บางทีน้องอาจจะอับอายที่ถูกทำแบบนั้น”
ยศรีบพูดแก้ตัวให้พลอย
ฉิมทำสีหน้าไม่ดี
เหมือนรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง ยศสังเกตเห็นจึงรีบพูด
“คือตอนที่พี่ยังไม่มา
ตอนนั้นมีลูกค้าเต็มร้านแล้ว พอพวกผมนั่งที่โต๊ะก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของน้อง
เสียงมาจากโต๊ะที่มีพวกเด็กวัยรุ่นหัวเกรียน
ซึ่งอาจจะเป็นพวกเด็กนักเรียนอย่างที่พี่ว่า
ไม่แน่นะพวกนั้นอาจจะคิดว่าน้องเขาเป็นเหมือนเด็กดริ๊งค์ทั่วไป จึงพยายามจะจับไม้จับมือหรือไปกอดตัวน้อง
แต่ว่าน้องเขาไม่พอใจก็เลยตะหวาดใส่” ยศพูด
“ใช่พี่
ตอนนั้นลุงโฉมออกไปข้างนอกพอดี” เต้เสริมพร้อมมองไปทางลุงโฉม
“หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นโต๊ะไหนพูดแทะโลมน้องเลยนะคงจะเกรงใจหลังจากที่น้องไล่โต๊ะชุดนั้นออกไป
แต่ก่อนหน้านั้นน้องอาจจะโดนโต๊ะอื่น ๆ รุมจีบบ้าง”
“เราควรจะให้เกียรติคนที่ทำงานบริการ
ต้องทำให้เขารู้สึกมีศักดิ์ศรีในการทำงาน”
ฉิมพูดดูมีสาระเหมือนจะกลบเกลื่อนสิ่งที่เขาทำ
ลุงโฉมส่ายหน้าระอากับสิ่งที่เกิดขึ้น
“พ่อมันบอกว่าพลอยไล่เตะเพื่อนผู้ชายในห้องจนต้องเข้าโรงบาล เห็นว่าเด็กผู้ชายคนนั้นพยายามมาตื๊อพลอย
พอดีว่าบ้านพลอยเป็นค่ายมวยน่ะ พ่อมันเลยสอนเตะมวยตั้งแต่ยังเด็ก ๆ”
เมื่อทั้งสี่รู้ว่าพลอยเป็นมวย
พวกเขาหันมามองหน้ากันไปมาเหมือนกับว่ารู้สึกโชคดีที่ยังไม่โดนเตะปากแตก
“ยังไงลุงก็ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องนี้”
ลุงโฉมพูดจบก็เดินเข้าครัวไป
“ทำไมพวกเอ็งไม่เตือนข้าวะ”
ฉิมโวยวายเบา ๆ ใส่รุ่นน้อง
“ผมก็บอกพี่แล้ว
ก็บอกเท่าที่พวกผมรู้ ผมเห็นพี่ออกจะสุภาพ บางทีน้องเขาอาจจะชอบพี่ก็ได้นะ”
เต้รีบพูดแก้ตัว
ฉิมมองไปที่ขวดเหล้า
100 Pipers ที่ลดระดับลงมาเกือบครึ่งขวดแล้ว
“มา ๆ
มาช่วยกันดื่มให้หมด” ฉิมพูด
ทุกคนยกแก้วเหล้าที่มีน้ำอยู่เต็มแก้วในนั้นรินใส่ปากทีเดียวหมด
“แต่สิ่งที่พี่พูดนั่นดูหล่อเลยนะพี่
เราต้องให้เกียรติผู้อื่น และต้องให้เขารู้สึกมีศักดิ์ศรีด้วย”
นัยกล่าวชื่นชมลูกพี่
ยศและเต้เห็นด้วย
จากนั้นทั้งหมดก็พูดคุยเฮฮาตามประสาวงเหล้า และลืมเลือนเกี่ยวกับเรื่องสาวพลอยไปในที่สุด
ในขณะที่ทุกคนดื่มเหล้าเคล้าเสียงหัวเราะกันนั้น
ทุกคนในโต๊ะต่างตกใจที่พลอยเดินดุ่ม ๆ
เข้ามาในร้านและหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะที่พวกเขานั่ง
“หนูขอโทษนะคะที่ทำเสียมารยาทกับพวกพี่”
พลอยยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะนั้น “ความจริงหนูรู้อยู่แล้วว่าพวกพี่ล้วนเป็นคนสุภาพ
ต่างจากคนอื่น ๆ” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
ทุกคนหันมามองหน้ากันไปมา
“เอ่อ...
