วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

โทษประหาร




"ผมฆ่า..."

ชายวัยกลางคน ผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนยอมรับสารภาพต่อหน้าผู้พิพากษา

"ผมฆ่ามาแล้ว 5 คน ถ้าไม่ฆ่าพวกนั้นก็ไปแจ้งความน่ะสิ"

เสียงฮือฮาดังลั่นศาลเมื่อจำเลยยอมรับสารภาพด้วยความกลัวสุดขีด มีแต่คณะผู้พิพากษาที่นั่งหน้าเครียด รวมถึงอนันต์ทนายฝ่ายจำเลยที่ลุกขึ้นยืนทำหน้าซีดและตกตะลึงกับคำพูดของลูกความ

"ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ผมไม่อยากโดนจับ ถ้าโดนจับผมต้องโดนโทษประหารแหงๆเลย"

โจทย์ทำสีหน้าเครียดแค้น

"เป็นที่แน่นอนแล้วว่า จำเลยฆ่าผู้บริสุทธิ์ถึง 5 คน"

อนันต์พูดขึ้นทันที่หลังจากลูกความของเขาพูดจบ

"แถมจำเลยยังต้องจำนนต่อหลักฐาน แต่..."

ทนายหยุดพูดและมองไปที่ลูกความ

"แต่ผมไม่ยอมรับต่อโทษประหาร เพราะมันเป็นการกระทำที่โหดร้าย ทำให้จำเลยต้อง 'ฆ่าปิดปาก' ในปัจจุบันประเทศของเราเจริญก้าวหน้าไปมากแล้ว จึงไม่สมควรที่จะมีการลงโทษที่ไร้อารยะเช่นนี้"

"เหลวไหลสิ้นดี !"

โจทย์ลุกขึ้นยืนก่อนตะโกนเสียงเต็มแรง

"สิทธิ์ของจำเลยอะไรกัน โทษประหารเป็นความโหดเหี้ยมยังงั้นรึ แล้วนายคิดถึงผู้เสียหายหรือเปล่า คิดถึงผู้หญิงที่ถูกฆ่าบ้างมั้ย"

นิ้วชี้ของโจทย์ชี้ไปที่หน้าของอนันต์ เสียงจากผู้พิพากษาดังขึ้นให้เงียบเสียง แต่มันไม่ได้ผลกับคนที่สติขาดไปแล้ว

"ทนายคนนั้นเข้าข้างคนผิดเพราะอยากได้เงิน ! ไม่รู้จักอายซะเลย เจ้านั่นฆ่าตั้ง 5 คน เมื่อก่อนอีก 8 สมควรโดนโทษประหารแล้ว"

ฝ่ายโจทย์ยังส่งเสียงเอะอะโวยวายจนกระทั้งศาลเลิกไป


"ลำบากใจเนอะ เป็นทนายให้ฆาตรกรหยั่งงี้"

ผู้ช่วยทนายอนันต์ถามในขณะที่เดินออกมาข้างนอกศาลแล้ว

"เราต้องเป็นทนายให้กับผู้ร้องขอ บางครั้งก็โดนเข้าใจผิดแบบนี้แหละ"

ผู้ช่วยอีกคนออกความเห็น

"ทั้งๆที่คดีนี้หมดทางชนะไปแล้ว ทำไม่คุณอนันต์ยังรับทำอีกละครับ พวกที่สำนักงานก็ไม่เห็นด้วย

ผู้ช่วยคนแรกยังตั้งคำถาม

"ใช่แล้ว รับทำพวกคดีใส่ร้ายยังจะง่ายกว่าอีก ฉันมาช่วยนายเพื่อยกระดับตัวเอง เป็นอันเหลวอีก"

ผู้ช่วยอีกคนเสริม

"ฉันรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางชนะ"

อนันต์อธิบาย

"หมายความว่ายังไงครับ ?"

