วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ความทรงจำที่หายไป

ธวัชชัยกำลังวุ่นอยู่กับการเก็บอุปกรณ์เครื่องมือลงในกล่องเหล็ก หลังจากที่เขาประกอบชิ้นส่วนของเพลาล้อของรถกระบะคันใหญ่เสร็จ ธวัชชัยขับเคลื่อนมันออกไปจอดที่ลานกว้างหน้าอู่เพื่อรอเจ้าของมารับมัน โดยที่เขาแอบสังเกตใครบางคนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ชายชุดดำคนที่น่าสงสัยนี้ธวัชชัยเริ่มสงสัยถึงพฤติกรรมแปลกๆมานานแล้ว ในทุกวันเวลาใกล้เย็น ชายชุดสูทสีดำจะแต่งกายชุดเดิมทุกวันมานั่งยังร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงแม้จะเป็นวันที่อากาศร้อนเพียงใด แต่เครื่องแต่งกายของชายคนนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ธวัชชัยเริ่มเห็นบุคคลผู้นี้มาได้เกือบจะครบเดือนแล้วที่มานั่งเฝ้าคอยเหมือนจะต้องการเฝ้าสังเกตใครสักคน และคนที่ธวัชชัยคิดว่าชายชุดดำคนนั้นเฝ้ามองก็คือตัวของเขาเอง

เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังถูกเฝ้าจับตามอง ธวัชชัยก็แอบเฝ้ามองชายชุดดำนั้นด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่าถูกแอบเฝ้ามองอยู่ และวันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน พอใกล้จะถึงเวลาปิดอู่ซ่อมรถ ชายชุดดำก็ทำท่าทางจดบันทึกอะไรสักอย่างลงไปในสมุดและลุกเดินออกไป เมื่อเห็นชายชุดดำเดินพ้นจากสายตาไปแล้ว ธวัชชัยจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมเก็บของและปิดประตูเหล็กหน้าร้านลง

ธวัชชัยค่อยๆขับรถบนถนนที่การจราจรติดขัดผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ วันนี้เป็นวันหยุดสิ้นเดือนผู้คนเดินขวักไขว่กันไปมา มีทั้งครอบครัวเพื่อนฝูงมากันเป็นกลุ่ม ตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทแล้วเพราะติดไฟแดง ทำให้สายตาของเขาไปตกอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่งที่เดินจูงมือกันมา 3 คนมีพ่อแม่ลูกเดินหยอกล้อกันดูสนิทสนมกลมเกลียว ธวัชชัยมองภาพนั้นแล้วทำให้เขาเริ่มคุ้นชินกลับบรรยากาศแบบนี้ยิ่งนัก แต่ไม่ว่าธวัชชัยจะพยายามนึกเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถดึงความทรงจำอะไรออกมาได้เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้

'ปรี๊น...!!'

เสียงแตรดังจากรถคันข้างหลังเพื่อจะส่งสัญญาณให้ธวัชชัยเหยียบคันเร่งไปข้างหน้า เนื่องจากไฟเขียวแล้วแต่เขายังทำสายตาเหม่อลอยเมื่อพยายามคิดถึงความรู้สึกที่ขาดหายไปนั้น ธวัชชัยตัดสินใจเลี้ยวรถยนต์เข้าไปจอดในห้างใหญ่ จากนั้นที่ลานกว้างหน้าห้างมีลานเบียร์ที่ผู้คนยังไม่ค่อยหนาแน่นนัก เขาเดินไปนั่งโต๊ะกลางลานเพื่อเฝ้าสังเกตโต๊ะอื่นๆที่มากันหลายคนแทบจะทุกโต๊ะ ธวัชชัยสั่งเบียร์มาหนึ่งขวดมาตั้งไว้ที่โต๊ะแต่เขาไม่สนใจมันเลย สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ก็คือเพื่อนๆหรือคนรู้จักของเขาหายไปไหน ไม่ใช่ว่าเขาจะมานั่งรอใครบางคนแล้วรอให้คนๆนั้นมาถึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือเขาไม่มีความทรงจำถึงใครเลยสักคนเดียวที่จะเรียกมานั่งดื่มกินเหมือนโต๊ะข้างๆได้

ธวัชชัยยังใช้สิทธิ์นั่งที่โต๊ะต่อไปเพราะเขาสั่งเบียร์มาแล้วหนึ่งขวดแต่เขาไม่แตะมันเลย เมื่อธวัชชัยไม่สามารถย้อนความทรงจำในอดีตถึงใครได้เลย เขาจึงพยายามคิดว่าเขาเป็นใครมาจากไหน และตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ และในอนาคตเขาคิดถึงสิ่งใด

คราบเหงื่อจางๆเริ่มซึมออกมาจากใบหน้าของธวัชชัย ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีวี่แววของคลื่นความร้อนใดๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับเหงื่อเต็มใบหน้าเพราะว่าเขานึกอะไรไม่ออกเลยถึงคำถามที่เขาตั้งขึ้นมาในใจเมื่อสักครู่นี้ ธวัชชัยรู้แต่เพียงว่าแค่ช่วงชีวิตประจำวันนี้ เขาตื่นนอนก็ออกจากบ้านมายังอู่ที่เขาเองเป็นเจ้าของมัน ความทรงจำในชีวิตของเขามีเพียงเท่านี้เอง

นี่เพิ่งเริ่มจะหัวค่ำไม่นาน ธวัชชัยค่อยๆขับรถไปอย่างเชื่องช้า ในหัวสมองเขาตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรแม้สักเรื่องเดียว ธวัชชัยคงคิดว่าความทรงจำในอดีตนั้นมีค่ามหาศาลในยามที่เขาไม่มีมัน

ทันใดนั้น! แสงไฟจากหน้ารถคันอื่นสาดเข้ามาจากทางด้านซ้ายของเขา ธวัชชัยพุ่งออกมาจากทางแยกโดยที่ลืมสังเกตรถยนต์ทางซ้ายมือที่พุ่งมาด้วยความเร็ว ระยะห่างไม่ถึง 20 เมตร เสี้ยววินาทีนี้เขามองแสงไฟนั้นด้วยความไม่ตื่นตระหนก เหมือนเขาไม่กลัวอะไรเลยกับความตายที่เข้ามาอยู่ใกล้แค่เอื้อม หรืออาจจะเป็นเพราะในเมื่อเขาไม่มีอดีตความทรงจำใดๆเหลืออีกต่อไป เขาคงไม่ต้องแคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว

'เอี๊ยด...!!'

รถคันที่พุ่งมาทางซ้ายหักหลบไปทางด้านหลังอย่างฉิวเฉียด ธวัชชัยพยายามตั้งสติและขับรถยนต์ต่อไปจนถึงบ้านพักของเขา เมื่อรถยนต์จอดหน้าบ้าน เขาเดินลงจากลดแล้วมองไปที่เพื่อนบ้านหลายๆหลังที่อยู่ติดกัน แต่นั่นไม่ทำให้ธวัชชัยคุ้นตาเลยสักนิดเดียว เขาแทบอยากจะเดินไปเคาะประตูบ้านข้างๆเพื่อถามว่าตัวเขาเองนั้นเป็นใคร มาจากไหน และรู้จักกันหรือไม่? แต่จนแล้วจนรอด ธวัชชัยก็ไม่กล้าไปเคาะประตูบ้านของคนแปลกหน้า

ธวัชชัยเปิดประตูบ้านและสวิตซ์ไฟ เขาพยายามมองหาร่องรอยหลักฐานที่จะสามารถบ่งชี้ได้ ว่าเขาเคยเป็นใครและมีใครบ้างที่เขาเองเคยรู้จัก ที่ผนังบ้านไม่มีรูปภาพบุคคลใดๆแขวนไว้ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านถูกออกแบบสำหรับคนๆเดียว โต๊ะกินข้าวก็มีเก้าอี้เพียงตัวเดียว ถ้วยจานชามมีพอใช้สำหรับคนๆเดียว เสื้อผ้าก็มีเฉพาะที่เป็นของธวัชชัยคนเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจลึกๆก็คือ ภาพของพ่อแม่ลูกและกลุ่มคนที่เขาเห็นหน้าห้างเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานี้ เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้ธวัชชัยรู้สึกว่าเขาเคยมีคนพวกนั้นอยู่พร้อมสรรพแต่เขาทำหายไป

ธวัชชัยมีแค่ความทรงจำสั้นๆว่าเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ มีอู่ซ่อมรถยนต์เป็นของตัวเองและมีลูกน้องที่อู่อีก 2 คน แต่ลูกน้องทั้ง 2 คนก็เป็นคนที่มาสมัครงานกับเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้ นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้ว ธวัชชัยไม่สามารถคิดถึงใครที่เขาเคยรู้จักได้

ธวัชชัยลืมตาขึ้นมาจากสภาวะจิตที่จมดิ่งลึก เขานึกขึ้นได้ถึงชายในชุดดำที่เขาสังเกตเห็นมาร่วมเดือนกว่าแล้ว คนๆนั้นคงจะเป็นบุคคลเดียวที่จะพาธวัชชัยย้อนกลับไปหาตัวตนของตนเองได้ เมื่อเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง ธวัชชัยจึงเลิกทำเป็นจมทุกข์และกลับไปใช้ชีวิตประจำตามปกติ

วันถัดมาธวัชชัยกลับมาทำงานที่อู่ตามปกติ เขาซ่อมรถหลายคันที่มาจอดรออยู่เต็มพื้นที่ในอู่ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบถึงเวลาที่ชายชุดดำคนนั้นจะมา ธวัชชัยจึงสั่งให้ลูกน้องปิดร้านเร็วกว่าปกติ โดยที่เขาเปลี่ยนชุดแต่งตัวด้วยชุดหนังทั้งตัวพร้อมใส่หมวกกันน๊อคเพื่ออำพรางใบหน้า ธวัชชัยขี่มอเตอร์ไซค์ไปแอบรอที่มุมถนนข้างร้าน เขาเฝ้าชำเลืองมองดูนาฬิกาตลอดเวลาเพื่อคาดคะเนเวลาการมาถึงของชายชุดดำ

และเวลานั้นก็มาถึง ชายในชุดสูทขับรถเก๋งคันใหญ่มาจอดหน้าร้านอาหารร้านเดิม แต่เมื่อเห็นว่าวันนี้อู่ของธวัชชัยปิด ชายคนนั้นจึงเหยียบคันเร่งออกไปทันที ได้โอกาสที่รถเก๋งคันนั้นนขับออกไปห่างจากจุดที่ธวัชชัยซ่อนอยู่ เขาจึงค่อยๆขี่รถตามดูห่างๆเพื่อไม่ให้ถูกสังเกตได้

ระยะทางจากจุดเริ่มต้นเริ่มไกลออกไปมากแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความพยายามของธวัชชัยลดลง และในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านของชายชุดดำ รถเก๋งเข้าจอดในบ้าน ธวัชชัยตามไปติดๆและเข้าประกบทันทีที่มีโอกาส

"สวัสดีครับ คุณคงจำผมได้นะ"

ธวัชชัยเอ่ยถาม เขาถอดหมวกกันน็อดออกเพื่อเผยใบหน้า ฝ่ายตรงข้ามถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็นใบหน้าของธวัชชัย

"คุณคือธวัชชัย"

เสียงตอบราบเรียบที่ถูกกลบเกลื่อนความตกใจแล้ว ชายที่ยังแต่งตัวด้วยชุดดำทำสีหน้านิ่งเรียบ

"คุณรู้จักชื่อผม คุณรู้จักผม?"

ธวัชชัยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"ก็... ใช่ครับ ผมชื่อพิจาน ผมว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า"

พิจานเชิญธวัชชัยเข้าไปในบ้าน เขาให้ธวัชชัยไปนั่งรอที่ชุดโซฟาเนื้อผ้าบุด้วยฟองน้ำสีน้ำเงินเข้ม ธวัชชัยไปนั่งรอด้วยดี และพิจานเดินหลบเข้าไปหลังบ้าน แต่สักพักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับแก้วน้ำ 2 ใบ และวางแก้วอีกใบไว้ที่หน้าธวัชชัย

"ก่อนอื่นเลยครับคุณธวัชชัย ทำไมคุณถึงตามมาหาผมที่นี่ได้ และมาเพื่ออะไร"

"ผมคิดว่าคุณคงจะช่วยเหลือผมได้ ผมถึงแอบตามคุณมา"

"คุณมีปัญหาอะไรให้ผมช่วย"

พิจานพูดจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย ทำให้ธวัชชัยทำตามโดยดื่มน้ำจากแก้วไปหนึ่งอึกก่อนจะพูด

"คุณว่าแปลกไหมที่คนเราจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนในอดีตเลย ผมไม่สามารถจดจำใครได้เลย แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมเคยมีคนอยู่เคียงข้าง แต่พวกเขาหายไปไหนกัน"

พิจานหยุดนิ่งไปสักพัก เหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่

"อะไรทำให้คุณธวัชชัยคิดแบบนั้น"

"คือเมื่อไม่นานมานี้ผมเริ่มมองผู้คนรอบข้าง เห็นถึงความสัมพันธ์ของผู้คนที่แต่ละคนมีให้ต่อกัน แต่เมื่อผมมามองดูตัวเองกับกลายเป็นว่าผมไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับใครได้เลย และที่ผมมาหาคุณก็เพราะว่าคุณเป็นคนเพียงคนเดียวที่อยู่ในความทรงจำของผม"

พิจานยังคงจ้องมองดูธวัชชัยเหมือนต้องการสังเกตความรู้สึกนึกคิดภายในใจ

"ผมคิดว่าคุณคงสูญเสียความทรงจำในอดีตไป อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณทำให้สมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน คุณไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้เลยหรือครับ"

"ใช่ครับ สิ่งที่ผมรู้สึกว่าวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของผมนั้นก็มีแค่บ้าน และอู่ซ่อมรถ แต่เอ๊ะ? ทำไม่คุณต้องคอยเฝ้าติดตามผมมาเกือบจะครบเดือนแล้ว"

พิจานนิ่งอีกครั้ง เข้าใช้มือคลายปมเนคไทที่ปกเสื้อของเขาให้คลายความรัดตึง และยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบเบาๆอีกครั้ง

"ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคงไม่สามารถปิดบังอะไรคุณได้อีกต่อไปแล้ว ความจริงคุณธวัชชัยคือผู้ป่วยของผม คุณได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้หัวสมองได้รับความกระทบกระเทือน ส่งผลให้ความทรงจำให้สมองถูกตัดขาดจากสามัญสำนึกได้"

ธวัชชัยยังคงสับสนกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของพิจาน แต่เขาก็ค่อยๆเรียบเรียงสิ่งเหล่านั้นในความคิดของเขาจนพอจะเริ่มเข้าใจกับสิ่งที่ได้ยินมา

"แต่คุณธวัชชัยไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ นอกจากความทรงจำของคุณที่หายไปแล้ว ร่างกายคุณไม่ได้รับความเสียหายเลยแต่อย่างใด และความทรงจำของคุณก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนปกติได้"

"มันจะกลับมาอย่างแน่นอนใช่ไหมครับ"

ธวัชชัยถามอย่างร้อนรน

"ก็มีความเป็นไปได้ครับ แต่ผมไม่สามารถฟันธงได้"

ธวัชชัยยังคงทำสีหน้ากังวลอยู่ภายในใจของเขา

"ในระหว่างนี้ก็รอเพียงแค่เวลาที่จะช่วยรักษาคุณให้หายเป็นปกติเอง"

"จริงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วยผมสักเรื่องจะได้หรือไม่ครับ"

"คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร"

"ผมอยากรู้ว่าผมเคยเป็นใคร ครอบครัวผมอยู่ไหน ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาเคยอยู่เคียงข้างผม"

"คุณอยากจะรู้อดีตไปทำไมกัน คุณคิดว่าหากรู้อดีตแล้วจะทำให้คุณมีความสุขหรืออย่างไรกัน"

ธวัชชัยยังคงทำสีหน้าสับสนกับสิ่งที่พูด แต่ในดวงตาลึกแล้วเขาก็ยังมุ่งมั่นกับความปราถนาของตัวเขาเอง

"ผมไม่รู้สิครับ แต่ผมรู้สึกว่าการดำรงชีวิตโดยขาดรากเหง้า ไม่มีซึ่งความสัมพันธ์กับผู้คน ไม่มีครอบครัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงเลย มันช่างดูเหงาโดดเดี่ยวและโหดร้ายมากเกินไป"

"เอาล่ะคุณธวัชชัย คุณไม่กลัวว่าอดีีตจะกลับมาทำร้ายคุณหรือ"

ธวัชชัยหยุดคิดชั่วครู่

"อดีตที่โหดร้ายเพียงใด มันก็ยังทิ่มแทงจิตใจของเราได้น้อยกว่าที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ผมคิดแบบนี้"

"ถ้าคุณคิดอย่างนั้น เราเก็บแฟ้มประวัติโดยละเอียดของคุณไว้ก่อนที่คุณจะเข้ารับการรักษาจากเรา ผมจะนำแฟ้มนั้นมาให้คุณ"

"ขอบคุณครับ"

เมื่อธวัชชัยพูดจบ เขาเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆโผล่เข้ามาในระบบประสาทของเขา ความรู้สึกนี้คืออาการเหมือนจะวูบหลับทันที แต่ธวัชชัยยังคงฝืนความรู้สึกนั้นไว้ได้ เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือว่าน้ำที่ดื่มเข้าไปเมื่อกี๊นี้จะมียานอนหลับ ตอนนี้เหมือนกับตาของธวัชชัยหรือจะหรี่ลงเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับคนๆนี้แล้ว

"คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมอาจจะค้นหาแฟ้มให้ได้ในตอนนี้"

พิจานลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดิน ธวัชชัยได้โอกาสเขาหยิบแก้วน้ำเทใส่ปาก แต่เมื่อพิจานเดินลับหลังไปไกลแล้วธวัชชัยจึงบ้วนน้ำที่แกล้งทำเป็นดื่มใส่ลงในแก้วเหมือนเดิม เขาตัดสินใจเทน้ำที่อยู่ในแก้วลงบนโซฟาจนหมด ฟองน้ำดูดซึมกักเก็บน้ำได้ดีนัก จากนั้นธวัชชัยแกล้งทำเป็นหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาโดยใช้อาการง่วงนอนก่อนหน้านี้ที่ดื่มน้ำผสมยานอนหลับไปหนึ่งอึกเล็กๆช่วย ทำให้ไม่ดูผิดสังเกต

เวลาผ่านไปไม่นาน พิจานเดินกลับมาพร้อมกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน

"คนไข้หลับไปแล้ว เข้ามารับตัวไปห้องแลปได้"

ธวัชชัยได้ยินคำว่าห้องแลปไม่ใช่โรงพยาบาลถึงกับแปลกใจว่าเขาเป็นคนไข้หรืออะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่โวยวายอะไรตอนนี้

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง กลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดสีขาวพากันเดินเข้าในบ้าน และค่อยๆพะยุงธวัชชัยลงเปล

"เดี๋ยวถึงห้องแล๊ปให้มัดไว้กับเตียงเลยนะ ยาจะหมดฤทธ์ภาย 2 ชั่วโมง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปจัดการต่อเอง"

"ได้ครับดอกเตอร์"

หนึ่งในกลุ่มคนที่มาหามธวัชชัยตอบรับ ก่อนทั้งหมดจะช่วยกันหามธวัชชัยไปขึ้นรถตู้ที่มีเตียงพร้อมอุปกรณ์พร้อมสรรพและขับออกไปอย่างเงียบๆ

รถตู้จอดหน้าตึกใหญ่ เจ้าหน้าที่ 2 คนนำตัวธวัชชัยใส่เปลนอนและพาเดินเข้าไปในตัวตึก ธวัชชัยยังแกล้งทำเป็นหลับสนิทจนกระทั่งเมื่อเขาถูกพาเข้ามาในห้องๆหนึ่ง

"ดอกเตอร์สั่งให้วางคนไข้ไว้ที่เตียง และสั่งมัดไว้ให้แน่นหนา เดี๋ยวนายจัดการต่อให้เรียบร้อยนะ"

"ได้ครับหัวหน้า"

คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าสั่งงานให้ลูกน้องนำชุดสำหรับรัดตัวคนไข้ไม่ให้ขยับเขยื้อนมาใส่ให้ธวัชชัย จากนั้นเขาก็เดินออกไปทันทีโดยปล่อยให้ลูกน้องจัดการทำตามคำสั่งของพิจาน ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตระเตรียมอุปกรณ์และธวัชชัยมั่นใจแล้วว่าเจ้าหน้าที่อีกคนเดินออกจากห้องไปไกลแล้ว ธวัชชัยค่อยลืมตาขึ้นก่อนจะลุกออกจากเตียง จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ทันสังเกตจึงโดนธวัชชัยชกเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรงจนเจ้าหน้าที่คนนั้นถึงกับนอนสลบไม่รู้ตัว ธวัชชัยไม่รอช้า เขาใช้ชุดที่เจ้าหน้าที่คนนั้นเตรียมจะนำมาใส่ให้ธวัชชัย กลับนำมาใส่ให้เจ้าหน้าที่แทนและนำตัวไปมัดติดบนเตียงอีกที

ธวัชชัยนั่งรออยู่ข้างเตียง เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่หนุ่มคนนั้นค่อยๆฟื้นจากอาการสลบ พอดูท่าทางว่าจะคุยรู้เรื่องได้ ธวัชชัยจึงลุกขึ้นไปที่เตียง

"หมอคนนั้นทำอะไรกับฉันกันแน่ เขาเป็นหมอจริงๆหรือ"

เจ้าหน้าที่ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ยังคงมีอาการตกใจและหวาดกลัว

"อย่าๆ อย่าทำอะไรผมเลย ผมมีหน้าที่แค่เข็นผู้ป่วยแค่นั้น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย"

"ฉันโดนอุบัติเหตุทำให้สูญเสียความทรงจำจริงหรือ ทำไมหมอต้องแอบวางยานอนหลับในแก้วน้ำด้วย"

"ผมไม่รู้จริงๆครับ ผมมีหน้าที่แค่ขนย้ายคนไข้เท่านั้นเอง"

ธวัชชัยดูรอบๆห้อง

"ที่นี่มันไม่เหมือนโรงพยาบาลเลย ที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่"

น้ำเสียงธวัชชัยเรื่มจะดุดันขึ้นเรื่อยๆ นั่นยิ่งทำให้เจ้าหน้ายิ่งกลัว

"เราเป็นสถาบันเกี่ยวกับสมองครับผมรู้แค่นี้เอง ไม่รู้ถึงข้อมูลของคุณว่าเป็นใครและรักษาอาการอะไร คุณต้องถามเรื่องนี้กับดอกเตอร์เอง"

"ห้องทำงานของหมอคนนั้นอยู่ที่ไหน"

ธวัชชัยคิดว่าคงไม่สามารถหาคำตอบกับเจ้าหน้าที่คนนี้ได้แล้ว

"อยู่ชั้น 2 ครับ ขึ้นบันไดแล้วไปทางซ้ายอีก 2 ห้อง หน้าห้องจะมีชื่อดอกเตอร์พิจานติดอยู่ แต่ขึ้นบันไดจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่"

"ไม่เป็นไร"

ธวัชชัยเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดของพนักงาน โดยเอาชุดมาจากชายที่โดนมัดอยู่ เขาเดินออกไปเพื่อจะหาทางไปยังห้องทำงานของหมอพิจานให้ได้ ในระหว่างทางเขาต้องคอยเดินหลบเจ้าหน้าที่คนอื่นๆเพราะกลัวโดนจับได้ เขาเดินหลบเข้าไปในห้องๆหนึ่งและเห็นสิ่งที่หน้าตกใจยิ่ง คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงหัวถูกพันด้วยผ้า สายตาคู่นั้นดูเหม่อลอยและอาการชักเล็กน้อยที่ใบหน้า ทันใดนั้น! มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูห้องเข้ามาและรีบกรูเข้ามาหมายจับตัวธวัชชัย แต่เนื่องจากธวัชชัยมีความเร็วและพละกำลังที่เหนือกว่า จึงทำให้สลัดหนีออกมาจากห้องได้ก่อน และวิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว

บ้านของหมอพิจาน เขาไม่ทันสังเกตเห็นคราบน้ำที่อยู่บนโซฟาแต่บังเอิญเขานั่งลงไปทับมันทำให้รู้ว่ามันเปียก เขาก้มลงไปดูใต้โซฟาเห็นหยดน้ำไหลซึมออกมาจึงทำให้รู้ว่าน้ำที่หกบนโซฟานั้นมีปริมาณมาก พิจานคิดได้ทันทีว่าธวัชชัยไม่ได้กินยานอนหลับที่เขาแอบผสมให้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเข้ารีบคว้ากุญแจรถและขับมันออกไปจากบ้านทันที

ธวัชชัยหนีเข้ามาในห้องน้ำ เขามองหน้าตัวเองในกระจกและถึงกับตกใจ แม้จะรู้ว่านี่คือใบหน้าของตนเองแต่เขาก็ไม่คุ้นเคยเลยสักนิดเดียว ธวัชชัยคิดได้ว่าเขาโดนอุบัติเหตุมาตามคำบอกเล่าของหมอพิจานจึงหาร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่เจออะไร และที่หัวของเขาก็ไม่มีร่องรอยการผ่าตัดใดๆ ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้วว่าคำพูดของหมอพิจานจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับเขา

ธวัชชัยไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับเขานาน ทางเดียวที่เขาจะรู้ความจริงได้คือต้องไปหาแฟ้มข้อมูลในห้องทำงานของหมอพิจาน เขารีบออกจากห้องน้ำและวิ่งขึ้นบันไดทันที แต่ธวัชชัยก็เจอเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ยืนดักรอเขาแล้ว นั่นจึงทำให้เกิดเหตุชุลมุนไปทั่วทั้งตึก เวลาผ่านเนิ่นนาน สุดท้ายธวัชชัยก็สามารถวิ่งหนีกลุ่มเจ้าหน้าที่มาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของหมอพิจานได้ เขารีบเข้าไปในห้องและล็อคกลอนจากข้างในทันที ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกก็พยายามพังประตูเข้าไปในห้องให้ได้ ธวัชชัยรีบลากโซฟาที่อยู่ข้างประตูมากีดขวางไว้ แต่นั่นไม่พอที่จะป้องกันการทะลายประตูเข้ามาได้ของเหล่าเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จำนวนหลายในพยายามเข้ามารุมจับธวัชชัย