ไม่เป็นไรครับน้อง พี่ก็เป็นห่วงว่าน้องจะรู้สึกไม่ดี” ฉิมพูด
คำพูดของฉิมทำให้พลอยยิ้มออกมาอย่างเต็มใจ
เป็นครั้งแรกที่บรรดาหนุ่ม ๆ เห็นรอยยิ้มที่สดใสนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย
“งั้นเดี๋ยวหนูจะชงเหล้าให้พวกพี่นะคะ”
พลอยจัดแจงชงเหล้าในแก้วของฉิม
เธอยังจัดการให้กับทุกคน จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบขวดโซดาเพิ่ม
“ทฤษฎีของพี่ถูกต้องจริง
ๆ พี่ทำให้น้องเขามายอมรับในตัวพี่ได้” ยศชม
“สุดยอดพี่”
เต้และนัยร่วมชมด้วย
ฉิมยอมรับคำชมนั้นไปด้วยความยินดี
แม้เขาเองจะไม่มั่นใจในสิ่งนั้น
พลอยเดินกลับมา
เธอวางขวดโซดาลงที่โต๊ะและเดินมาข้าง ๆ ฉิม
“นี่สำหรับพี่ค่ะ”
พลอยหยิบผ้าเย็นออกมาจากกระเป๋า เธอแกะห่อผ้าสีขาวออกมาจากถุงพลาสติก
“ขออนุญาตนะคะ”
พลอยบรรจงลูบไล้แผ่นผ้านั้นที่แก้มและลำคอของฉิม
จากนั้นก็หยิบมือของฉิมขึ้นมาและใช้ผ้าเย็นเช็ดไปที่แขน
“หนูเคยเรียนนวดมานิดหน่อย”
พลอยพูดเสร็จก็ค่อย ๆ ใช้มือบีบไปที่ไหล่ของฉิมทั้งสองข้าง
และยังกดจุดที่แผ่นหลังเบา ๆ นั่นสร้างความเพลิดเพลินและพอใจให้กับฉิมยิ่งนัก
“นั่งดื่มตามสบายนะคะ”
พลอยพูดเสร็จก็ไปชงเหล้าโต๊ะอื่นต่อ
เมื่อเต้เห็นพลอยเดินออกไป
เขารีบหันมาพูดกับฉิม
“น้องเขาอาจจะชอบพี่จริง
ๆ ก็ได้ แหม... มาบริการพี่คนเดียวโดยเฉพาะเลย” เต้พูด
“ความหล่อและคารมของพี่อาจจะทำให้น้องเขาใจแตก”
ยศพูด
“เฮ้ย...”
ฉิมลากเสียงยาว “น้องแค่อาจจะรู้สึกผิด เลยมาทำดีกับข้าเพื่อลบล้างความผิดก็ได้”
“ถ้าแค่สำนึกผิด
ก็แค่พูดขอโทษคำเดียวก็พอ ไม่เห็นจะต้องมาปรนนิบัติกันถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้”
นัยพูด
“ช่าย...”
ยศและเต้เห็นด้วยกับนัย
ทั้งสามพยายามตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติ
แต่ความจริงแล้วพวกเขาต่างอิจฉาฉิม
พลอยเดินโฉบเฉี่ยวเข้ามาที่ฉิม
“เมื่อกี๊เห็นว่าพี่จะมาทุกวันศุกร์ใช่มั้ยคะ พอดีเลย หนูมาทำงานที่ร้านวันศุกร์
เสาร์ อาทิตย์พอดี เราคงจะได้เจอกันทุกวันศุกร์นะคะ” เธอพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในครัว
แม้สิ่งที่ปรากฏมานี้จะเป็นสิ่งที่ฉิมแอบคาดหวังมาตั้งแต่ต้น
แต่เมื่อมันเป็นไปตามนั้นจริง ๆ กลับทำให้เขารู้สึกประหม่าและดูอึดอัด
เขาพยายามทำสีหน้าเริงร่ากับความน่าอภิรมย์นี้
“พี่เล่นของอะไรหรือเปล่า
พวกคุณไสยอะไรอย่างนี้น่ะ” นัยสันนิษฐาน “เอามาให้ผมยืมมั่ง”
“ของเขิงอะไร
พี่ไม่มี” ฉิมบอกปัด
“โธ่...
ระดับเสือฉิมแล้ว ไม่ต้องใช้ของหรอก หน้าตาและคารมล้วน ๆ” เต้พูด
“อื้ม...”
ฉิมทำเสียงแสดงความเชื่อมั่น
พลอยเดินมาหาฉิมอีกครั้ง
“พี่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่กันเร็ว”
พลอยพูดพร้อมแนบหน้ามาใกล้แก้มของฉิม
ฉิมใจสั่นรีบหยิบมือถือออกมาตั้งท่าถ่าย
แชะ!
พลอยยิ้มหวานยั่วยวนให้ฉิมก่อนเดินออกไป
เมื่อทั้งหมดเห็นเธอเดินหายไปหลังร้านจึงโห่ร้อง
“เฮ้...”