"แค่ฉันไม่อยากให้โดนโทษประหาร"

ผู้ช่วยทั้งสองยืนอึ้งกับคำตอบของอนันต์ ห่างไปไม่กี่ช่วงตึกเป็นร้านขายตุ๊กตา ทนายอนันต์เดินเข้าไปในร้านและเลือกหยิบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่

"ขอตุ๊กตาหมีตัวนั้นครับ"

เสียงข่าวดังมาจากโทรทัศน์ในร้าน

'ข่าวด่วน เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่คอนโดมิเนี่ยมฮิลล์ปาร์ค'

"ตัวโตจังครับ ซื้อให้ลูกเหรอ"

"วันเกิดแกน่ะ"

อนันต์ตอบ แต่ในระหว่างนั้นมีชายหนุ่มสวนแว่นตาเดินเข้ามา

"เอ่อ คุณทนายอนันต์ใช่มั้ยครับ ผมอ่านหนังสือของคุณแล้ว ขอลายเซ็นด้วยครับ"

ชายหนุ่มหยิบหนังสือยื่นให้อนันต์ หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือต่อต้านโทษประหารที่เขียนโดยอนันต์ อนันต์เซ็นชื่อและคืนหนังสือไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

"ได้ข้อคิดมากมาย พยายามต่อไปด้วยนะครับ"

ชายหนุ่มใส่แว่นเดินจากไปแล้ว

"ได้พบกับแฟนหนังสือ ไม่เสียแรงจริงๆที่เขียนหนังสือ"

"นายมันบ้า ดังเกินไปก็ลำบากเหมือนกันนะ"

"ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ"

ทั้งสามพูดคุยหยอกล้อกัน แต่ทันใดนั้นเสียงภาพในทีวีก็ดังขึ้น

'สาเหตุความวุ่นวายที่คอนโดฮิลล์ปารค์เกิดจากแก๊ซพิษชนิดใหม่'

ทั้ง 3 เหลียวไปดูทีจอโทรทัศน์โดยพร้อมเพียงกัน

'นี่คือภาพจากที่เกิดเหตุ มีคนตายเป็นจำนวนมาก'

"เฮ้ย !?"

ผู้ช่วยของอนันต์คนหนึ่งชี้ไปที่จอโทรทัศน์ทันที

"ภรรยาของทนายอนันต์นี่นา"

อนันต์มองภาพภรรยาตัวเองที่หมดสติไปแล้ว เธอถูกหิ้วปีกจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย ภาพในโทรทัศน์ทำให้อนันต์ที่ยืนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ถึงกับเหงื่อแตก

"ต้องใช่แน่ๆ..."

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของผู้ช่วย อนันต์ออกวิ่งทันที และในที่สุดเขาก็ไปถึงยังโรงพยาบาล

เสียงโหวกเหวกจากอนันต์และผู้ช่วยดังข้างเตียงภรรยยาของอนันต์

"คุณคะ ลูกสาวเรากับคุณแม่"

ผู้ป่วยบนเตียงพยายามพูดทั้งๆที่ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว นั่นทำให้อนันต์แสดงสีหน้าตกใจ

"2 คนนั่นอยู่ด้วยเรอะ"

อนันต์รีบออกไปตามหาลูกสาวทันที

"ขอโทษครับ เด็กสาวอายุ 3 ขวบ"

"เอ่อ คุณป้าอาการหนักกว่านะคะ"

พยาบาลตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ถัดไปเขาเห็นแม่ของเขานอนที่โถงทางเดิน มีสายน้ำเกลือผูกระโยงระยาง

"คุณแม่ !!"

เสียงกะโกนลั่น

"ลูกผมล่ะ !?"

เด็กน้อยนอนใส่หน้ากากช่วยหายใจบนเตียง เสียงหายใจของเธอดังและถี่เร็วขึ้น

"จะตายมั้ยครับคุณหมอ"

"ยังไม่ทราบผลหรอก"

หมอที่ยืนเฝ้าอาการคนไข้ตอบ

"อย่าให้แกตายนะ"

ผู้ช่วยของอนันต์เปิดประดูห้องเข้ามาก่อนจะพูด

"ภะ... ภรรยาของนาย"

อนันต์ตาเบิกโพลงอ้าปากค้าง เขาถึงกับช็อค

"อะไรกันนี่ !!??"

อนันต์เปิดผ้ามองดูใบหน้าของภรรยา ที่ตอนนี้ไม่มีแล้วซึ่งลมหายใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยแผลพุพลองอันเนื่องมาจากแก๊ซพิษ

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมกัน"

สายน้ำไหลรินออกมาจากเบ้าตาของผู้สูญเสีย อนันต์คิดถูงผู้หญิงทั้ง 3 ยามที่นั่งกินเข้าอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ในที่สุดหยดน้ำเล็กๆก็กระทบลงบนใบหน้าของคนตาย

"ให้ตายสิโว้ย !!"


