บนโต๊ะม้าหินอ่อนที่ปูด้วยผ้าสักหลาดสีเขียว ชาย 2 คนกำลังคลี่ไพ่ในฝ่ามือและเพ่งพินิจตัวเลขและตัวอักษรประจำไพ่แต่ละใบ รวมไปถึงสีดอกในนั้นด้วย ฝ่ายตรงข้ามท่าทางสีหน้าเคร่งเครียด ต่างจากอนุชิตที่ทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่กังวลใจใดๆ
ชายหน้าเครียดผลักกองปึกธนบัตรมูลค่ากว่าล้านบาทเกทับลงไปในกลางวง เขายอมเทหมดหน้าตักเพื่อต้องการจะถอนทุนคืนก่อนหน้านี้ ที่เขาเสียพนันไพ่ให้กับอนุชิตไป
"เอาอย่างนั้นเลยเหรอคุณทรงเดช คุณทรงเดชเทหมดหน้าตักเลยแสดงว่าไพ่ของคุณคงจะดีมาก"
อนุชิตพูดด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน หลังจากเขาได้เงินจากทรงเดชไปแล้วหลายแสนบาท
"ถ้าผมไม่มั่นใจก็คงไม่ลงเงินทุกบาททุกสตางค์ของผมลงไปหรอกนะ ไพ่ตานี้จะทดแทนโชคร้ายของผมตั้งแต่เริ่มเล่นกับคุณมา ผมสาบานว่าจะไม่ยอมให้คุณหิ้วเงินออกไปจากบ้านของผมอย่างแน่นอน"
ทรงเดชพูดจบก็วางไพ่คว่ำลงกับพื้นโต๊ะ แต่อนุชิตก็ไม่สนใจคำขู่ของทรงเดช เขาผลักกองเงินจำนวนเท่าเดียวกันกับที่ทรงเดชเกทับมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่อนุชิตจะหัวเราะชอบใจเล็กน้อย
อนุชิตหงายไพ่ 5 ใบหงายลงบนพื้นโต๊ะ ทำให้ทรงเดชถึงกับหน้าซีดเผือด ทรงเดชหงายไพ่ของตัวเอง ทำให้รู้ว่าผู้ชนะของเกมพนันรอบนี้คืออนุชิต ผู้ชนะหัวเราะอย่างสะใจ ยิ่งเพิ่มความเครียดแค้นให้กับผู้ปราชัย อนุชิตกำลังจะเอื้อมมือไปคว้ากองเงินตรงกลางโต๊ะ แต่ปรากฏว่า!!
ทรงเดชคว้าปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พร้อมเล็งมาที่อนุชิต
"ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมไม่ยอมให้คุณหิ้วเงินของผมออกไปจากบ้านของผมอย่างแน่นอน ถ้าคุณยังไม่อยากตายก็เดินออกไปจากบ้านของผมและทิ้งเงินทั้งหมดไว้ที่โต๊ะ"
อนุชิตหยุดนิ่ง เขาได้แต่จ้องตาของทรงเดชไว้อย่างแน่นิ่ง มีเพียงแต่ทรงเดชที่ทำสายตาสั่นเครือ และบางทีก็ขบริมฝีปากเบาๆ เหมือนคนที่กำลังกังวลอะไรบางอย่าง
เวลาผ่านไปประมาณเกือบครึ่งนาที อนุชิตระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้ก็ดังกว่าครั้งก่อนหน้า เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเอื้อมมือไปโกยเงินที่กลางโต๊ะ โดยที่อนุชิตยังไม่คลายจากเสียงหัวเราะของตัวเอง เขาทำเหมือนกับว่าด้ามปืนที่จ่อมาที่หัวของอนุชิตเป็นเพียงแค่ปืนเด็กเล่นเท่านั้นเอง