เสียงจากทั้งสามแสดงความยินดีกับพี่ชายที่เป็นที่สนใจ
ฉิมเริ่มมีอาการเก้อเขินแล้ว
ในใจฉิมคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล เขารู้สึกแปลกใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้ม
“ไม่ใช่เรื่องเล่น
ๆ แล้วนะพี่ พี่มีลูกเมียแล้วจะไปจีบน้องไม่ได้นะ” เต้พูด คนอื่น ๆ ทำท่าเห็นด้วย
“ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ
แค่พูดแซวสองสามประโยค” ฉิมพูด “ไม่เป็นไร ข้าจะบอกให้น้องเข้าใจเอง”
ทุกคนบนโต๊ะยอมรับในตัวพี่ชาย
ทั้งหมดพูดคุยสนุกสนานดื่มกินกัน
พลอยไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกแล้ว ไม่มีใครสนใจหรือพูดถึงเธอ
สักพักฉิมเริ่มเอะใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ทันใดนั้น!
“ลุงโฉม ๆ”
เสียงชายหนุ่มมาตะโกนหน้าร้าน ฉิมหันไปมอง เขาจำได้ว่าเป็นลูกค้าที่มานั่งกินในร้านแล้วออกไปก่อนหน้านี้นานแล้ว
“มีอะไร”
ลุงโฉมรีบวิ่งมาหน้าร้านทันที
“เด็กร้านลุงรถคว่ำหน้าปากซอย
อาการเป็นยังไงไม่รู้” ชายหนุ่มหน้าร้านบอก
“หา!”
ลุงโฉมตกใจสุดขีด
แต่โต๊ะของฉิมก็ตกใจไม่แพ้กัน เขาคิดว่าพลอยเดินมาที่โต๊ะเขาล่าสุดก็ประมาณ 10
นาทีที่ผ่านมา
บางทีเธออาจจะขี่รถออกไปทันทีในตอนนั้น
“แล้วตอนนี้เด็กอยู่ที่ไหน”
ลุงโฉมถาม
“กู้ภัยพาส่งโรงบาลแล้ว”
คนถูกถามตอบ
“ทำไมเร็วจังวะ
รถคว่ำนานหรือยัง” คนถาม ๆ ต่อ
“ก็ตั้งแต่น้องเขาโวยวายอะไรไม่รู้
แล้วก็ขี่รถออกไปเลย คงซักครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง
กู้ภัยพาไปส่งโรงบาลแยกถัดไปจากปากซอยนี้เองน่ะลุง ผมไปก่อนนะ มาส่งข่าวแค่นี้”
พูดเสร็จ ชายหนุ่มที่มาส่งข่าวก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป
ลุงโฉมรีบโทรศัพท์หาญาติของพลอยทันที
ฉิม ยศ เต้ละนัยหันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง
“แล้วคนที่มาขอโทษพี่เป็นใครล่ะ”
ยศถาม
ฉิมพยายามนึกถึงน้ำเสียงหวาน
ๆ นั้นที่ผ่านรูหูเขา เขามั่นใจว่านั่นคือสาวสวยที่ชื่อพลอย
“ผ้าเย็นพี่
ใครกันที่เอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้พี่” เต้ถาม
ฉิมเหลือบไปมองผ้าเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะ
มันยังวางอยู่ตรงนั้น
“นั่นสิ
แล้วใครล่ะมานวดหลังให้พี่” นัยถาม
ฉิมจำสัมผัสจากมือนุ่มนั่นได้
เขาเริ่มสับสนไปหมดแล้วว่าจะมีใครมาเล่นตลกกับเขาหรือเปล่า
บางทีอาจจะเป็นการหยอกของสาวพลอยเองที่ต้องการแกล้งลูกค้า
หรือจะเป็นลุงโฉมที่อยากจะเซอร์ไพรส์เขาในฐานะที่เป็นลูกค้ามายาวนาน
หรือว่าบางทีอาจจะเป็นเพื่อน ๆ รุ่นน้องของเขาเองที่จงใจแกล้งเขา
โดยมีการเตี๊ยมกันตั้งแต่พลอย ลุงโฉม และคนมาบอกข่าว
ฉิมนึกขึ้นได้ถึงเรื่อง
ๆ หนึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่ถ่ายร่วมกันกับพลอย
ฉิมสะดุ้งแทบจะตกเก้าอี้! เขาเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกลงกับพื้นก่อนวิ่งหนีหายออกนอกร้านทันที
ยศ
เต้และนัยหยิบโทรศัพท์ของฉิมขึ้นมาดู ในนั้นปรากฏรูปฉิมตอนที่ถ่ายรูปเซลฟี่เคียงข้างกับใครบางคนอยู่
แต่ข้าง ๆ ฉิมกลับว่างเปล่าไร้เงาผู้ใด