"ค่ะพ่อ กลับแน่นอนค่ะ"
"ดีแล้วลูก เราไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตามาหลายปีแล้ว เดี๋ยวพี่ศรก็จะกลับมาด้วย"
"กลับแน่นอนค่ะพ่อ ปีแล้วหนูขอโทษด้วยที่ไม่ได้กลับเพราะที่ร้านเค้าอยากได้คนเฝ้าร้านช่วงสงกรานต์"
"อันนั้นไม่เป็นไร แต่ปีนี้ลูกต้องกลับบ้านให้ได้นะ อ้อ... จำเปิ้ลลูกแม่เปี๊ยกได้มั้ย เปิ้ลเค้ากลับมาอยู่ที่บ้านได้เดือนกว่าแล้วนะ"
"อ้าว จริงหรือคะ แล้วเปิ้ลเค้าไม่ทำงานที่กรุงเทพแล้วหรือ"
หนูนาคุยกับพ่อของเธอผ่านสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด โดยเธอคุยผ่านสมอล์ทอล์ค เวลาที่แสดงบนหน้าจอสมาร์ทโฟนแสดงวันที่
8 เมษายน 255x เธอจะได้หยุดงานในวันที่ 11 เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์
"พอดีว่าเธอกำลังท้องใกล้จะคลอดแล้ว เปิ้ลเค้าเลยขอหยุดลาคลอด 3 เดือนน่ะเพื่อจะมาคลอดลูกที่บ้าน แฟนของเปิ้ลเค้าก็ดีนะ รู้สึกจะชื่อเมธี ไม่รู้ลูกเคยเห็นมั้ย?"
"ไม่ค่ะพ่อ เปิ้ลไม่เคยพูดถึงเรื่องแฟนเค้าให้หนูฟังเลยสักครั้ง เราไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว"
"อ่อ ไม่เคยเลยเหรอ เห็นว่าเปิ้ลเป็นเพื่อนสนิทกับลูก เมธีน่ะเค้ายอมย้ายมาดูแลเปิ้ลที่บ้านเลยนะ เมธีเค้าเป็นคนดีมาก น่ารักอัธนาศัยดี พ่อยังนึกอิจฉาแม่เปี๊ยกเค้าจริงๆเลย"
หนูนาฟังถึงประโยคนี้ก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกที่คอ เธอทอดถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาโดยไม่ให้เสียงลมเล็ดลอกเข้าไปในสายโทรศัพท์ แต่เธอก็ยังไม่พูดอะไรออกมาในตอนนี้
"แล้วหนูนาล่ะจ้ะ เมื่อไหร่จะ..."
"พ่อ! เอาอีกแล้วนะ พูดเรื่องนี้อีกแล้ว พ่อจะพูดเรื่องนี้ทำไมอีก"
หนูนาพูดเสียงดัง เหมือนระเบิดอารมณ์ที่อัดแน่นมายาวนาน
"พ่อยังไม่ได้พูดอะไรเลย"
"หนูรู้ว่าพ่อจะพูดอะไร เราเคยคุยกันเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้วนี่คะ โอกาสของคนเรามันไม่เหมือนกัน ชีวิตคนเราๆก็ไม่ใช่ว่าเราจะกำหนดเส้นทางเดินให้มันได้หมดซะทุกอย่าง"
"จ้ะๆ พ่อไม่พูดเรื่องนี้แล้วก็ได้ เอาเป็นว่าสงการนต์ปีนี้เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสักที"
"ได้ค่ะพ่อ ไว้เจอกัน สวัสดีค่ะ"
"อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน"
พ่อของหนูนารีบพูดขัด ก่อนสายจะถูกตัด
"มีอะไรอีกคะ?"
"คือว่าแม่ของลูกฝากความคิดถึงมาให้น่ะ"
"ค่ะ แม่เป็นยังไงบ้างคะตอนนี้"
"แม่แกก็สบายดี แต่ตอนนี้เห็นซึมๆไป ไม่ค่อยกินค่อยนอนเลย"
"จริงหรือคะ แม่เป็นอะไรมากมั้ย?"