"นี่คุณไม่กลัวตายจริงๆหรือ ผมมีปืนนะ"
ทรงเดชพูดขู่อีกครั้ง ทำให้อนุชิตยอมที่จะวางมือจากกองเงินและหันมาจ้องตาทรงเดชอีกครั้ง
"เอาล่ะคุณทรงเดช ผมจะบอกอะไรคุณให้ คุณรู้มั้ยว่าทำไมคุณถึงเป็นผู้แพ้ในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องโชคร้ายอะไรที่คุณว่าหรอก ไพ่ของผมกับของคุณก็สลับกันดีหรือไม่ดีเท่าๆกัน เพียงแต่ว่าตาไหนที่ไพ่คุณดี คุณทรงเดชก็จะทำท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าไพ่ของคุณต้องดีแน่ๆ ผมจึงหมอบหนีก่อนถ้าไพ่ผมไม่ดี และหากว่าตาไหนไพ่ของคุณไม่ดี แต่คุณจะลักไก่ จะทำให้ผมยอมหมอบก่อนแต่ผมก็ดูออกจึงไม่ยอมหมอบ นั่นไม่แปลกเลยที่คุณจะเสียหมดตัว"
อนุชิตพูดอย่างมั่นใจเหมือนเขาเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า ทั้งๆที่อนุชิตถือปืน
"นั่นมันเป็นเรื่องของเกม แต่ตอนนี้ผมถือปืนอยู่ในมือ คุณคงต้องเป็นฝ่ายแพ้ในเกมนี้แล้วล่ะ"
ทรงเดชพูดขู่อีกครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้อนุชิตกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันอนุชิตหัวเราะร่าอีกครั้ง และคราวนี้ก็เสียงดังและแสดงความสะใจยิ่งกว่า 2 ครั้งแรก
"ไม่เอาน่าคุณทรงเดช คุณพยายามจะลักไก่ผมอีกครั้ง และครั้งนี้ผมก็ดูออกว่าคุณจะลักไก่ผม"
"คุณแน่ใจเหรอ อะไรทำให้คุณมั่นใจแบบนั้น"
ทรงเดชพูดจบก็ขยับปืนเล็งไปที่อนุชิต เหมือนจะแสดงท่าทีที่เอาจริง
"ทุกครั้งที่คุณทรงเดชจะลักไก่ผม ม่านตาคุณจะขยาย ลูกตาดำจะหดลงเล็กน้อย นั่นหมายถึงคุณกำลังกลัว บางครั้งคุณก็กัดริมฝีปากซึ่งแสดงถึงว่าคุณกำลังไม่มั่นใจ และครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมเห็นแววตาและท่าทางของคุณผมก็มั่นใจแล้วว่าคุณต้องลักไก่ ในปืนกระบอกนั้นไม่มีลูกกระสุน หรือคุณก็ไม่กล้าที่จะยิงปืนใส่ผมอย่างแน่นอน"
สิ้นเสียงอนุชิตพูด เป็นทีที่ทรงกลดจะหัวเราะออกมาบ้าง
"นี่คุณกำลังล้อเล่นกับความตายเลยนะ"
"ผมเป็นนักพนัน ผมยอมรับผลลัพธ์ที่มันจะออกมา แม้มันจะทำให้ผมเป็นผู้แพ้ก็ตาม"
บรรยากาศเริ่มตรึงเครียดอีกครั้ง ทรงเดชยืนจ่อปืนมาที่หัวของอนุชิต แม้แต่อนุชิตเองก็เริ่มไม่มั่นใจที่เขาเดาเกี่ยวกับเรื่องปืนนั่น เพราะความมั่นใจบนใบหน้าของอนุชิตที่เคยมีได้หายไปแล้วจนหมดสิ้น
ทรงเดชเหนี่ยวไกปืน
'แกร๊ก!'