ในงานศพแม่และภรรยาของอนันต์ ทุกอย่างอยู่ในความโศกเศร้าของอนันต์และผู้ร่วมงาน

"เสียคนรักพร้อมกัน 2 คนคงทำใจยาก"

เสียงปลอบใจลอยมาจากใครบางคน



หลังจากพิธีเผาทั้ง 2 แล้ว อนันต์ได้แต่จมอยู่ข้างเตียงของลูกสาว

"ใครเป็นคนทำ"

อนันต์ได้แต่น้ำตาซึมและบ่นกับตัวเอง


ในสำนักงานทนายของอนันต์ เสียงโทรทัศน์จากข่าวดังขึ้น

'กล้องวิดีโอของคอนโดฮิลล์ปาร์คถ่ายรูปคนร้ายไว้ได้ จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า เป็นนักศึกษาแผนกวิทย์ฯแห่งหนึ่งจากมหาลัยAAA'

คนทั้งสำนักงานต่างหันหน้าไปดูข่าว จากนั้นภาพของคนร้ายก็ปรากฏบนหน้าจอ

"คุณอนันต์ นี่มัน !!"

สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจ เพราะแท้จริงแล้วใบหน้าของคนร้ายคือชายหนุ่มใส่แว่น คนที่มายื่นหนังสือขอลายเซ็นในวันที่เกิดเหตุนั้น

อนันต์ถึงกลับมีภาพชายใบหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นลอยเข้ามาในสมอง เขายังนึกถึงคำพูดของชายคนนั้นพูดว่า

'พยายามต่อไปด้วยนะครับ'

อนันต์ยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเขาบ่นขึ้นในใจ

"อะไรกัน ??"

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น

"ของคุณอนันต์ค่ะ"

อนันต์เดินมารับสาย

"ทนายอนันต์พูดครับ"

"ช่วยด้วยครับ !!"

เสียงปลายสายดังขึ้น

"หา !?"

"ผมชัยยศคนที่ปล่อยแก๊ซฆ่าคน... คนที่เคยขอลายเซ็นคุณทนายไง"

อนันต์ตกใจอย่างสุดขีดในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน

"ถ้าโดนจับผมถูกประหารแน่ ช่วยเป็นทนายให้ผมด้วยเถอะ จะติดคุกกี่ปีก็ได้ แต่ขออย่าให้โดนประหารก็พอ ถึงโดนตลอดชีวิต แต่แค่ 10 ปีก็ได้ออกมาแล้วใช่มั้ยครับ"

อนันต์คิดถึงภาพแม่ ภรรยาและลูกของเขาที่สำลักแก๊ซในตอนนั้น มันคงจะทรมานมากเกินใครจะทนได้

"ถ้าคุณไม่รับทำผมจะฆ่าตัวตาย หน้าผมออกทีวีแล้ว ไม่ช้าตำรวจคงตามได้ ผมเชื่อว่าคุณอนันต์คงช่วยได้ กรุณาเถอะครับ"

อนันต์ได้ฟังดังนั้นทำให้เขาคิดถึงภาพลูกสาว ที่ตอนนี้เธอกำลังนอนในโรงพยาบาลโดยที่เป็นตายเท่ากัน

"เอาย่างนี้ ผมขอพบคุณก่อน ทุ่มตรงที่สวนสาธารณะใกล้สถานีรถไฟ ผมจะไปคนเดียว"

อนันต์พูดตอบไป แต่ในหัวของเขายังคงนึกถึงภาพลูกสาว

"มีอะไรเหรอคะ"

เจ้าหน้าที่สาวที่รับโทรศัพท์ถาม

"โทรมาล้อเล่นน่ะ"

อนันต์ตอบโดยพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจของเขา เขาทำหน้าเคร่งเครียดพลางหยิบหนังสือต่อต้านโทษประหารของเขาออกมาดู เขานึกถึงคำพูดที่เขาเคยพูดในศาลครั้งล่าสุดเมื่อครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับโทษประหาร

"คุณอนันต์คะ บ่ายวันนี้มีการปราศรัยต่อต้านโทษประหาร จะไปมั้ยคะ"

เจ้าหน้าที่สาวคนเดิมถาม


บนเวทีปราศัยการรณรงค์ต่อต้านโทษประหาร ผู้บรรยายบนเวทีกำลังกล่าวเปิดงาน

"มีเสียงเรียกร้องให้ประหารคนร้ายใช้แก๊ซฆ่าคน เราจึงได้จัดงานนี้ขึ้น พระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์จัดการชีวิตมนุษย์ "