แต่! เสียงๆหนึ่งดังมาจากโต๊ะทำงานของหมอพิจาน

"พอได้แล้ว! ปล่อยตัวเขาแล้วออกไปจากห้องทุกคน"

เจ้าหน้าทุกคนทำตามคำสั่งของหมอพิจานทันที ตอนนี้เหลือธวัชชัยและหมอพิจานเท่านั้นที่อยู่ในห้อง

"ผมรู้ว่าสิ่งที่หมอพูดกับผมก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก ผมไม่ได้สูญเสียความทรงจำจากอุบัติเหตุ เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่"

"ใจเย็นๆก่อนคุณธวัชชัย คุณเป็นคนไข้ของผมจริงๆ เราเป็นสถาบันที่ค้นคว้าวิจัยการทำงานของสมอง และเป็นเรื่องจริงที่คุณไม่ได้สูญเสียความทรงจำจากอุบัติเหตุ แต่มีคนสั่งให้ลบความทรงจำในอดีตของคุณให้เลือนหายไป"

สีหน้าของธวัชชัยแสดงความตกใจออกมาอย่างสุดขีด

"ใครกันที่สั่งให้ลบความทรงจำของผม ผมคงจะไปล่วงรู้ความลับสำคัญของใครบางคนเข้า เขาจึงต้องการลบความจำของผม มันต้องเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย คุณหมอจะต้องทำให้ผมฟื้นความทรงจำให้ได้นะ"

"ไม่ต้องห่วงคุณธวัชชัย ผมเพียงแค่ทำให้สมองของคุณมีเลือดคั่งนิดหน่อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเอง"

"จริงหรือครับคุณหมอ แต่ตอนนี้บอกผมได้ไหมว่าใครเป็นสั่งให้ลบความทรงจำของผม"

หมอพิจานเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารในตู้ และนำมันมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา

"ตอนนี้ผมเข้าใจดีแล้วครับคุณธวัชชัย ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของคุณตอนนี้คือความทรงจำในอดีต ความทุกข์ทรมานที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และเคยทำอะไรมาก่อนทำให้คุณไม่เคยคิดถึงปัจจุบันและอนาคต คุณอยากรู้จริงๆหรือว่าใครเป็นคนสั่งให้ลบความทรงจำของคุณ"

"ใครกันครับ"

หมอพิจานหยุดนิ่งไปชั่วครู่

"คนที่สั่งให้ลบความทรงจำของคุณก็คือตัวคุณเอง"

ธวัชชัยเริ่มชินชากับความประหลาดใจใหม่ๆที่เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้ว

"ผมจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน มีคนบ้าที่ไหนอยากจะลบความทรงจำของตัวเอง"

"ก็คนบ้าแบบคุณนี่ไง คุณเองที่บอกว่าอยากจะลืมเลือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง คุณเองที่บอกว่าอยากจะลืมเลือนคนในครอบครัวของคุณ"

"นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้วคุณหมอ ผมจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน"

ธวัชชัยเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งจากความจริงที่เขาเพิ่งจะได้ฟังมา

"เอาล่ะครับคุณธวัชชัย ทุกอย่างอยู่ในแฟ้มเล่มนี้แล้ว ถ้าคุณเปิดมันออกมาจะรู้ถึงสาเหตุที่คุณอยากจะลืมเลือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ ในตอนที่คุณมาหาเรานั้นคุณมีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง คุณพยายามฆ่าตัวตายแล้วแต่ไม่สำเร็จ ผมคิดว่าวิธีการรักษาคุณคือการลบเลือนความทรงจำที่สะเทือนใจของคุณออกไป แต่วันนี้ผมคิดว่าวิธีการนี้กลับจะทำร้ายผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น"

ธวัชชัยยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังตั้งใจฟังสิ่งที่หมอพิจานพูดต่อไป

"ผมจะให้แฟ้มนี้กับคุณไว้ คุณเท่านั้นที่จะตัดสินใจเองว่าจะเปิดมันออกดูหรือจะเผามัน แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่าการรับรู้เหตุการณ์นั้นทันทีอาจจะส่งผลร้ายถ้าคุณเปิดอ่านมัน หรือถ้าคุณเลือกจะเผาแฟ้มนี้ทิ้งโดยไม่อ่านมัน ความทรงจำของคุณเองจะค่อยๆฟื้นกลับคืนมาเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะค่อยๆชินชากับมันเองก็ได้"

....

ในบ้านของธวัชชัย เขานั่งมองดูแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ท่าทางของธวัชชัยยังคงลังเลที่จะเปิดมัน เขานึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ออกจากปากของหมอพิจาน ใจหนึ่งเขาคิดว่าหากเขาเลือกที่จะเก็บความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นไว้มันก็เหมือนกับว่าเขาเลือกที่จะหลอกตัวเอง แต่ถ้าเปิดแฟ้มก็เหมือนกับเขายอมที่จะเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริง แต่ตัวธวัชชัยเองก็กลัวว่าเขาเองจะยอมรับมันไม่ได้

ธวัชชัยเปิดแฟ้มออกดู บันทึกของหมอพิจานเขียนไว้ว่า

'ผู้ป่วยมีอาการของโรคซึมเศร้าอันเนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์ไฟใหม้บ้าน ส่งผลให้พ่อแม่ของเขา ภรรยาและลูกชายอีกสองคนทั้งหมดถูกไฟครอกตาย'

เมื่อความทรงจำถูกกระตุ้น อารมณ์ความโศรกเศร้าหวนกลับคืนมาเร็วยิ่งกว่าความทรงจำทั้งหมด ธวัชชัยร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเหตุการณ์เหล่านี้มันเพิ่งจะเกิดกับเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง ความโหดร้ายแบบนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะลบเลือนออกไปจากความทรงจำ ในคืนที่อากาศหนาวเย็นมืดมิดเช่นนี้ มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับจิตใจของเขาที่ดำดิ่งลึกลงไปเหมือนใต้ทะเลลึกนับหมื่นๆเมตร

จิตใจคนเรานี่แปลกยิ่งน้ก แม้ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นยังไม่คืนมา แต่ความคาดหวัง ณ ปัจจุบันที่จะตามหาครอบครัวและลูกเมีย และเมื่อรู้ความจริงว่าพวกเขานั้นได้ตายไปหมดแล้ว ธวัชชัยก็หมดกำลังใจที่ดำเนินชีวิตต่อไป ไม่รู้ว่ามันจะคุ้มไหมกับการแบกรับอดีตที่โหดร้าย หรือมันอาจจะดีเสียกว่าถ้าหากลืมเลือนความสะเทือนใจนั้นไป ปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่อดีต

มันหนักหนาเกินไปที่จิตใจของธวัชชัยจะรับไหว เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยใช้ถุงพลาสติกครอบหัวและใช้เชือกมัดขอบถุงรัดแน่นกับคอ ในจังหวะที่เขายังมีลมหายใจเขาลงไปนั่งกับกับเก้าอี้และเอามือไพล่หลังไว้ ในมือข้างหนึ่งของเขาถือเคเบิ้ลไทร์ขนาดเส้นใหญ่พอที่จะรัดข้อมือของเขาให้แน่นติดดัน ธวัชชัยคล้องสายเคเบิ้ลไทร์รัดข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน

เวลาผ่านไปเกือบจะครึ่งนาที ธวัชชัยเริ่มมีอาการดิ้นทุรนทุราย ในตอนนี้มันสายไปแล้วที่เขาจะเปลี่ยนใจเพราะไม่สามารถเอื้อมมือมาฉีกถุงพลาสติกที่คลุมหัวของเขาได้ มือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยสายพลาสติกที่มีความเหนียวแน่นหนา ไม่มีทางที่ธวัชชัยจะใช้แรงจากแขนดึงให้เส้นนั้นขาดได้ หากเขาปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้อีก 2 นาทีก็จะทำให้เขาหมดสติไป และถ้าผ่านเลยไปอีก 2 นาทีก็จะทำให้สมองของธวัชชัยหยุดการทำงาน

อีกเพียงไม่กี่วินาทีก็จะสมความปรารถนาของธวัชชัยแล้ว สติของเขาเริ่มจะดับลงๆเหมือนแสงไฟจากกระบอกไฟฉายที่ถูกปิดสวิตซ์ แต่ก่อนที่แสงไฟเล็กๆของธวัชชัยจะดับวูบลง มีมือๆหนึ่งมาฉีกถุงพลาสติกออกจากใบหน้าของธวัชชัย เจ้าของมือนั้นคือหมอพิจานนั่นเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่อีก 2 คนนำหน้ากากช่วยหายใจมาครอบที่หน้าของธวัชชัย หมอพิจานตรวจวัดชีพจรก่อนจะช่วยกันแบกร่างของธวัชชัยออกไป

....

ธวัชชัยในชุดผู้ป่วยสีขาว กำลังนั่งมองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย เขานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆอีกหลายคนที่มีสภาพไม่ต่างจากเขามากนัก คนกลุ่มใหญ่นั่งล้อมวงกัน แต่ไม่มีใครสนใจใคร ไม่มีแม้เสียงพูดจาใดๆเล็ดลอดออกมา ตอนนี้มีเพียงแต่เวลาเท่านั้นที่จะรักษาบาดแผลในใจของธวัชชัยให้หายเป็นปกติได้


วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

บริการเสริมของคลินิค

สมชายหักเลี้ยวพวงมาลัยไปทางด้านซ้ายอย่างรวดเร็วจนมือเกือบจะพันกันเป็นปม ด้วยการเลี้ยวรถอย่างน่าหวาดเสียวนี้ทำให้สายสมรที่นั่งเบาะข้างๆของสมชายถึงกับหัวแทบเซเกือบจะกระแทกกับกระจกที่ประตูข้าง

"นี่! ถ้าไม่เต็มใจมาก็บอกกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้"

สายสมรพยายามใช้มือจัดทรงผมให้เข้าที่ จากการที่มันโบกสบัดไปเมื่อสักครู่นี้

"ก็บอกจนไม่รู้จะบอกอย่างไรแล้วว่าไม่อยากมา บอกมานานแล้ว เมื่อคืนก็บอก เมื่อเช้าก่อนออกมาก็บอก แล้วยังคิดว่าพี่อยากจะมานักเหรอ"

สมชายกระแทกเสียงออกมาโดยที่สายตายังมองไปข้างหน้า

"เอาน่าๆ ถือว่ามาเพื่อน้องวันสักเถอะนะ มันอึดอัดคาใจมานานแล้ว เต็มใจหน่อยน่า... นิดเดียวเอง"

สายสมรทำเสียงออดอ้อนเหมือนลืมเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ถูกสมชายแกล้งเลี้ยวรถแรง

"ดูสิ...ดู! หน้าตาแบบนี้ยังคิดว่าจะเต็มใจอยู่มั้ย"

สมชายหันหน้ามาทางสายสมร หน้าของเขาตอนนี้งอจนเกือบเหมือนพระจันทร์เสี้ยวแล้ว สายสมรเห็นหน้าสมชายถึงกับหัวเราะเบาๆ เธอไม่กล้าเผยเสียงหัวเราะนี้ให้สมชายรู้ เพราะสายสมรรู้ดีว่าสมชายไม่ชอบให้ใครหัวเราะเยาะเขา ยิ่งโดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้

"เอ้า! แล้วไปอย่างไรต่อ บอกทางมาเร็วๆ"

สมชายยังทำเสียงฮึดฮัดต่อไป

"อืม... เมื่อกี๊นี้เลี้ยวเข้าซอยมาแล้วให้ขับรถตรงไปเรื่อยๆจนถึงร้านก๋วยเตี๋ยว คลินิคจะอยู่ในซอยถัดไป อ้อ!นั่นไงร้านก๋วยเตี๋ยว เลี้ยวเข้าซอยนั้นเลยพี่"

สมชายเตรียมเลี้ยวเข้าซอยด้านซ้ายมือตามคำบอก เขาแกล้งหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วอีกครั้ง แต่คราวนี้สายสมรรู้ทันจึงหาที่จับอย่างมั่นคงเพื่อต้านแรง G ไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายต้องไปกระทบกระแทกกับอะไร

สมชายคิดถึงบทสนทนาเช้านี้ก่อนที่จะออกจากบ้านกัน เขาทำทุกอย่างแล้วที่จะปฏิเสธิที่จะมาสถานที่แห่งนี้กับสายสมร

"ทำไมล่ะ จะไปคลินิคแบบนั้นทำไม ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็ดีแล้วนี่"