ปืนไม่มีลูก ทรงเดชรัวไกปืนอีก 2-3 ครั้ง อนุชิตตกใจก่อนทำท่าโล่งอก
"โอเคคุณชนะ เงินทั้งหมดบนโต๊ะนี้เป็นของคุณ ออกจากบ้านของผมไปได้แล้ว"
อนุชิตเก็บเงินทั้งหมดลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป อนุชิตโบกรถแท๊กซี่ออกไปแต่เขาไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถมอเตอร์ไซค์แอบขี่ตามเขา และในที่สุดแท๊กซี่ก็มาส่งอนุชิตที่ขนส่งฯ เขาตั้งใจจะนั่งรถทัวร์กลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ก่อนหน้าอนุชิตถูกชักชวนให้มาเล่นไพ่กับทรงเดช โดยคนรู้จักของอนุชิตที่เป็นคู่อริกันกับทรงเดช เป็นที่รู้กันว่าทรงเดชเป็นนักเลงที่คนยำเกรงนัก และยังติดการพนันอีกด้วย เมื่อคู่อริของทรงเดชรู้จุดอ่อนข้อนี้ จึงส่งอนุชิตมาเพื่อสั่งสอนทรงเดช
บนรถทัวร์ปรับอากาสแอร์เย็นฉ่ำ บวกกลับอากาศภายนอกที่หนาวเย็นในตอนกลางคืนท่ามกลางถนนระหว่างเมือง อนุชิตนอนกอดกระเป๋าพร้อมห่มผ้ากำลังจะม่อยหลับ แต่เขาก็ต้องสะดุ้งตื่นทันทีที่คนขับรถทัวร์เหยียบเบรคอย่างรุนแรงจนผู้โดยสารหัวแทบทิ่ม ไม่นานไฟบนรถถูกเปิดสว่างจ้าและมีคน 3 คนโพกหัวปิดบังใบหน้ามิดชิดเดินขึ้นมาบนรถพร้อมปืน หนึ่งใน 3 โจรที่ใส่แว่นตาดำตะโกนขึ้น
"ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ! นี่ไม่ใช่การปล้น เราไม่ต้องการเงินของพวกคุณ เราขอแค่เวลาของคุณแค่แป๊บเดียว ขอให้ทุกคนนั่งอยู่นิ่งๆ ห้ามส่งเสียง ห้ามลุก ห้ามหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูป ผมไม่อยากจะให้ใครตายโดยไม่จำเป็น"
เสียงพูดของโจรดุดันจนคนที่ได้ยินต่างพร้อมใจกันทำตามคำสั่งโดยเคร่งครัด อนุชิตลืมตาขึ้นเขาทำท่าเหมือนจะคุ้นๆกับเสียงๆนี้ แต่ยังไม่ทันที่อนุชิตจะนึกออกว่านั่นเป็นเสียงของใครที่เขารู้จัก ชายเจ้าของเสียงก็มายืนอยู่ตรงหน้าของอนุชิตแล้ว
"เจอกันอีกแล้วนะคุณอนุชิต คุณกล้ามากที่ไปหยามผมถึงในบ้าน คุณคงคิดว่าจะชนะคนอื่นไปตลอดได้อย่างนั้นเหรอ ดูซิว่าครั้งนี้คุณจะเอาชนะผมได้อย่างไร"
อนุชิตมั่นใจแล้วว่าเสียงนี้คือใคร แต่สถานะการณ์ครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อนหน้า สีหน้าของเขาจึงไม่เหมือนกับครั้งที่ยืนต่อหน้าทรงเดชก่อนหน้านี้
"คุณต้องการอะไร"
เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นดังลั่น แต่ครั้งนี้เป็นเสียงของทรงเดช
"ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนคุณอนุชิต ผมแค่ต้องการเงินในกระเป๋านั่นและชีวิตของคุณเพื่อล้างอายที่คุณมาหยามผมถึงบ้าน"
"คุณจะกล้ายิงผมจริงๆเหรอ ถ้าจะยิงจริงๆทำไมไม่ยิงตั้งแต่ที่บ้านของคุณไม่ง่ายกว่าเหรอ ยิงผมตรงนี้มีพยานเยอะแยะ ยังไงคุณก็ไม่มีทางรอดหรอก"
"ครั้งนี้ก็ลองใช้ความสามารถของคุณดูสิ ดูว่าผมจะลักไก่คุณอีกหรือเปล่า แต่เสียใจด้วยนะเพราะครั้งนี้ผมใส่แว่นตาดำและปิดบังริมฝีปากไว้"
ทรงเดชหัวเราะด้วยความสะใจ