เสียงตบมือจากผู้ร่วมงานดัง เป็นสัญญาณว่ามีผู้ร่วมอุดมการณ์มาก

"ต่อไปขอเชิญคุณทนายอนันต์ขึ้นมากล่าวอะไรหน่อยครับ"

เจ้าของเสียงคนเดิมพูด เสียงตบมือดังอีกครั้ง อนันต์ขึ้นมาบนเวที ในหัวของเขาคิดถึงชายหนุ่มที่ฆ่าครอบครัวของเขา อนันต์ยังไม่ลืมคำพูดเหล่านั้น

'อย่าให้ผมต้องถูกประหารชีวิตเลยครับ กรุณาด้วยเถอะ'

"เอ่อ ถ้าเราไม่ลงโทษคนร้าย ก็จะเป็นการผิดต่อผู้เสียหาย แต่ ! เราก็ไม่ควรเอาชีวิตของคนร้ายเช่นเดียวกัน เพราะเราไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นมนุษย์ทีมีเหตุผล"

เสียงตบมือดังอีกครับเป็นการแสดงความเห็นด้วยกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ อนันต์พูด แต่ในหัวก็ยังวนเวียนอยู่กับครอบครัวที่เขาสูญเสียไป

"ตามที่คุณอนันต์พูด เราไม่ควรเอาชีวิต แต่ควรให้โอกาสเค้าได้เริ่มต้นใหม่ครับ"

ผู้บรรยายเน้นเจตนารมย์ของการปราศรัย ก่อนที่เขาจะพูดปิดท้าย

"เพื่อสิทธิมนุษยชน"


ในโรงพยาบาล ลูกสาวของอนันต์นอนไม่ได้สติบนเตียง เสียงหายใจของเธอไม่สู้ดีนัก อนันต์นั่งข้างเตียงกุมมือลูกสาวของเขาไว้

สักพักผู้ช่วยของเขาเดินเข้ามาในห้อง

"อาการเป็นอย่างไรบ้าง ? นี่ยังไม่ได้สติเลยเหรอ น่าสงสารจัง เป็นเพราะคนร้ายนั่นแหละ"

อนันต์ไม่พูดอะไร

"ได้ยินมาว่าคนที่ขอลายเซ็นนั่นเป็นคนร้ายใช้มั้ย โลกแคบจริงๆ แล้วจะยังต่อต้านโทษประหารอีกหรือเปล่า"

อนันต์คิดถึงคนร้ายที่ร้องขอชีวิต และคำพูดของเขาที่พูดบนเวที เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงเวลาที่เขานัดไว้กับชัยยศที่สวนสาธารณะ อนันต์รีบเดินทางไปทันที แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงสถานที่ ก็เห็นคนมุงมากมายและรถตำรวจหลายคัน ชัยยศโดนตำรวจจับได้แล้ว แต่ไม่นานโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เรื่องอาการป่วยของลูกสาวที่โรงพยาบาล

เมื่อมาถึง คนป่วยมีอาการเสียเลือดมาก อนันต์ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเลือดทะลักออกจากปากของลูกสาว

"เลือดยังไม่มาอีกเรอะ ดูดเลือดออกมาอย่าให้ลงคอ"

หมอตะโกนเรียก อนันต์ถึงกับก้มลงไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยลูกสาวของเขา และเหมือนกับคำร้องขอของเขาได้รับการตอบรับ ระดับชีพจรของคนป่วยอยู่ในระดับที่หน้าพอใจ

"ปลอดภัยแล้ว อดทนได้ดีมาก"

หมอพูด อนันต์ถึงกับน้ำตาไหล


ที่สำนักงานทนายความของอนันต์ พ่อแม่ของชัยยศเดินทางมาเพื่อขอพบเขา ฝ่ายพ่อวางหนังสือต่อต้านโทษประหารที่เขียนโดยอนันต์วางบนโต๊ะ

"ลูกของผมให้อ่าน เขาเชื่อมั่นคุณมากนะครับ ได้โปรดเป็นทนายให้ลูกผมด้วยครับ"

ทั้งคู่แทบจะก้มหัวหมอบกราบลงบนโต๊ะ

"ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกโดนโทษประหาร "

"กรุณาด้วยเถอะค่ะ"

ฝ่ายภรรยาเสริม

"เรามีลูกคนเดียว ถ้าเค้าตายล่ะก็ กรุณาเถอะ"

"ขอโทษครับ ผมขอคุยกับเจ้าตัวก่อนละกัน"

อนันต์เข้าไปเยี่ยมชัยยศที่ห้องขังทันที


"คุณทนายมาจริงๆด้วย ผมมั่นใจว่าคุณอนันต์ต้องรับเป็นทนายให้ผมแน่ๆ"

สีหน้าของชัยยศดูมีความหวัง

"ยังไม่ตกลง"

"อะไรกัน"

"มีเรื่องอยากถามนายก่อน คุณใช้แก๊ซฆ่าคนจริงรึเปล่า"

"ถ้าจริงคุณจะเป็นทนายให้มั้ย"

"ถามว่าจริงหรือเปล่า !?"