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ไปตรวจดูให้รู้ไปเลยว่าปัญหามันเกิดจากอะไร ถ้ามันเป็นที่น้ำเชื่อของพี่ไม่แข็งแรง หมอเขาก็จะให้ยาบำรุงมากิน ถ้าเป็นที่น้องก็ให้หมอเขาช่วยรักษา พี่แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ช่วยตัวเองแล้วเอาน้ำอสุจิใส่ในถ้วยพลาสติก แต่น้องสิอาจจะต้องเจาะเลือด หรือให้หมอใช้คีมถ่างของน้องดูข้างใน ไม่รู้จะเจ็บหรือเปล่าเนี่ย"

สายสมรพยายามพูดให้ตัวเองดูน่าจะทรมาน เพื่อทำให้เธอนั้นดูเป็นผู้เสียสละ(กว่า) ในการที่จะไปตรวจร่างกายพร้อมรับคำปรึกษาปัญหามีบุตรยาก

"แล้วจะให้พี่ไปตรวจน้ำเชื้อทำไมว่ามันอ่อนหรือไม่อ่อน ค่าตรวจตั้ง 500 งั้นพี่เอาเงิน 500 นั้นไปซื้อยาบำรุงมากินเลยไม่ดีกว่าหรือ ไม่ไปหรอก มันน่าอายจะตายไป ไปสถานที่แบบนั้นเพื่อบอกคนอื่นๆว่าเราไม่มีน้ำยา รู้ถึงไหนอายถึงนั่น"

"จะไปอายใครล่ะพี่ ใครๆเขาก็ไปกัน ต้นกับตู่ยังไปเลย คู่นั้นอยากมีมานานแล้ว น้องก็อยากมีลูกกับเขาบ้างนะ ดูสิเพื่อนบางคนลูกโตจนเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว น้องก็ใกล้จะเลขสามแล้วนะยังไม่มีสักหน่อเลย"

ประโยคท้ายที่สายสมรพูดนั้นเสียงเริ่มสั่นเครือ คล้ายเหมือนกับจะมีสายน้ำตาจุกอยู่ที่คอก่อนจะไหลออกมาที่ตา สมชายเห็นท่าไม่ดีจึงยอมเออออตามภรรยาสุดที่รักที่แต่งงานกันมาเกือบจะ 10 ปีแล้ว เช้าวันนี้ทั้งคู่จึงขับรถออกมาเพื่อมายังสถานที่ๆสายสมรได้รับคำแนะนำมาจากเหล่าเพื่อนๆ

และในที่สุดสมชายก็คล่อยๆเคลื่อนรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถเล็กๆของคลินิกแห่งนี้ ตึกของคลินิกค่อนข้างจะเก่าดูวังเวงน่าสยดสยอง แต่สิ่งที่ทำให้ความน่ากลัวนั้นหายไปเพราะคนเดินเข้าออกตึกจำนวนมาก และเมื่อเดินเข้าไปในตัวตึกก็เห็นคนที่มานั่งรอตรวจเป็นจำนวนมากเช่นกัน

"พี่นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวน้องไปจองบัตรคิวก่อน"

สายสมรปล่อยให้สมชายนั่งอยู่ที่โต๊ะโซฟาคนเดียว เขาคิดว่าคงต้องใช้เวลานั่งรอนานมาก เพราะคนที่อยู่รอบๆตัวเขาก็เป็นร้อยกว่าคนแล้ว พอนั่งไปสักพักสมชายเริ่มสังเกตุสีหน้าของผู้คน เขาคิดว่าเรื่องปัญหาการมีบุตรยากมันก็เป็นสาเหตุแห่งทุกข์จริงๆ นี่แค่คลินิคเดียวยังมีคนหลายร้อยที่มาปรึกษาปัญหานี้ แล้วทั่วประเทศไทยคงจะมีคลินิคแบบนี้เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เขาคิดถึงว่าธุรกิจนี้คงมีมูลค่าหลายพันล้านบาทแน่ๆ ความจริงแล้วสมชายเป็นคนที่ยังไงก็ได้กับเรื่องนี้ มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี เขาไม่อยากฝืนธรรมชาติ

"สามีคุณสายสมรค่ะ"

เสียงเรียกจากพยาบาลดังขึ้นพร้อมกับสายสมรที่เดินมาจูงมือสมชาย ผิดคาดของสมชายที่คิดว่าต้องรออีกนานโขเพราะมีคนรอต่อคิวเกินร้อย

พยาบาลยื่นถ้วยพลาสติกมีฝาปิดที่อยู่ในถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่งให้สมชาย ซึ่งมีชื่อของสายสมรติดอยู่บนนั้น

"เดี๋ยวเชิญเดินตามขึ้นมาบนชั้นบนเลยค่ะ"

พยายาบาลเดินนำสมชายขึ้นไปบนชั้น 3 ของตึก และหยุดลงที่หน้าห้องๆหนึ่งก่อนจะเปิดประตู บรรยากาศในห้องมืดอับมีกลิ่นน้ำหอมจางๆกลิ่นที่สมชายเกลียดที่สุด

"เดี๋ยวเข้าไปในห้องนี้เลยนะคะ แล้วก็ปิดประตูล็อคห้องไว้เลยค่ะ"

พยาบาลพูดเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่าง ปล่อยให้สมชายยืนกลั้นหายใจอยู่หน้าห้อง เพราะเขาไม่อยากสูดกลิ่นน้ำหอมกลิ่นน่ารำคาญนี้ แต่สักพักเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตูล็อคลูกบิดไว้ ตอนนี้เขาต้องทำใจสูดกลิ่นน้ำหอมที่ไม่พึงประสงค์นี้เข้าไปแล้ว เพราะหน้าของสมชายเริ่มเขียว

สมชายมองไปรอบๆห้องที่บรรยากาศหน้าขนหัวลุก ผนังบางด้านสีเริ่มลอกอันเนื่องมาจากความเก่าและความชื้นของน้ำที่ซึมผ่านเนื้อปูนเข้ามา สมชายเริ่มคิดว่าเขาจะทำอย่างไรเพื่อให้น้องชายของเขาแข็งตัวขึ้นมาได้ เขาเหลือบไปเห็นกองหนังสือที่อยู่ในชั้นวาง และบนนั้นมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่เปิดรอแล้วอีกหนึ่งเครื่อง สมชายมุ่งตรงไปที่กองหนังสือเพื่อจะหาดูหนังสือปลุกใจเสือป่าสักเล่ม แต่ปรากฎว่าหนังสือแต่ละเล่มนั้นเป็นหนังสือเก่าๆขาดๆ บางเล่มบวมน้ำและมีคราบเหลืองๆติดอยู่ สมชายเลือกหยิบเล่มที่ดูสมบูรณ์ที่สุดขึ้นมา นางแบบล้วนแต่เป็นฝรั่งถ่ายแบบประเภทฮาร์ดคอร์ซึ่งสมชายไม่ชอบดู สมชายจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปเลื่อนเมาส์ที่โน๊ตบุ๊คเพื่อจะลองหาเปิดหนังผู้ใหญ่

สมชายเลื่อนดูรายชื่อหนังที่ส่วนใหญ่เป็นชื่อดาราหนัง AV ญี่ปุ่นที่คุ้นเคยบ้างไม่คุ้นบ้าง เขาเลือกเปิดดูหลายเรื่องแต่ปรากฎว่าแทบทุกเรื่องล้วนเป็นหนังเก่าหลายสิบปีแล้ว หนังหลายเรื่องก็ถ่ายทำไม่ดีไม่ปลุกอารมณ์ของเขาได้เลยแม้แต่น้อย สมชายคิดว่าที่นี่คงไม่ได้อัพเดทหนังใหม่ๆเลยตั้งแต่เปิดให้บริการมา ตอนนี้เขาตัดสินใจปิดหนังทุกเรื่องไว้และวางเมาส์ไว้ที่ตำแหน่งเดิม

สมชายทิ้งตัวลงนอนบนโซฟายาว เขาเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้คงไม่สามารถรีดน้ำเชื้อของตัวเองออกมาได้อย่างแน่นอน คงจะต้องหาคำพูดข้ออ้างอะไรสักอย่างเพื่อลงไปบอกสายสมรว่าเขาทำไม่สำเร็จ แล้วพยาบาลจะทำสีหน้าอย่างไรเมืื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาน้ำอสุจิออกมาได้ และคนอีกกว่าร้อยคนที่นั่งรอคิวอยู่ข้างล่างคงจะหัวเราะเยาะเขาที่แค่เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่สามารถทำได้ ความจริงกับแค่เรื่องการช่วยตัวเองเป็นสิ่งที่สมชายเคยทำและทำบ่อย แต่บรรยากาศของสถานที่ต่างหากที่ทำให้เขาทำไม่สำเร็จ สมชายคิดว่าจะหลับตาพักสมองสักครู่ แต่ทันใดนั้น! มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น 3 ครั้งอย่างแผ่วเบา สมชายลุกขึ้นไปเปิดประตูพร้อมดูนาฬิกาที่ข้อมือ เขาอยู่ในห้องนี้มาเกือบ 20 นาทีแล้ว

สมชายเปิดประตูก็เจอหญิงสาวผมยาวหุ่นดี หน้าตาสระสรวยน่ารักพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ชวนมองยิ่งนัก เธออยู่ในชุดลำลองขาสั้น เสื้อแขนกุดเปิดเนินอก สมชายถึงกับยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก

"ขอโทษนะคะ พอดีเห็นคุณเข้าไปนานแล้วผิดสังเกตุกลัวว่าจะมีปัญหา ฉันเลยเอาเจลหล่อลื่นมาให้ค่ะ เผื่อจะช่วยได้"

หญิงสาวผมยาวยื่นกระปุกเจลสีฟ้าใสใส่มือของสมชาย สมชายยื่นมือไปรับอย่างอัตโนมัติ อุ้งมือของเขาเผลอไปสัมผัสที่หลังมือของหญิงสาว นั่นทำให้รอยยิ้มจากทั้งคู่เผยออกมา และยิ่งกว่านั้นสมชายรู้สึกว่าร่างกายเริ่มซู่ซ่าขึ้นมาทันทีทันใด

"เอ่อ... แล้วมันใช้ทำอะไรได้บ้างครับ"

สมชายแกล้งถามคำถามโง่ๆออกไป ในใจอยากให้สาวสวยตรงหน้ามาสาธิตวิธีใช้ให้เขา และเหมือนกับคำขอในใจของสมชายจะเป็นจริงเมื่อเธอพูดอะไบางอย่างออกมา

"เดี๋ยวเราเข้าไปในห้องกันก่อนค่ะ เดี๋ยวจะบอกให้ว่าใช้อย่างไรได้บ้าง"

หญิงสาวผมยาวเดินเข้าไปในห้องทันที สมชายรีบปิดประตูพร้อมล็อคลูกบิด ความจริงแล้วสมชายก็มีหน้าตาที่หล่อเหลาอยู่พอประมาณ เขาคิดว่าเธออาจจะหลงเสน่ห์ของสมชายเข้าให้แลัว

"เดี๋ยวมานั่งที่โซฟาก่อนนะคะ เดี๋ยวเราจะเริ่มจากเบาๆก่อน"

สมชายทำตามคำสั่งของเธออย่างว่าง่าย แม้เขาจะไม่รู้ว่าเริ่มจากเบาๆนั้นคืออะไร แต่แค่มานั่งตรงนี้ก็ทำให้น้องชายของเขาเริ่มที่จะปึ๋งปั๋งขึ้นมาบ้างแล้ว

"เคยบอกทางคลินิคไปหลายทีแล้วว่าให้พยายามหาหนังใหม่ๆ หนังสือใหม่มาเปลี่ยนบ้าง แต่ไม่เห็นมีใครเคยทำอะไรสักที อย่างนี้ลูกค้าก็มีปัญหาหมด"

เธอพูดพร้อมหันหน้าไปที่ชั้นวางคอมพิวเตอร์และกองหนังสือเก่าๆ ตอนนี้สมชายไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว เขาคิดถึงแค่หญิงสาวผิวขาวผมยาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นในตอนนี้

หญิงสาวเปิดฝากระปุกและเทมันใส่มืออย่างระมัดระวัง จากนั้นเธอค่อยคลานบนโซฟาเข้ามาหาสมชาย ด้วยท่าที่ก้มตัวลงมาทำให้เสื้อที่เปิดเนินอกอยู่แล้วยิ่งเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในนั้นชัดเจนยิ่งขึ้นนัก เธอเอื้อมมือลงไปที่เป้ากางเกงของสมชายและใช้มือรูดซิบกางเกงออกมา สมชายทำหน้าระรื่น

{{{{{{{{{{เซ็นเซ่อร์}}}}}}}}}}

สมชายยืนดูดบุหรี่บริเวณหลังลานจอดรถที่มีเครื่องหมายแสดงว่าเป็นที่สูบบุหรี่  เขาพ่นควันออกมาอย่างสบายใจ สีหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความอิ่มเอมที่เขาได้รับ ก่อนหน้านี้ไม่นานสมชายเดินลงบันไดพร้อมถ้วยพลาสติกที่เต็มไปด้วยส้ำอสุจิของเขา และในตอนนี้สายสมรก็ได้เข้าไปตรวจภายในกับหมอแล้ว สมชายจึงออกมาสูบบุหรี่ข้างนอกอย่างสบายใจ