"อ้อ! มีอีกเรื่องนึงที่ผมลืมบอกคุณ ครั้งแล้วผมตั้งใจจะระเบิดสมองคุณจริงๆ แต่ผมเพียงแค่ลืมใส่กระสุนลงในปืนแค่นั้นเอง ครั้งนั้นคุณยังโชคดี แต่ครั้งนี้ผมเช็คลูกกระสุนในกระบอกเรียบร้อยแล้ว รู้มั้ยว่าผมต้องการอะไรอีกอย่าง"
"คุณต้องการอะไร"
อนุชิตถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
"ผมอยากเห็นแววตาที่หวาดกลัวจากคุณ อยากได้ยินเสียงร้องขอชีวิตดังจากปากของคุณ อยากให้คุณคุกเข่าหมอบกราบผมเพื่อให้ไว้ชีวิตของคุณ"
น้ำเสียงของทรงเดชฟังเหมือนคนที่ต้องการสำเร็จความปราถนาอะไรสักอย่าง นั่นยิ่งสร้างความสะพรึงกลัวให้กับอนุชิต
"ถ้าอย่างนั้นเรามาเล่นเกมกันอีกสักเกมดีกว่า เกมนี้มีกติกาง่ายๆเหมือนกับเกมล่าสุดที่เราเล่นกัน แค่คุณอนุชิตส่งกระเป๋าใบนั้นมาให้ผม แล้วคุณจะไม่ถูกยิง แต่ถ้าคุณไม่ยื่นกระเป๋าใบนั้นมาก็ได้ แต่ก็เดาเอาเองละกันว่าผมจะกล้ายิงคุณหรือเปล่า"
ทรงเดชหยิบด้ามปืนขี้นมาจ่อที่หัวของอนุชิต สีหน้าแววตาของผู้ที่กำลังจะถูกปล้นฉายแววตาหวาดกลัว และเหงื่อท่วมใบหน้าแม้อากาศภายในรถจะหนาวยะเยือกเพียงใด แต่อนุชิตก็ยังกอดกระเป๋าใบนั้นไว้แน่น
ทรงเดชเปร่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจอีกครั้ง เขาเปลี่ยนเป้าหมายของปลายกระบอกปืนจากที่หัวเป็นที่ไหล่ของอนุชิต
"ไม่เป็นไรคุณอนุชิต หากคุณยืนยันที่จะไม่ยอมมอบเงินให้ผม ตอนนี้ผมอยากให้คุณร้องโหยหวนขอชีวิตจากผม ผมจะยิงเข้าที่หัวไหล่ข้างซ้ายของคุณ ผมมั่นใจว่าคุณต้องร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บปวด"
ทรงเดชพูดเสร็จก็เหนี่ยวไกปืนทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเหนี่ยวสุดไกปืน อนุชิตตะโกนออกมาด้วยความกลัวสุดขีด
"ยะ..ยะ..ยอมแล้ว นี่เงินของคุณเอาไปเลย"
ในที่สุดอนุชิตก็ยอมที่จะยื่นกระเป๋าเงินให้กับทรงเดช ทรงเดชไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋ามาไว้กับตัว
"คุณทำให้ค่ำคืนนี้ผมไม่ต้องฆ่าใคร ลาก่อนคุณอนุชิต"
ทรงเดชเดินออกมาจากอนุชิตพร้อมกระเป๋าและเตรียมจากรถทัวร์ ก่อนจากเขาหันไปมองอนุชิตที่ท่าทางยังไม่หายตกใจ
"เอาล่ะผู้โดยสารทุกท่าน ผมเสร็จธุระของผมแล้ว ชายคนนี้ขโมยของๆผมไป ผมแค่ต้องการมันคืน ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ เอ้า! ไอ้เสือถอย"
กลุ่มโจรทั้ง 3 เดินลงจากรถทัวร์ จากนั้นรถก็วิ่งไปต่อ
"เป็นยังไงบ้างลูกพี่ สำเร็จมั้ย"
ลูกสมุนโจรพูด ทรงเดชหัวเราะสะใจ
"สำเร็จสิวะ ในที่สุดข้าก็สามารถลักไก่มันได้สำเร็จ ไอ้โง่นั่นถูกปล้นเงินล้านด้วยปืนของเล่น ข้าสะใจจริงๆเลยว่ะ"
โจรทั้ง 3 หัวเราะดังลั่น ทรงเดชถอดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นรอยฟันขบบนริมฝีปาก เขาถอดแว่นตาออก เผยให้เห็นดวงตาที่แดงกร่ำ
"พวกเราก็แค่นักเลงหัวไม้ มากสุดก็แค่กระทืบคน ยิงใครเป็นที่ไหนกันล่ะ เอ้าพวกเรา! คืนนี้ต้องฉลอง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น