อนันต์ทำเสียงแข็ง

"จริงครับ คุณทนายช่วยผมด้วยเถอะ ผมยังไม่อยากตาย"

ขัยยศสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด

"จุดประสงค์ล่ะ ?"

"เพื่อทดลองครับ"

"ทดลอง ?"

"ผมกำลังทดลองอยู่ บังเอิญได้แก๊ซนั่นมา ผมทดลองกับหนู ปรากฏว่ามันตายหมดภายในไม่ถึงวินาที ผมอยากรู้ว่าแก๊ซแค่นั้นมีฤทธิ์แค่ไหน"

"เหตุผลแค่นั้น ถึงกับฆ่าคนบริสุทธิ์มากมาย !?"

อนันต์ตกตะลึง

"ทำไมคนตายถึงผิดล่ะ ที่ทำหนูตายยังไม่เป็นไรเลย ผมทำเพื่อการทดลองนะครับ ไม่ไร้เหตุผลเกินไปเหรอ"

"นี่พูดจริงหรือนี่ !!"

"นี่คุณทนาย ถึงผมจะมีความผืด แต่ในอนาคตผมอาจจะเป็นอัจฉริยะที่ช่วยโลกก็ได้นะ ถ้าผมตาย อาจเป็นการสูญเสียของมนุษยชาติก็ได้นะครับ มันก็คล้ายๆกับที่คุณทนายเขียนไว้ในหนังสือไง"

"นาย... เคยคิดถึงคนตายบ้างหรือเปล่า"

"ถ้าการทดลองมั่วแต่คิดเรื่องหนู จะทดลองได้อย่างไรล่ะครับ"

ชัยยศพูดด้วยความมั่นใจในความคิดของเขา  อนันต์ตกตะลึงยิ่งกว่ากับความคิดนี้

"ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รับทำ"

"ดะ... เดี๋ยวสิครับ สิ่งที่เขียนมาทั้งหมดในหนังสือเป็นเรื่องโกหกรึไง ? การรณรงค์ต่อต้านโทษประหารเป็นการเสแสร้งอย่างนั้นเหรอ !?"

อนันต์เดินกลับหลังออกจากห้องทันที แต่มีเสียงของชัยยศตามท้ายมาก่อนที่อนันต์จะเดินพ้นออกจากห้องไป

"คุณเคารพในสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เหรอครับ เป็นทนายที่ต่อต้านโทษประหารไง"

อนันต์เดินจากไป


"หรือว่านายจะรับทำงั้นเรอะ นั่นมันคนที่ฆ่าเมียนายเลยนะ"

ผู้ช่วยของอนันต์ถามเขา จากนั้นอนันต์ไปเยี่ยมลูกสาวที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงปรากฏว่าลูกสาวของเขาตายแล้ว อนันต์ร้องไห้ด้วยความโกรธแค้นสุดขีด ในหัวของเขาวนเวียนถึงชัยยศ คนทีฆ่าครอบครัวของเขาไป ยังนึกไปถึงโจทย์ในคดีก่อนหน้านี้ที่เขาเคยช่วยเหลือฆาตกรให้พ้นโทษคดีประหาร และยังคงคิดถึงอุดมการณ์ของหนักแน่นของเขา แต่ทว่าอนันต์กลับตัดสินใจว่าความให้กลับชัยยศ


ข่าวนี้รู้ถึงชัยยศ เขาดีใจอย่างสุดขีดเมื่อมีความหวังขึ้นมาบ้าง

"เอาแน่รึ คิดอะไรของนายน่ะ"

ผู่ช่วยถาม

"แม่เมียของฉันโดนหมอนั่นมันฆ่าจริงๆ แต่อุดมคติของฉันก็ยังไม่เปลี่ยน ฉันจะเป็นทนายให้หมอนั่นจนหมดความสามารถ"

"ปวดหมองจริงๆโว้ย ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจคนที่ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างนาย"


ที่ห้องเยี่ยมนักโทษ

"ผมจะบอกว่าคุณยังไม่รับสารภาพ"

"ครับ"

"และผมก็จะทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าคุณไม่ได้ทำ"

"แนะนำอย่างนี้ดีหรือครับ ??"