ไม่นานมีลุงภารโรงของคลินิคเดินมาสูบบุหรี่ข้างๆสมชาย

"อ้าวพ่อหนุ่ม มาตรวจสุขภาพที่นี่เหรอ"

"ใช่ครับลุง ผมมาตรวจน้ำเชื้อ และแฟนก็มาตรวจภายใน"

"อ่อ"

ลุงภารโรงอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด

"ลุงทำงานที่นี่ใช่มั้ยครับ"

"ใช่แล้ว ลุงเป็นคนดูแลตึกหลังนี้"

สมชายสูบบุหรี่เฮือกสุดท้ายของมวน จนไฟที่เผาไหม้ใบยาลามไปถึงชื่อยี่ห้อบุหรี่ตรงเหนือก้นกรอง สมชายขยี้ดับไฟจากมวนบุหรี่ในอ่างทราย

"คือว่า ผมเคยได้ยินมาว่าที่คลินิคแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่หญิงสาวสวยไว้คอยช่วยเหลือรีดน้ำเชื้อให้ สำหรับผู้ชายที่อวัยวะเพศไม่ค่อยแข็งตัว จริงหรือเปล่าครับ"

ลุงภารโรงทำหน้านิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบคำถาม

"แหม... ไม่มีหรอกพ่อหนุ่ม สถานที่แบบนี้มันจะไปมีของแบบนั้นได้อย่างไรกัน"

พูดจบลุงภารโรงก็อัดบุหรี่เข้าปอดทันทีเหมือนเขาไม่อยากจะพูดอะไรมาก เขาหวังว่าให้สมชายเลิกถามไปเอง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของสมชาย สมชายจึงถามต่อ

"แต่คนรู้จักของผมเขาเคยเจอนะ เขาเคยมาที่นี่และมีผู้หญิงผมยาวเข้ามาช่วยรีดน้ำเชื้อให้เขา และผมเคยได้ยินมาหลายครั้งด้วยนะ"

ลุงภารโรงทำท่าอึกอักๆเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดอะไร

"คลินิคของเราเป็นคลินิคที่มีใบอนุญาติ เราจะมาทำเป็นเล่นๆไปไม่ได้หรอก เพื่อนๆของพ่อหนุ่มคงจะพูดเล่นไปอย่างนั้นเองมั้ง ไม่มีหรอกผู้หญิงผมยาวอะไรนั่นน่ะ"

"แต่คนรู้จักของผมหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยนะครับ ว่าผู้หญิงผมยาว ทั้งที่พวกเขาแทบจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย"

ลุงภารโรงอัดควันบุหรี่เฮือกสุดท้ายของมวนบุหรี่เต็มแรงเข้าปอด และตอนนี้ไฟบนบุหรี่ก็ลามไปถึงชื่อยี่ห้อบุหรี่ที่อยู่เหนือก้นกรองแล้วเช่นกัน

"เอาล่ะๆ สิ่งที่ลุงจะเล่าต่อไปนี้หากพ่อหนุ่มฟังแล้วห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดนะ"

"ได้สิครับ ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดให้ใครฟังเลย"

สมชายทำท่าตื้นเต้น เมื่อกำลังจะได้รู้ความลับของโรงพยาบาล

"สิ่งที่เพื่อนๆของพ่อหนุมเล่ามานั้นเป็นเรื่องจริง นี่คือบริการเสริมของโรงพยาบาลเราจริงๆ"

"นั่นไงผมว่าแล้วว่ามันต้องเป็นเรื่องจริง แล้วทำอย่างไรผมถึงจะได้เจอเธออีก เอ่อ... ผมหมายถึงทำอย่างไรผมถึงจะได้เจอเธอ"

สมชายทำท่าเหมือนมีชัย เมื่อลุงภารโรงยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง

"ลุงว่าอย่าไปเจอเลยดีกว่า เธอคนนั้นไม่ใช่พนักงานของคลินิกเรา"

"เธอเป็นเอาท์ซอร์ทจากข้างนอกเหรอครับ"

"เปล่า เธอเป็นวิญญาณ!"

สมชายตกใจอ้าปากค้างไปแล้ว แต่ลุงภารโรงไม่ทันสังเกตุเห็น

"คือว่าคลินิกของเราทำสัญญากับดวงวิญญาณดวงนั้น ให้ช่วยจัดการเรื่องการรีดน้ำเชื่อจากลูกค้าของเราในรายที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว พ่อหนุ่มเชื่อมั้ยว่าก่อนหน้านี้เราสูญเสียรายได้ไปเดือนละล้านกว่าบาท เพราะวันๆหนึ่งมีลูกค้าที่ไม่สามารถหลั่งได้เป็นร้อยคน ทำให้ขาดรายได้วันละห้าหมื่นกว่าบาท เดือนนึงก็ล้านกว่าบาท พอมีดวงวิญญาณดวงนั้นเข้ามาช่วย คลินิคก็มีผลกำไรเพิ่มมากขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ของคลินิคๆได้รับโบนัสเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว รวมทั้งลุงด้วย"

สมชายยังทำสีหน้าตกใจสุดขีด ลุงภารโรงหันหน้ามามอง

"อ้าว นี่เธอตกใจแทนเพื่อนๆเธอหรือไงกัน"

"ปะๆ เปล่าครับ แค่ตกใจที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาด้วย เอ่อ... ผมสงสัยอีกอย่าง แล้วคลินิคนี้ใช้อะไรทำสัญญากับดวงวิญญาณดวงนั้นครับ ในเมื่อมันสร้างรายได้ให้คลินิคเดือนละเป็นล้านบาท ค่าตอบแทนต้องมีค่ามหาศาลแน่ๆเลย"

สมชายยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

"โชคดีแล้วนะที่พ่อหนุ่มไม่ได้เจอเธอ ข้อตกลงระหว่างคลินิคของเรากับดวงวิญญาณคือ เราจะยอมสังเวยชีวิตของชายหนุ่มที่เคยใช้บริการกับเธอเดือนละ 1 คน โดยให้เธอเลือกคนที่ถูกใจเธอที่สุดมาและจะตามไปเก็บดวงวิญญาณหนุ่มเคราะห์ร้ายนั้นมากักขังไว้ แต่เธอไม่ต้องห่วงเพื่อนๆเธอหรอกนะ ตัวเลือกมีเยอะ หวยมันคงไม่มาออกที่เพื่อนเธอหรอกน่า"

ลุงภารโรงพูดจบก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย แต่สมชายกลับยิ่งเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงแววตาคู่นั้นที่มองเขาด้วยความปราถนา

"แล้วมันมีทางแก้มั้ยครับสำหรับผู้ชายที่เคยเจอเธอ"

"พ่อหนุ่มดูท่าทางจะเป็นห่วงเพื่อนมากๆเลยนะ ทางแก้มันไม่มีหรอก อ้อ! เดี๋ยวลุงขอตัวก่อนนะ"

ลุงภารโรงเดินจากไปทิ้งสมชายให้ยืนขาสั่นอยุ่คนเดียว


วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สื่อโฆษณา

อนุภาพเร่งรีบแต่งตัวให้ทันเวลาทำงานในเช้านี้ เขายังรักษาเวลาได้ดีและยังเหลือเวลาอีกกว่า 10 นาทีก่อนที่อนุภาพจะต้องออกจากบ้าน หลังจากผูกเนคไทลายสวยเข้ากับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าลูกกวาดเสร็จ อนุภาพก็รีบเดินออกมานั่งยังโต๊ะทานข้าวรอเวลาที่ภรรยาของเขาจะยกจานอาหารเช้ามาวาง

"ที่รักจ้ะ ตอนนี้ข่าวหมีแพนด้าออกลูกไปถึงไหนแล้ว?"

"ไม่รู้สิพี่ ไม่ได้ดูข่าวเลย ลองเปิดทีวีดูข่าวเช้าสิ"

อนุภาพกดรีโมทเปิดช่องโทรทัศน์เพื่อหวังจะดูข่าวเกี่ยวกับสัตว์ที่กำลังเป็นกระแสมาหลายปีแล้ว และเขาก็ชื่นชอบมันด้วย

'และในช่วงถัดไปครับท่านผู้ชม สำหรับผู้ที่เป็นแฟนพันธ์แท้หมีแพนด้า เรามีรายงานสุขภาพของแม่หมีมาให้ท่านรับชม เดี๋ยวไว้ช่วงหน้าเรามารับชมกันครับ'

เสียงโทรทัศน์จากพิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดังพูดตัดเข้าสปอตโฆษณา อนุภาพทำท่าโล่งใจเพราะข่าวที่เขากำลังติดตามกำลังจะถูกนำเสนอ

'หากแสงแดดกำลังทำร้ายผิวคุณ ปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วยครีมxxx ผิวที่เคยคล้ำหมองเปลี่ยนเป็นกระจ่างใสได้ภายใน 3 สัปดาห์ เปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ เพิ่มเสน่ห์ในตัวคุณจนคนข้างหลังเหลียวมอง' ภาพยนตร์โฆษณาแสดงภาพหญิงสาวเดินฝ่าแสงแดดแรง เธอก้มดูผิวที่แขนและทำท่ากลุ้มใจกับสีผิวที่ดำคล้ำ ตัดมาที่ภาพเธอคนนั้นค่อยๆชะโลมเนื้อครีมลงบนผิวกาย ทันใดนั้นสีผิวเธอสว่างขึ้นทั้งตัวราวกับใช้เวทย์มนต์

ภรรยาของอนุภาพนำจานอาหารเช้ามาวางที่โต๊ะ อนุภาพตักกินอาหารบนจานอย่างเร่งรีบเพื่อรักษาเวลาที่ต้องออกจากบ้านไปทำงาน

'กลิ่นปากตอนเช้าเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเจอ ใหม่ยาสีฟันyyyช่วยลดกลิ่นปากยามเช้า' ภาพอะนิเมชั่นแสดงเชื้อแบคทีเรียก่อตัวขึ้นในปาก ยามที่คนหลับใหล ตัดมาที่ภาพของคนที่ใช้ยาสีฟันยี่ห้อที่กำลังพูดถึง มีเชื้อแบคทีเรียก่อตัวขึ้นน้อยมาก สุดท้ายเป็นภาพชายหนุ่มตื่นนอนขึ้นพร้อมบอกทักทายฝ่ายหญิงที่ตื่นมาพร้อมกัน พวกเขายิ้มแย้มเมื่อพูดคุยกันตอนตื่นนอน

'เพิ่มความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ด้วยการบอกรักยามเช้า' คำโฆษณาปิดท้าย

'คุณได้ทำอะไรเพื่อโลกใบนี้หรือยัง คุณสามารถเริ่มต้นง่ายๆด้วยการหันมาใช้รถยนต์ไฮบริดจ์ ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ รถzzzไฮบริดจ์ใหม่' ภาพโฆษณาแสดงรถยนต์คันใหญ่ที่แล่นไปบนท้องถนน ไม่ว่ารถคันนั้นจะแล่นผ่านไปทางไหนก็จะมีกราฟฟิคภาพต้นไม้โผล่ขึ้นมาเหมือนมีเวทย์มนต์ 'รักโลกใบนี้ แนนเริ่มแล้ว แล้วคุณเริ่มรึยังคะ'

'ปอนด์มีปัญหาผมร่วงผมหยาบ ขาดน้ำหนักชี้ฟูจนเพื่อนๆทัก ช่วงนั้นหนักใจมากจนทำให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้น จนได้มาใช้แชมพูiii ปัญหาที่ผมเคยร่วงและหยาบหายไป กลับกลายเป็นผมนุ่มลื่นมีชีวิตชีวา จนตอนนี้ใครๆก็มาทักว่าไปทำอะไรกับผมมา' ภาพโฆษณาแสดงดาราหญิงสาวชื่อดังผมยาว ที่ตอนแรกผมของเธอชี้ฟูกระเซอะกระเซิง แต่แค่เธอบอกว่าได้เริ่มใช้แชมพูยี่ห้อนี้แล้ว ผมของเธอเปลี่ยนเป็นเส้นตรงมันวาวราวกับใช้เวทย์มนต์สะกด ในตอนท้ายดาราสาวชื่อดังเธอพูดสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเธอใช้แชมพูราคาไม่แพงยี่ห้อนี้เป็นประจำ จนทำให้ผมเธอนั้นดูเงางามเทียบเท่ากับใช้ผลิตภัณฑ์ราคาแพง

'มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก ด้วยอาหารเช้าjjjทุกวันสิคะ เพียงแค่เติมน้ำร้อนแล้วทิ้งไว้ 3 นาที อาหารที่จะทำให้คุณอิ่มท้องรวมถึงคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน แค่นี้ก็จะทำให้คุณพร้อมรับวันใหม่ในทุกๆเช้า' ภาพโฆษณาแสดงภาพแม่บ้านสาวในชุดทำงานฉีกซองอาหารเช้า จากนั้นเธอรินน้ำร้อนลงไปและปิดฝา ต่อมาภาพพ่อแม่ลูกนั่งล้อมวงกินอาหารซองกันดูมีความสุข ฝ่ายลูกทำท่าเอร็ดอร่อยกับอาหารสำเร็จรูปนั้นเหมือนกับมันเป็นเมนูอาหารราคาแพงจากภัตตาคารหรู