"ไม่ดีหรอก แต่ทนายคือพวกของผู้ขอร้อง ไม่ใช่ความยุติธรรม ต้องช่วยปกปิดและแสดงความดีของผู้ขอร้องออกมา"

"แต่เค้ามีหลักฐานนะครับ"

"ช่างประไร ศาลมีหน้าที่ปกป้องคนที่ถูกใส่ร้าย ไม่ใช่เปิดเผยความจริงหรือความถูกต้อง หลักฐานที่ได้มา ถ้าเราแก้ต่างได้ก็ไร้ความหมาย น้ำหนักของหลักฐานแม้มันจะมากขนาดไหน ถ้าทำให้มันเบาลงได้ก็ไม่น่าห่วงอะไร"

อนันต์อธิบายให้ชัยยศเข้าใจ

"เข้าใจรึเปล่า"

"?"

"ถึงจะถูกสงสัยแต่ไม่จำเป็นต้องยอมรับ เพียงแต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเป็นพอ"

สีหน้าของชัยยศแสดงออกถึงความหวัง

"ตราบใดที่ทางโจทย์ชี้ชัดไม่ได้ จำเลยก็จะไม่ผิด ผมจะใช้จุดนี้ปกป้องคุณจากโทษประหาร คุณจะใช้แก๊ซฆ่าคนหรือเปล่าผมไม่สน สิ่งที่จะต่อสู้กันในศาลก็คือทางโจทย์มีหลักฐานยืนยันหรือเปล่าเท่านั้น"

"คุณทนายอนันต์"

ชัยยศยิ้มเริงร่าพร้อมเรียกชื่อฝ่ายตรงข้าม ด้วยท่าทีที่มีความหวัง


อนันต์ถูกนักข่าวรุมล้อม หลังจากรู้กว่าเขารับว่าความให้ชัยยศ

"คุณรับเป็นทนายให้ชัยยศจริงๆหรือคะ หมอนั่นเป็นคนฆ่าทั้งครอบครัวคุณไม่ใช่เรอะ แล้วทำไมถึงไปรับทำล่ะ คุณไม่แค้นฆาตกรบ้างหรือ"

"ตอนนี้ผู้ร้องขอยังไม่ถูกชี้ชัดว่าทำความผิดจริงๆครับ แต่ถึงทำผิดจริงผมจะคัดค้านโทษประหาร ผมจะต่อสู้เพื่อให้เค้าพ้นโทษตาย"


ที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาคุยกับชัยยศ

"อะไรนะ !?"

"แม่ เมียและลูกของเขาตายเพราะแก๊ซพิษของคุณหมด พอขึ้นศาลจะเป็นยังไงบ้างรู้มั้ย เค้าจะเป็นพวกคุณเรอะ"

เมื่อชัยยศได้รู้ความจริงในข้อนี้ เขาก็เริ่มเกิดความวิตก อีกด้านหนึ่ง อนันต์ยังคงนอนฝันร้ายทุกคืนถึงเรื่องการสูญเสียครอบครัวของเขา และเช้าวันต่อมาอนันต์เขาไปเยี่ยมชัยยศที่โรงพัก

"จริงหรือครับ ?"

"ใช่ คุณฆ่าครอบครัวผมตายหมดทั้ง 3 คน"

"แล้วคุณทนายไม่แค้นผมหรือครับ"

"แค้นสิ แต่... ผมต่อต้านโทษประหาร แม้ครอบครัวผมจะตายหมด แต่ผมก็จะไม่เปลี่ยนอุดมคติหรือความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อใจก็เปลี่ยนทนายความใหม่ก็ได้"

"ผมเชื่อ! ผมเชื่อครับ"

ชัยยศร้องตะโกนลั่นในขณะที่อนันต์เดินจากไป


และแล้วก็มาถึงวันที่ชัยยศนั้นต้องขึ้นศาลเพื่อไตร่สวนความผิดจากคณะผู้พืพากษา

"ถึงจำเลยจะปฏิเสธ แต่เรามีรูปถ่ายจากคอนโด ยังไงจำเลยก็ดิ้นไม่หลุดแน่"