'ป้าแก่แล้ว เจ็บป่วยโรคภัยไข้เจ็บมันเยอะ อุบัติเหตุก็เกิดบ่อย เข้าโรงบาลหลายครั้งก็มีค่าใช้จ่าย' ภาพโฆษณาแสดงภาพหญิงชราจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลด้วยเงินสด 'ไม่อยากไปรบกวนลูกเค้าหรอก ภาระเค้าเยอะ' ภาพตัดมาที่หญิงสาวเดินหิ้วลูกไปมา จากนั้นดาราพิธีกรชายชื่อดังปรากฏขึ้นมาในโฆษณาพร้อมอธิบาย

'ประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุkkk เริ่มต้นเพียงวันละ 8 บาทก็คุ้มครองได้สูงสุด 2 แสนบาท ทำเถอะครับเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่คุณรัก ประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุจากบริษัทkkk'

'ลุ้นเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นกับดารายอดนิยม เพียงคุณส่งรหัสใต้ฝามาทาง sms ที่เบอร์ *?????????? คุณก็จะได้รับ 1 สิทธ์ในการลุ้นเที่ยวฟรีกินฟรีกับดาราที่คุณชื่นชอบ ยิ่งส่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก' ภาพโฆษณาแสดงดาราชายชื่อดังเดินทางไปเที่ยวเมืองญี่ปุ่น 'และยังลุ้นของรางวัลรวมอีกมากมายมูลค่ารวมกว่า 20 ล้าน' ภาพแสดงของรางวัลซึ่งมีรถมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถือและโทรทัศน์ 'รีบๆหน่อยนะครับ เครื่องดื่มชาเขียวlll'

'70 เปอร์เซ็นของร่างกายมนุษย์คือน้ำ' ภาพโฆษณาแสดงสายน้ำที่ไหลตามธรรมชาติไปมา หมูมวลต้นไม้ทำเป็นได้รับความชุ่มชื้นเมื่อสายน้ำไหลผ่าน จากนั้นภาพเปลี่ยนเป็นเส้นทางคล้ายอวัยวะภายในของร่างกายมนุษย์ สายน้ำวิ่งไปตามทางให้ความชุ่มชื้น 'สุขภาพดีเริ่มจากภายใน ดื่มน้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มตราmmm'

ภาพโฆษณาแสดงชายหนุ่มทำงานหนัก เขาช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังเดือดร้อน เล่นกีฬาหนักๆ มีสายตาผู้หญิงจ้องมองด้วยความชื่นชม 'บ่งบอกความเป็นผู้ชายให้โลกรู้ เครื่องดื่มnnn'

หญิงสาวในโฆษณามองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เธอกำลังคิดถึงชายหนุ่มที่เพิ่งจะเจอกัน ก่อนหน้านี้เธอและเขาคบกันอย่างมีความสุข ทั้งคู่นั่งกินอาหารเช้าและมีถ้วยกาแฟ ทั้งคู่จิบกาแฟ ภาพในอดีตทำให้หญิงสาวร้องไห้ ในอีกมุมหนึ่งของชายหนุ่มที่เคยมีอดีตร่วมกันกับหญิงสาว เขานึกถึงภาพและกลิ่นกาแฟถ้วยนั้น ชายหนุ่มตัดสินใจทิ้งอนาคตที่กำลังจะก้าวไปเพื่อหวนกลับไปหาหญิงสาว และกาแฟถ้วยนั้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่บ้านของหญิงสาว ชายหนุ่มกลับมาหาเธอ ท้ายสุดทั้งคู่กลับมานั่งดื่มกาแฟด้วยกันอีกครั้ง คำบรรยายโฆษณาในตอนท้ายเขียนไว้ว่า 'กาแฟaaa รสชาติที่คุณคุ้นเคย'

หลังจากจบโฆษณากาแฟ อนุภาพก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ เขาคิดว่าคงจะไม่ได้ดูข่าวนั้นแล้วเพราะตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นเขาจะไปทำงานสาย แต่ทันใดนั้นภาพในจอโทรทัศน์ตัดเข้ารายการข่าวเช้า ไตเติ้ลและเสียงเพลงของรายการดังขึ้น อนุภาพคิดว่าขอออกบ้านช้าสัก 1 นาทีก็คงไม่น่าจะมีปัญหา

'ช่วงข่าวเข้าสนับสนุนโดย ยาบำรุงโลหิตตราหมอbbb'

ภาพในโทรทัศน์ตัดไปที่โลโก้ของยา และค้างมันไว้สักพัก

'รถยนต์ยี่ห้อccc โฉบเฉี่ยวไปกับเส้นทางของคุณ'

โลโก้ในโทรทัศน์เปลี่ยนเป็นโลโก้ของรถยนต์

'กาแฟสมุนไพรตรา...'

อนุภาพกดรีโมทปิดโทรทัศน์ทันทีโดยไม่รอฟังว่ากาแฟสมุนไพรนั้นจะใช้ชื่อยี่ห้ออะไร เขารู้สึกหงุดหงิดกับโฆษณาคั่นรายการที่ยาวนานเหลือเกิน และข่าวเกี่ยวกับสัตว์ที่เขาสนใจนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องกันเลย อนุภาพคว้ากุญแจรถและรีบเปิดประตูออกจากบ้านไป โดยที่ไม่ลืมจะบอกลาภรรยาของเขาก่อนออกจากบ้าน

อนุภาพขับรถขึ้นทางด่วนเพื่อตรงเข้าไปยังใจกลางเมือง ออฟฟิศของเขาตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจ นั่นจึงทำให้ทุกเช้าอนุภาพต้องฝ่าคลื่นการจราจรแบบนี้ทุกวัน และในวันนี้การจราจรบนทางด่วนก็เหมือนกับทุกๆวัน รถก็ไหลไปเรื่อยๆ จอดบ้างไหลบ้างจนทำให้อนุภาพเริ่มเบื่อ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ข้างทางด่วน

'สายการบินราคาประหยัด แต่คุณภาพและบริการระดับ World class'

นั่นคือข้อความโฆษณาบนแผ่นป้ายของสายการบินราคาถูก ภาพชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานแลดูฉลาดแต่งตัวด้วยชุดนักบิน ข้างๆมีหญิงสาวผมยาวหน้าตาสระสรวยแต่งชุดแอร์โฮสเตส ภาพพื้นหลังเป็นเครื่องบินขนาดกลาง และใต้ภาพมีข้อความโฆษณาปิดท้ายว่า

'สายการบินที่ใครๆก็บินได้ และใครๆก็เลือกบิน สายการบินxyz'

'หมู่บ้านijk บ้านหรูใจกลางเมืองที่พร้อมจะให้คุณเป็นเจ้าของ ด้วยผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 2x,xxx บาท สิ่งอำนวยความสะดวกระดับ Luxury ที่จะให้คุณได้ใช้ชีวิตหรูหราในแบบที่คุณเป็น' แผ่นป้ายแสดงภาพบ้านหรู ผู้คนในภาพนั้นยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข เบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อโครงการเป็นเลขตองเพื่อให้ง่ายในการจดจำ รถเคลื่อนตัวเชื่องช้าพอที่จะให้อนุภาพอ่านข้อความบนแผ่นป้ายได้ทุกตัวอักษร และประโยคสุดท้ายบนป้ายนั้นเขียนไว้ว่า

'เลือกใช้ชีวิตในแบบที่คุณเป็น อยู่บ้านในแบบที่คุณเลือก'

'ออกรถกระบะlmnวันนี้ รับข้อเสนอดาวน์ต่ำเพียง 3x,xxx บาท* หรือผ่อนราคาต่ำสุดเพียงเดือนละ 3,xxx บาท**' ภาพบนแผ่นป้ายแสดงดาราหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างรถกระบะคันใหญ่ อนุภาพสังเกตเห็นดอกจันอยู่ใกล้กับตัวเลขในข้อความ เขาพยายามมองหาคำอธิบายของดอกจันว่าอยู่ที่ไหนบนแผ่นป้าย

เขาเจอตำแหน่งของคำอธิบายนั้นแล้วมันอยู่ด้านล่างสุดของป้ายนั่นเอง แต่ตัวอักษรคำอธิบายนั้นเล็กมากจนอนุภาพอ่านไม่ออก มีแต่เพียงเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์เด่นหรา

'เครื่องดื่มบำรุงสมองยี่ห้อabc มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมอง มีส่วนผสมของวิตามินบี 1 ถึงบี 12 มีส่วนช่วยให้การทำงานของสมองให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ' แผ่นป้ายโฆษณามีภาพของหนุ่มสาวในชุดนักศึกษายืนเรียงกัน บางคนมีหมวกและเครื่องมือแพทย์ บางคนใส่หมวกคล้ายวิศวกร และอีกหลายๆคนแต่งชุดคล้ายอาชีพที่มาจากคณะยอดนิยมในมหาลัย

ภาพเบื้องหน้าของเหล่านักศึกษา เป็นภาพเด็กสาวกำลังยกดื่มเครื่องดื่มบำรุงสมองยี่ห้อabc ข้างตัวเธอมีหนังสือกองทับกันหลายเล่ม เหมือนกับว่าเธอกำลังจะอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัย

'เพราะพลังงานคือแรงขับเคลื่อนเมืองไทย พวกเราจึงออกแสวงหาแหล่งพลังงานจากทั่วโลก' โลโก้บริษัทพลังงานdefเด่นหราบนแผ่นป้าย พร้อมกลุ่มคนแต่งตัวคล้ายวิศวะกรพลังงานกำลังวางแผนดูดซับและกักเก็บพลังงานจากทั่วทุกมุมโลกมาเป็นของตัวเอง 'เพื่อความยั่งยืนทางพลังงานของไทยทุกคน'

'ลงทุนอย่างชาญฉลาด เลือกกองทุนหุ้นผสมจากธนาคารghi ลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า' แผ่นป้ายแสดงชายหนุ่มในชุดพนักงานออฟฟิศยืนมองไปบนท้องฟ้า ข้างๆมีคู่ชายหญิงชรายืนยิ้ม 'เพื่ออนาคตที่มั่นคงแม้ยามแก่ชรา อย่ารอช้า เริ่มต้นความมั่นคงกับกองทุนหุ้นผสมจากธนาคารghi'

อนุภาพเห็นคำอธิบายเล็กๆตรงด้านล่างแผ่นป้ายโฆษณานี้ แต่เขาอ่านมันไม่ออก อนุภาพคิดว่ามันน่าจะเขียนว่า 'การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน'

'นิตยาสารjkl นิตยาสารสำหรับคุณผู้ชาย ครบถ้วนด้วยเนื้อหาที่ผู้ชายอยากรู้และต้องรู้' ภาพหญิงสาวในชุดนุ่งน้อยทำสายตาเย้ายวนอารมณ์ ยืนถือปกนิตยาสารที่มีชายหนุ่มถอดเสื้อถูกห้อมล้อมด้วยหญิงสาวนับสิบในชุดว่ายน้ำอยู่ในนั้น

'ถ้าไม่อยากเฉิ่ม เริ่มอ่านนิตยาสารjklด่วน!' อนุภาพมองภาพหญิงสาวในแผ่นป้ายโฆษณานี้ เขาเคลิบเคลิ้มกับใบหน้าที่เซ็กซี่และเนินเนื้อที่ถูกปกปิดด้วยผ้าชิ้นน้อย

'ลดน้ำหนักอย่างถาวรกับสถาบันลดน้ำหนักmno' ป้ายโฆษณาแสดงภาพดาราสาวที่ผอมเพียวบางเหมือนหุ่นนางแบบยืนโพสท์ท่าในชุดราตรีครึ่งตัว 'ด้วยวิทยาการแห่งการลดน้ำหนักจากประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจึงมั่นใจถึงความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงนุ้ยพิสูจน์แล้วค่ะ'

อนุภาพคุ้นหน้าทันทีสำหรับพรีเซ็นเตอร์สาวบนแผ่นป้ายโฆษณา ที่ในอดีตตอนเข้าวงการใหม่ๆนั้นตัวเธออ้วนฉุ แต่ตอนนี้เธอมีหุ่นทรวดทรงในอุดมคติของสังคมไทย ตอนนี้เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับภาพและข้อความบนแผ่นป้ายโฆษณายักษ์ที่ตั้งอยู่ข้างทางด่วนแล้ว เพราะเขาเห็นมันทุกวันและอ่านมันทุกวัน ด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆทำให้จุดพักสายตาของอนุภาพมักจะไปตกอยู่ที่ตำแหน่งป้ายพอดี อนุภาพเลื่อนมือไปกดปุ่มเปิดฟังเครื่องรับวิทยุในรถยนต์ เขาหวังว่าเสียงเพลงคงจะช่วยจรรโลงจิตใจของเขาได้บ้าง แต่อนุภาพคิดผิด