ทนายฝ่ายโจทย์พูด

"จริงอยู่ กล้องที่ถ่ายในที่เกิดเหตุ ถ่ายรูปถุงที่มีแก๊ซพิษไว้ในห้องน้ำกับตัวจำเลยที่ถือถุง แต่นั่นเป็นถุงธรรมดาที่มีอยู่ทั่วไปไม่ใช่รึ ไม่มีอะไรยืนยันเป็นพิเศษว่าถุงนั่นใส่แก๊ซพิษไว้ อย่างที่ตำรวจบอก จำเลยอยู่ในคอนโดขณะเกิดเหตุ เนื่องจากไปตรวจค้นที่ห้องทดลองที่มหาวิทยาลัยแล้ว  แถมยังมีความรู้ในการทำแก๊ซพิษอีก ก่อนเกิดเหตุจำเลยได้ผลิตแก๊ซชนิดหนึ่งขึ้นมา แต่สถานะการณ์มันไม่บ่งชี้เกินไปหน่อยหรือครับว่าจำเลยเป็นคนร้าย เรายังตัดสินไม่ได้หรอกว่าจำเลยเป็นคนผลิตแก๊ซแล้วนำไปปล่อยที่คอนโด"

สิ้นสุดการไตร่สวนพิจารณาคดี


ในสำนักงานทนายความของอนันต์

"ทำไมนายมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับงานของเจ้านั่นนะ ทำไมต้องพยายามเพื่อเจ้านั่นด้วย เงินก็ไม่ได้ งานอื่นก็ไม่มีทำ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายสำหรับสำนักงานล่ะ ให้พนักงานคนอื่นลาออก คิดอะไรของนายน่ะ"

"ไม่เป็นไร ก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง"

อนันต์โต้ตอบเพื่อนร่วมงาน

"ทำไมต้องช่วยฆาตกรฆ่าครอบครัวตัวเองแบบนี้ด้วย ไม่แค้นหรือไง"

"นี่เป็นโอกาสที่พระเจ้ามอบมาให้"

"นายจะบ้าหรือไง"

"ฉันไม่มีครอบครัวอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำงานสร้างอนาคต"

"ทั้งหมดเป็นเพราะมันนั่นแหละ"

"ถึงไม่มีเงินเหลือ ก็อาจเหลือชื่อ"

อนันต์พูดพร้อมรอยยิ้ม

"แต่ฉันทำใจไม่ได้ว่ะ"

เพื่อนร่วมงานเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีที่ไม่เข้าใจในตัวของอนันต์ แต่เขายังไม่ทันจะเดินออกไปอนันต์ส่งเสียงตาม

"พรุ่งนี้ตัดสินแล้วนะ"

"ถึงไม่โดนประหาร ตำรวจก็จะอุธรณ์คดีนี้ยาวแน่ นายจะเป็นทนายให้หมอนั่นจนถึงที่สุดหรือเปล่า"

"อืม..."

อนันต์ตอบรับ ทำให้เพื่อนของเขายิ่งไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

"ไม่อยากเชื่อเลย"


ในที่สุดวันที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาก็มาถึง

"ขอตัดสินว่า จำเลยชัยยศไม่มีความผิด แม้หลักฐานที่ปรากฏในที่เกิดเหตุจะมีมากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะผูกมัด เราจึงยกประโยชน์ให้จำเลย ถือว่าจำเลยไม่มีความผิดในคดีนี้"

เสียงฮือฮาจากผู้เข้าร่วมรับฟังดังลั่นศาล


ในวัดที่ใช้สำหรับฝังร่างครอบครัวของอนันต์

"พอใจแล้วเรอะ ?"

เพื่อนร่วมงานของอนันต์ถาม

"พอใจอย่างมากเลยล่ะ"

"ฉันไม่เข้าใจสักนิด"

อนันต์ยังคงไหว้หลุมศพของครอบครัว


ที่สำนักงานทนายของอนันต์ ในที่สุดชัยยศก็สามารถฉลองความสำเร็จในคดีนี้กับอนันต์ได้

"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะไม่มีความผิด ขอบคุณมากๆนะครับ"

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ แตผมทำเพื่ออุดมคติของผมเองต่างหากล่ะ"

อนันต์ตอบแบบยิ้มๆ

"ที่นี่คุณทนายจะดังระเบิดแล้วใช้มั้ย"

ชัยยศพูดแกมล้อ

"มาดื่มกันเถอะ ฉลองชัยชนะของเรา"