'สำหรับช่วงนี้ครับเป็นช่วงกิจกรรมดียามเช้ากับค่ายโทรศัพท์xxyy เราจะให้ท่านผู้ฟังสามารถเข้ามาร่วมสนุกกับเรา โดยการส่ง sms มาที่เบอร์ 123456 ในหัวข้อ บอกรักอย่างไรในวันวาเลนไทน์ สำหรับข้อความไหนที่โดน เราแจกไปเลยค่ะ บัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือxxyy มูลค่า 300 บาท  อ้าว! มีผู้ร่วมสนุกส่งข้อความมาแล้วค่ะ ข้อความนี้เขียนไว้ว่า...' อนุภาพกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นทันที

เสียงเพลงป๊อปบรรเลงเคล้าเสียงร้องของนักร้องสาววัยรุ่นขับกล่อมยามเช้า อนุภาพตั้งใจฟังท่อนเพลงฮิตที่คุ้นเคย แต่ทว่าเพลงดำเนินมาถึงช่วงท้ายๆแล้วและยังไม่ทันที่จะจบเพลงดี เสียงดีเจสาวใหญ่ก็พูดแทรก

'จบไปแล้วนะคะ สำหรับเพลงรักสุดซึ้งที่เปิดให้ฟังก่อนเริ่มต้นวันทำงาน ตอนนี้เราไปรับฟังผู้สนับสนุนรายการก่อนค่ะ แล้วช่วงหน้ากลับมาฟังเพลงเพราะๆกันใหม่' ดีเจสาวใหญ่ตัดเข้าสปอตโฆษณา

'เบื่อไหม กับการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ คนเดิมๆ สถานที่เดิมๆ อาหารมื้อเดิมๆ เพลงเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ ทางเดิมๆ เริ่มเปลี่ยนชีวิตหาความแปลกใหม่ เริ่มที่ตัวคุณก่อน ใหม่! เครื่องสำอางaabb เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ให้ชีวิตคุณไม่ซ้ำซากจำเจ เครื่องสำอางaabb'

'วันแห่งความรัก โอกาสดีที่จะมอบสิ่งดีๆให้กับคนที่คุณรัก มอบccddรังนกแท้ 100 เปอร์เซ็นให้กับคนที่คุณรักในวันวาเลนไทน์ คุณค่าแห่งรักแท้อยู่ที่การให้ มอบรักแท้ มอบccddรังนกให้คนรักของคุณ'

'ด่วน! สำหรับผู้ที่กำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาลัย ช่วงเตรียมพร้อมเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ให้เราช่วยเตรียมพร้อมให้คุณ กับสถาบันกวดวิชาeeff เรามีติวเตอร์ชื่อดังที่พร้อมจะมอบความมั่นใจให้กับนักเรียนทุกคน หากอยากเลือกจะประสบความสำเร็จ เลือกเรานะคะ สถาบันกวดวิชาeeff'

'ยาหม่องตรา...' อนุภาพกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นอีกครั้ง

'เท่สุดๆ กับมอเตอร์ไซค์gghh...' ปุ่มเดิมถูกกดอีกครั้ง

'ผู้สนับสนุนรายการของเราค่ะ ขอขอบคุณยาแก้หวัดiijj ให้เราดูแลคุณตลอดไป ขอขอบคุณกาแฟผงปรุงสำเร็จkkll รสชาติแท้กาแฟโบราญ และ...' อนุภาพกดปุ่มอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเลือกที่จะกดปุ่มปิดเครื่อง อนุภาพเลือกที่จะนั่งเงียบๆอยู่ในรถ และใช้สมาธิทั้งหมดกับการขับรถให้เคลื่อนไปข้างหน้า

ในที่สุดอนุภาพก็มาถึงออฟฟิศก่อนเวลาเข้างาน เขาหิ้วกระเป๋าเอกสารสำคัญไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน จากนั้นอนุภาพเดินตรงไปที่โต๊ะชงกาแฟเพื่อชงกาแฟดื่ม เขาเจอหัวหน้าของเขากำลังยกถ้วยกาแฟดื่ม

"สวัสดีครับบอส"

"อ้าวคุณอนุภาพ ว่ายังไง พร้อมหรือยังบ่ายนี้ที่จะไปเสนองานให้ลูกค้า"

"พร้อมนานแล้วครับเจ้านาย เอกสารทุกอย่างผมเตรียมไว้หมดแล้ว หัวหน้าอยากตรวจเอกสารก่อนมั้ยครับ"

"เสียเวลาน่า งานของคุณอนุภาพเชื่อถือได้อยู่แล้ว ช่วงเช้าไม่มีอะไรงั้นเดี๋ยวคุณอนุภาพก็ตรวจทานเอกสารให้พร้อมแล้วกันนะ แล้วเที่ยงๆก็ค่อยออกไปพบลูกค้า"

"ได้ครับหัวหน้า"

พูดเสร็จอนุภาพเดินเข้าไปชงกาแฟและหยิบถ้วยไปนั่งดื่มที่โต๊ะ เขายังติดใจเรื่องข่าวหมีแพนด้าที่ยังไม่รู้เรื่อง อนุภาพเปิดโปรแกรมเว็บบร๊าวเซอร์และค้นหาข่าวเรื่องหมีแพนด้าคลอดลูกจากเซิร์ซเอ็นจิ้น ผลการค้นหาอันดับแรกๆจะเป็นเว็บวาไรตี้ ไม่ใช่เว็บข่าว แต่อนุภาพไม่สนใจเขาคลิ๊กเข้าไปในเว็บผลการค้นหาอันดับแรก

อนุภาพพยายามเลื่อนหน้าจอลงมา เพราะหน้าเว็บไซต์ส่วนหัวนั้นเต็มไปด้วยแบนเนอร์โฆษณาเต็มไปหมด เขาพยายามหมุนลูกกลิ้งบนเมาส์ แต่หมุนเร็วเท่าไหร่หน้าจอเว็บไซท์ก็ยังเลื่อนลงมาไม่ถึงเนื้อหาสักที มีแต่โฆษณาเต็มไปหมด อนุภาพรู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว เขาปิดแท็บหน้าเว็บไซต์นั้น และเปิดเว็บไซต์ถัดไปจากอันดับผลการค้นหาจากเซิร์ซเอ็นจิ้น อนุภาพเปิดอีก 4 เว็บ และ 4 เว็บนั้นก็เต็มไปด้วยโฆษณาแบนเนอร์เต็มหน้าเว็บไซต์ อนุภาพปิดเว็บไซต์ทั้ง 4 ทันทีจนมาถึงเว็บไซต์ที่ 5 เขารู้สึกว่าเว็บไซต์นี้ดูโล่งดี ปราศจากแบนเนอร์ที่น่ารำคาญ และเนื้อหาข่าวสารก็มองเห็นได้โดยไม่ต้องเลื่อนหน้าจอลงมาแต่อย่างใด

แม้เว็บไซต์นี้จะไม่มีแบนเนอร์รูปภาพที่รกรุงรัง แต่เว็บไซต์นี้มีโฆษณาของ google adsense ซึ่งจะมีลักษณะเป็นข้อความบรรยายเนื้อหาโฆษณาและมีลิงค์ของเว็บไซต์ การติดโฆษณาแบบนี้ไม่ทำให้หน้าเว็บรกรุงรัง เพราะมีการจัดเรียงอย่างเหมาะสม ใช้รูปแบบตัวอักษรที่กลมกลืนกับอักษรอื่นบนหน้าเว็บไซต์ทำให้ดูโปร่งโล่งสบายสายตา และสิ่งสำคัญอีกประการสำหรับการโฆษณาของ google adsense ที่ทำให้เนื้อหาโฆษณาน่าสนใจ คือระบบที่จะใช้บันทึกการใช้งานของเจ้าของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ว่าเจ้าของมีความสนใจเกี่ยวกับอะไร มักจะเข้าเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับอะไร google จะเลือกคัดสรรเนื้อหาโฆษณาที่น่าจะอยู่ในความสนใจของเจ้าของเครื่องมาแสดง จึงทำให้โฆษณาทุกตัวที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้เป็นเนื้อหาที่อนุภาพสนใจ นี่จึงเป็นการโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ไม่ใช่การโฆษณาแบบหว่านแห

อนุภาพมีความสนใจในเรื่องการแต่งรถ โดยปกติเขามักจะเข้าเว็บไซต์เกี่ยวการแต่งรถยนต์ โฆษณา google adsense จึงดึงโฆษณาเกี่ยวกับยานยนต์มาแสดงบนหน้าเว็บ นั่นจึงทำให้สายตาของอนุภาพถูกดึงดูดไปที่โฆษณาแทน แม้เนื้อหาของข่าวหมีแพนด้าอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจข่าวเลย อนุภาพมุ่งแต่จะคลิ๊กที่โฆษณาเพื่อไปยังเว็บไซต์ที่เขาสนใจ

รูปภาพมากมายและรายการอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ แสดงออกมาทางเว็บไซต์ที่อนุภาพเข้าไปดู จนในที่สุดอนุภาพก็สั่งซื้อของผ่านเว็บไซต์นี้ไป 7 หมื่นกว่าบาท เขายังใช้เวลาอีกกว่าชั่วในการดูเว็บไซต์นั้น อนุภาพเห็นโทรศัพท์ของเขามี sms เข้า ปรากฏว่า sms นั้นคือข้อความเตือนจากธนาคารว่าเขามีการใช้จ่ายผ่านบัตรไปแล้วกว่า 7 หมื่นบาท อนุภาพตกใจกับจำนวนเงินที่มากขนาดนี้ เขาไม่ได้กังวลว่าจำนวนเงินที่มากถึง 7 หมื่นที่จ่ายไป แต่เขานึกไม่ถึงว่าเขาจะจ่ายเงินไปถึง 7 หมื่นบาทโดยซื้อสินค้าไป 10 กว่าชิ้นในเวลาไม่ถึง 10 นาที และยิ่งกว่านั้น อนุภาพไม่ทันรู้ตัวหรือได้ยับยั้งชั่งใจใดๆเลยเวลาที่เขาเลือกซื้อสินค้าแต่ละชิ้น

อนุภาพนั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอมาตั้งแต่ตอนเช้า นับตั้งแต่เขาเปิดโทรทัศน์เพื่อดูข่าวยามเช้าจนถึงตอนนี้ ที่อนุภาพเลือกจะจ่ายเงินออกจากกระเป๋าอย่างง่ายดายโดยที่เขาเห็นข้อความให้ไปยังเว็บไซต์ที่เขาสนใจ ทั้งๆที่ตั้งแต่เช้าอนุภาพเห็นสื่อโฆษณาผ่านตามาหลายสิบแล้ว แต่สื่อเหล่านั้นไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจหรือโน้มน้าวให้อนุภาพคล้อยตามได้เลย

อนุภาพคิดได้ดังนั้น เขาหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาวางบนโต๊ะและรื้อเอกสารในนั้นออกมา อนุภาพสร้างเอกสารชุดใหม่โดยใช้เวลาที่เหลืออีกกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อเอกสารชุดใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจับเอกสารทั้งสองชุดใส่ลงไปในกระเป๋า จากนั้นจึงนั้นจึงเก็บข้าวของออกจากออฟฟิศไปพบลูกค้า

เวลาบ่ายโมงตรงหลังจากที่อนุภาพแวะกินข้าวก่อนแล้ว เขาเดินทางไปยังออฟฟิศของลูกค้าเพื่อมาพบกับคนที่เขานัดไว้

"สวัสดีครับ พอดีผมมีนัดกับคุณอดุลย์ตอนบ่ายโมงนี้ครับ"

อนุภาพพูดพลางมองไปที่นาฬิกาข้อมือของเขาซึ่งบอกเวลาอีก 5 นาทีจะบ่ายโมง

"ค่ะ ใช่คุณอนุภาพจากบริษัทนีโอ แอดเวอไทซิ่งมีเดียใช่มั้ยคะ คุณอดุลย์รออยู่ในห้องแล้วค่ะ เชิญในห้องได้เลยค่ะ"

พนักงานสาวผายมือไปที่ห้องที่ล้อมรอบด้วยบานกระจกใส อนุภาพมองเห็นอดุลย์ยืนในนั้น เขาเดินไปที่ห้องทำงานของอดุพลย์โดยไม่ลืมที่จะขอบคุณพนักงานสาว

"สวัสดีครับคุณอดุลย์"

"สวัสดีครับคุณอนุภาพ เอาเอกสารขึ้นมาดูเลยครับ"

"นี่ครับเอกสาร นี่คือช่องทางที่เราจะช่วยนำสื่อโฆษณาของบริษัทคุณอดุลย์ไปเผยแพร่ ช่วงรายการทางช่องทีวีเราก็มีช่วงเวลาที่เราซื้อไว้แล้ว หรือจะเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ใกล้ทางด่วน ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสถานีวิทยุเราก็สามารถจัดให้ได้ คุณอดุลย์ลองดูเอกสารก่อน"

อนุภาพยื่นแฟ้มเอกสารให้กับอดุลย์ เพื่อเสนอราคา

"ดีครับ ตกลงผมจะซื้อทั้ง 3 ช่องทางเลย ทั้งทีวี ป้ายข้างทางด่วนและทางวิทยุ"