"ครับ ขอบคุณครับ"

ชัยยศยกแก้วไวน์เทใส่ปาก

"ว่าแต่ศาลนี่งี่เง่าจังนะครับ ผมฆ่าคนตั้งเยอะยังไม่มีความผิดเลย"

อนันต์อึ้งไปชั่วครู่

"ศาลก็เหมือนคนน่ะแหละ  ไม่ใช่ที่ๆจะชี้สีขาวหรือดำได้อย่างชัดเจน ถ้าแก้ต่างได้ก็ไร้ความผิด ขนาดสีเทาแทบจะดำยังไม่มีความผืดเลย แม้จะทำให้ดำเป็นขาวไม่ได้ แต่ทำให้ดำเป็นเทาได้ง่ายมาก แค่ให้ควันปกคลุมหลักฐานแค่นั้นแหละ"

"คุณทนาย แล้วผมจะได้ค่าเสียหายจากที่ถูกขังบ้างหรือเปล่า"

"แน่นอน ได้วันละ 200 เชียวนะ"

ชัยยศหัวเราะชอบใจ

"ฆ่าคนแล้วยังได้เงินอีก มันดีจริงๆเลย แล้วถ้าเกิดเค้าอุธรณ์ล่ะครับ"

"ไม่ต้องห่วง บางทีตำรวจก็ขี้เกียจเหมือนกันน่ะ"

"จริงหรือครับ"

อนันต์หยิบภาพถ่ายครอบครัวของเขาในกรอบรูป ขึ้นมาวางบนโต๊ะ

และทันใดนั้น ! ชัยยศเกิดอาการแปลกๆเสียการทรงตัววูบลงไปกับพื้น

"อ๊ะ !!"

"ในไวน์มียาบางๆน่ะ"

ชัยยศหน้าถอดสีแสดงความตกใจอย่างสุดขีด มีดพกของทหารถูกดึงออกจากปลอก ไม่รอช้าอนันต์ใช้มีดเข้าไปจี้ที่หน้าของชัยยศ

"บอกแล้วไง ฉันจะปกป้องนายจากโทษประหารก็เพื่อตัวฉันเอง"

"หมายความว่าไง !? ล้อเล่นใช่มั้ยครับ"

"ฉันจะล้างแค้นด้วยมือของฉันเอง"

"อ๊ะ !! คุณทนายต่อต้านโทษประหาร ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะฆ่าคนเพื่อล้างแค้นได้"

"คนบริสุทธิ์มากมายต้องตายเพราะนายโดยไร้ความผิด นายเคยคิดถึงความรู้สึกของครอบครัวเค้าบ้างมั้ย"

ปลายมีแหลมๆจิ้มเข้าในเนื้อที่คอของชัยยศจนเลือดซึมออกมา

"ฉันสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่านายฆ่าครอบครัวของฉัน คำพูดที่พูดแก้ต่างให้นายฉันไม่อยากพูดหรอกเว้ย !!"

อารมณ์ของอนันต์พุ่งสูงขึ้นสุดขีด มีดด้ามนั้นถูกตวัดผ่านเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอของชัยยศ ผู้ได้รับฝากบาดแผลดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

"แต่ฉันอยากฆ่านายด้วยมือของฉันเอง ฉันต้องล้างแค้นคนร้ายด้วยมือของฉัน นี่แหละที่ฉันต่อต้านโทษประหาร"

ชัยยศนอนจมกองเลือด เขาหายใจแรงขึ้นๆ

"รู้สึกถึงความกลัวตายรึยังล่ะ"

น้ำตาแห่งความคับแค้นถูกระบายออกมาบนใบหน้าของอนันต์


ในงานปราศรัยการต่อต้านโทษประหารที่ถูกจัดขึ้นในเวลานั้น ผู้บรรยายกล่าวเปิดงาน

"โทษประหารเป็นสิ่งโหดเหี้ยม ดูอย่างคุณทนายอนันต์ยังต่อต้าน ถึงขนาดยอมเป็นทนายให้กับผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าครอบครัวตัวเอง"

ผู้คนจำนวนมากที่เข้ามารับฟังคำปราศัยต่างตั้งใจฟัง

"เราจึงควรเผยแพร่แนวความคิดนี้ต่อไป"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นักโทษคนสุดท้าย

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมวลมนุษยชาติ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนสมัยก่อนนั้นดำเนินชีวิตอย่างไร เป้าหมายของชีวิตคืออะไร และเกิดมาเพื่ออะไร...