อดุลย์อ่านข้อเสนอทั้งหมดจากเอกสาร เขาพึงพอใจกับราคาที่ได้รับมา

"แต่เดี๋ยวก่อนครับคุณอดุลย์"

"มีอะไรอีกหรือครับคุณอนุภาพ"

"คือว่าผมเพิ่งจะเกิดไอเดียใหม่ขึ้นมา ความจริงมันก็ไม่ใหม่เท่าไหร่หรอก คุณอดุลย์ลองคิดดูสิว่ารูปแบบการโฆษณาที่ผมเสนอไปนั้นมันเป็นการโฆษณาแบบหว่านแห การซื้อช่วงเวลาโฆษณาตามช่องรายการทีวีแม้ผู้ที่เห็นมันเกือบค่อนประเทศ แต่มันก็ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเราสักเท่าไหร่ ไหนช่องรายการจะมีให้ดูหลากหลาย ไหนจะช่วงเวลาที่คนจะมาดูโฆษณาเราอีก แล้วคนที่ดูโฆษณาของเราจะสนใจสินค้าของเรากันสักกี่คน"

อนุภาพอธิบายแนวความคิดใหม่ของเขาให้ลูกค้าฟัง ท่าทางของอดุลย์ยังคงสับสนอยู่เล็กน้อยว่าอนุภาพต้องการจะบอกอะไร แต่อดุลย์ก็ยังเก็บคำถามนั้นไว้ในใจ

"เวลาที่เราดูโฆษณาในทีวีคั่นรายการโปรดของเรา แล้วโฆษณานั้นยังยาวนานต่อเนื่องโดยที่เราได้แต่จ้องดูรายการสินค้าที่เราไม่สนใจ นั่นคือสื่อที่สื่อให้กับผู้รับสื่ออย่างเปล่าประโยชน์ใช่มั้ย ถึงแม้จะมีผู้รับสื่อบางคนที่เป็นเป้าหมายของสินค้า แต่ผู้ที่ไม่ใช่เป้าหมายอีกหลายคนนั้นผมถือว่าเป็นการโฆษณาที่ไร้ประโยชน์"

"ก็ถูกของคุณนะคุณอนุภาพ แล้วมันมีวิธีไหนที่จะส่งสื่อของเราไปยังเป้าหมายได้"

"ความจริงแล้วในชีวิตประจำวันของเรามีพื้นที่อีกมากมายที่สายตาของเราจะจ้องมอง หากเราจับจองพื้นที่เหล่านั้นได้เราก็มีโอกาสที่จะเผยแพร่สื่อโฆษณาของเราได้ "

"แต่เท่าที่ผมจะนึกออก ไม่ว่าเราจะหันซ้ายแลขวาไปทางไหน เราก็เจอแต่โฆษณาเต็มไปหมด แค่ออกจากบ้านเดินข้างถนนก็เจอป้ายโฆษณา แล้วมันยังพอจะมีที่ว่างที่ไหนอีก"

อนุภาพขยับปมเนคไทที่คอเสื้อของเขา เพื่อเตรียมพร้อมบรรยายแนวคิดใหม่

"เราจะใช้พื้นที่บนตัวผลิตภัณฑ์ในการเผยแพร่สื่อโฆษณา"

อดุลย์ทำสีหน้างงงวยใส่อนุภาพ อนุภาพจึงรีบอธิบายต่อ

"เวลาที่เรามองหาผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่าง แน่นอนเราต้องจ้องมองดูที่ฉลาก พื้นที่ตำแหน่งนั้นเราจะเอาโฆษณาของเราไปติด และวิธีการนี้นี่เองที่เราจะสามารถเจาะจงกลุ่มเป้าหมายของผู้รับสื่อโฆษณาของเราได้ว่าจะให้เป็นใคร"

อดุลย์ตั้งใจฟัง อนุภาพจึงอธิบายต่อ

"เช่นฉลากบนกล่องผงซักฟอก แน่นอนที่จะต้องเป็นแม่บ้านที่จะมาจ้องมองบนฉลาก ดังนั้นเราจึงสามารถเอาโฆษณาที่น่าจะมีกลุ่มแม่บ้านเป็นเป้าหมายไปติดไว้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นน้ำยาถูพื้น น้ำยาขัดห้องน้ำ"

"ผมเริ่มจะมองภาพออกแล้ว แล้วถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ของผมล่ะ ควรจะเอาไปติดอยู่บนฉลากของผลิตภัณฑ์อะไรดี"

อดุลย์หยิบขวดน้ำปลาขึ้นมาให้อนุภาพดู

"สำหรับโฆษณาน้ำปลานั้น เราสามารถเอาชื่อยี่ห้อและคำบรรยายสรรพคุณของน้ำปลา ไปติดไว้ที่ฉลากของผลิตภัณฑ์ที่เป็นของกิน หรือเครื่องปรุงชนิดอื่นๆได้ เช่นปลากระป๋อง พริกไทย ข้าวสารและอีกสารพัด คิดดูสิโฆษณาของคุณจะเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของเขา ไม่ว่าจะตื่นนอนไปแปรงฟันก็จะเห็นโฆษณาบนฉลากยาสีฟัน เวลากินข้าวก็่โฆษณาบนโต๊ะอาหาร เวลาทำงานหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มก็จะมองเห็นโฆษณาอีก หรือไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีโฆษณาติดตามตัวในของใช้ในชีวิตประจำวัน"

คำอธิบายจากอนุภาพนิ่งเงียบ อดุลย์กลืนน้ำลาย 1 ครั้งก่อนจะใช้นิ้วชี้ขยับแว่นสายตาบริเวณสันจมูกของเขา จากนั้นก็พูด

"สำหรับแนวคิดนี้น่าสนใจดีนะครับ แต่ผมว่าการโฆษณาแบบนั้นมันค่อนข้างจะลุกล้ำเข้าไปในชีวิตส่วนตัวของผู้บริโภคมากไปหน่อย ใช่! ถึงแม้ว่าการโฆษณาที่เราทำๆกันอยู่มันจะดูคุกคามชีวิตของคนมากเกินไปแล้ว แต่นั่นมันยังพอจะเว้นช่องว่างให้เราได้หลบหนีพวกสื่อโฆษณาต่างๆได้บ้าง ในยามที่เราไม่อยากรับสื่อเหล่านั้น เราก็เพียงแค่ปิดทีวีหรือพักผ่อนอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสักวันหนึ่ง สื่อโฆษณากลายเป็นข้อมูลหลักที่ถูกยัดเยียดเข้ามาในหัวของคน แทนที่จะเป็นข้อมูลข่าวสาร ความรู้ศิลปะวิทยาการ ผู้คนคงบ้าตายกันหมดโลกแน่ๆ"

อนุภาพหัวเราะเบาๆเป็นเชิงชอบใจกับคำพูดของอดุลย์ อดุลย์หัวเราะตามเล็กน้อย จากนั้นอดุลย์หยิบเอกสารจากอนุภาพขึ้นมาดูอีกครั้ง

"ถึงแม้ตัวผมเองนั้นเป็นผู้สร้างสื่อโฆษณาขึ้นมา เพราะมันจำเป็นสำหรับธุรกิจของผมที่ต้องแข่งขันในตลาด ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมขอใช้แค่ช่องทางโฆษณาในเอกสารนี้ก็พอแล้วครับ และโลกแห่งการถูกยัดเยียดด้วยข้อมูลของโฆษณานั้นผมว่ามันโหดร้ายเกินไป"

"อืม... ผมฟังคุณอดุลย์พูดก็มีเหตุผล ผมว่าโลกแบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆ แต่ผมคิดว่าโลกในปัจจุบันของเรานี้ มันเป็นโลกที่แออัดยัดเยียดไปด้วยสื่อโฆษณาจริงๆ บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลข่าวสารอันไหนในชีวิตประจำวันของเรา จะเป็นข่าวสารจริงๆหรือจะเป็นข่าวสารที่ถูกปั้นแต่งขึ้นสำหรับแฝงไว้ด้วยโฆษณาชวนเชื่อ ในฐานะที่ผมอยู่ในวงการนี้ก็คงทำได้แค่เพียงทำตามจรรยาบรรณของวิชาชีพเท่านั้น คงไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้"

"ผมก็คิดเช่นนั้นครับคุณอนุภาพ โรงงานน้ำปลาของผมแม้มันจะไม่ใหญ่โตอะไรมาก กำไรในแต่ละปีก็แค่อยู่รอดไปวันๆ แต่ผมก็ทำธุรกิจอย่างโปร่งใสสะอาด ใช้วัตถุดิบทุกอย่างที่มีคุณภาพ ไม่คดโกงลูกค้า แค่นี้ผมก็คิดว่าจะทำให้ธุรกิจผมมั่นคงยั่งยืนแล้วล่ะ"

"เอาล่ะครับคุณอดุลย์ นี่ก็รบกวนเวลาของคุณมามากแล้ว วันนี้ผมได่้มาพบคุณอดุลย์เพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจและได้สนทนากัน ผมต้องขอบคุณมากจริงๆครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมขอตัวลากลับก่อนนะครับ พอดีว่าอีกครึ่งชั่วโมงมีนัดกลับลูกค้าไว้อีกที่หนึ่ง"

"ขอบคุณมากครับคุณอนุภาพ เดี๋ยวผมจะให้แผนกประชาสัมพันธ์ของโรงงานติดต่อไปอีกที"

ทั้งคู่ล่ำลากัน อนุภาพเดินออกมาจากโรงงานไปที่ลานจอดรถ เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบ 1 ตัว เมื่ออนุภาพอัดควันเข้าปอดเต็มที่และพ่นมันออกมา เขากดเบอร์โทรศัพท์เพื่อต่อสายถึงใครบางคน

"หัวหน้า เดี๋ยวผมจะออกไปพบกับเสี่ยเปาที่บริษัทผลิตอาหารเสริม ผมมีแผนการโฆษณาใหม่จะไปนำเสนอให้เสี่ย ผมรับรองว่าถ้าเสี่ยรับข้อเสนอใหม่ของผม มันจะทำเงินเข้าบริษัทเราอย่างมหาศาลเลยครับ"

"ดีมากๆ พยามเข้า แต่ว่าแผนที่ว่ามันคืออะไร? อืม... ยังไงก็แล้วแต่ ตามที่เราคุยกันไว้นะ ถ้าปลายปีนี้อนุภาพทำยอดได้ตามเป้าที่ว่าไว้ เธอจะได้เป็นหุ้นส่วนของบริษัท และจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้บริหารของบริษัทด้วย เอาล่ะ ยังไงก็พยายามเข้านะ"

เสียงปลายสายตอบกลับมา

"ไม่ต้องห่วงครับหัวหน้า ยอดขายของผมก่อนหน้านี้ก็ทำไว้เกือบถึงเป้าแล้ว เดี๋ยวผมขอไปเจอลูกค้าก่อนนะครับ"

อนุภาพตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง เขาสูบบุหรี่จนหมดมวน อนุภาพขึ้นไปนั่งบนรถสตาร์ทเครื่องและเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เขาเริ่มเรียบเรียงคำพูดพร้อมกับซ้อมท่องบทเสนอแผนโฆษณาโดยการพูดกับตัวเอง

"เราจะทำให้แบรนด์อาหารเสริมของเสี่ยติดตาลูกค้าให้มากที่สุดครับ ยี่ห้อและสรรพคุณจะถูกติดไว้กับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นขวดซอส กะปิ น้ำปลา ไม่ว่ายังคนก็ต้องเห็นเพราะต้องกินต้องใช้ ถุงข้าวสารอาหารกล่องสำเร็จรูปก็จะมีชื่อแบรนด์บนนั้น ขวดน้ำดื่ม ถุงขนมนมเนยก็ไม่เว้น ขั้นแรกเราต้องทำให้คนจดจำแบรนด์ให้ได้มากที่สุด"

อนุภาพเว้นคำพูด เหมือนเขากำลังคิดคำในประโยคถัดไป

"จากนั้นเราจะทำภาพยนต์โฆษณาโดยพยายามสร้างความกลัวให้กับผู้รับสื่อ และบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เช่นบอกถึงโรคร้ายและความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ และต้องใช้อาหารเสริมของเสี่ยเท่านั้นที่จะป้องกันความเสี่ยงนี้ได้ เราอาจจะจ้างดาราชื่อดังมาบอกว่าเคยใช้อาหารเสริมชนิดนี้ แล้วดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ รับรองครับเสี่ย ว่าอาหารเสริมของเสี่ยต้องมียอดขายถล่มทลายแน่ๆ"

อนุภาพเว้นคำพูดอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังคิดประโยคคำพูดปิดท้าย

"เพราะว่าวิธีการเหล่านี้มันเคยใช้ได้ผลมาแล้ว และผมคิดว่ามันก็จะยังคงใช้ได้ต่อไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด เพียงแต่ว่าเราต้องหารูปแบบใหม่ๆมาใช้บ้าง ก็แค่นั้นเอง"

อนุภาพยิ้มอย่างภูมิใจ


นักโทษคนสุดท้าย

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมวลมนุษยชาติ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนสมัยก่อนนั้นดำเนินชีวิตอย่างไร เป้าหมายของชีวิตคืออะไร และเกิดมาเพื่ออะไร...