"พ่อก็ไม่รู้นะ แต่เวลาแกเห็นลูกเขยข้างบ้านทีไร เป็นต้องซึมเศร้าทุกทีเลย พ่อก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร"
หนูนาถึงกับน้ำตาซึมเพราะสงสารแม่ ความจริงแล้วเธอเข้าใจหัวอกของผู้เป็นพ่อและแม่ดี ว่าพวกเขาก็อยากเห็นลูกสาวของตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝา เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน แต่ชะตาชีวิตของคนเรานั้นยากที่จะฝืน หนูนาคิดว่าตัวเธอเองนั้นคงไม่มีดวงเรื่องคู่ครอง แม้เธอเองจะมีหน้าตาที่สระสรวย หุ่นทรวดทรงก็ถือว่าดี แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นหลักประกันใดๆว่าเธอจะต้องมีคู่ครอง อาจจะเป็นเพราะนิสัยของเธอที่พิถีพิถันในการเลือกคบหาคน
และเพื่อต้องการให้แม่ของเธอรู้สึกดีขึ้น หนูนาจึงเผลอพูดประโยคหนึ่งออกไป แต่เธอลืมนึกไปว่าความกดดันนั้นจะมาบีบบังคับเธอในภายหลัง
"งั้นพ่อช่วยบอกแม่ด้วยนะคะ เดี๋ยวหนูจะพาแฟนไปให้พ่อกับแม่รู้จัก"
"ได้จ้ะๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบบอกแม่แล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ พ่อต้องรีบไปบอกข่าวดีนี้กับแม่แล้ว"
สิ้นบทสนทนา น้ำตาของหนูนาไหลพรากลงกลางแก้มขาวๆ ที่ตอนนี้เริ่มฝาดไปด้วยเลือดแล้วเพราะเธอเริ่มร้องไห้อย่างหนักหน่วง เสียงร้องไห้ถูกสกัดกลั้นไว้ไม่ให้ดังออกมา แต่สายน้ำที่ไหลออกจากตานั้นเธอไม่สามารถที่จะสกัดกลั้นใดๆมันได้อีกต่อไปแล้ว คืนนี้เธอคงจะต้องนอนจมทุกข์กับบ่อน้ำตาอีกหนึ่งคืน
.....
ช่วงเที่ยงในร้านอาหารยุโรปแสนหรู หนูนาออกมาต้อนรับลูกค้าฝรั่ง ด้วยความที่เธอเป็นผู้จัดการของร้าน ช่วงกลางวันจนถึงเที่ยงจึงเป็นช่วงที่หนูนายุ่งมากจนลืมเรื่องราวที่คุยกับพ่อของเธอ กระทั่งเลยไปถึงเวลาบ่ายกว่าๆลูกค้าเริ่มเบาบาง เธอต่อสายโทรศัพท์ถึงเพื่อนสนิทเพื่อปรึกษาเรื่องที่จุกอกของเธออยู่
"สวัสดีจ๊ะเอ๋ คือว่ามีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะ"
"แหม ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา ถ้าไม่มีเรื่องเดือดร้อนคงจะไม่โทรมาสินะ"
จ๊ะเอ๋เพื่อนสนิทของหนูนาที่เป็นสาวประเภทสอง เธอเป็นเพื่อนที่รักและคอยช่วยเหลือหนูนามาตลอด 4 ปีที่เธอทั้งสองเรียนจบจากคณะเดียวกัน
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ พอดีช่วงนี้ชั้นยุ่งๆเรื่องงาน แต่ที่โทรมาวันนี้มีเรื่องจะปรึกษา"
"ได้เลยเพื่อน ไหนเล่าปัญหามาให้ฟังหน่อย"
หนูนาเล่าเรื่องที่เธอคุยกับพ่อของเธอเมื่อคืนนี้ให้จ๊ะเอ๋ฟังทุกอย่าง จ๊ะเอ๋รับฟังและเข้าใจในความทุกข์เรื่องนี้ของหนูนาดี เพราะก่อนหน้านี้จ๊ะเอ๋เองก็ทำหน้าที่เป็นระบายและปรึกษาความลำบากใจทุกอย่างของหนูนา
"เอาอย่างนี้มั้ย เพื่อนๆของแฟนชั้นหน้าตาดีๆเยอะเลย และส่วนใหญ่เป็นเกย์ทั้งนั้น เธอก็หิ้วกลับบ้านสักคนสิ"
"มันจะดีเหรอเธอน่ากลัวออก มีผู้ชายนั่งรถกลับบ้านด้วย"
"เดี๋ยวชั้นจะถามแฟนชั้นให้ว่ามีใครพอจะไว้ใจได้บ้าง เธอไม่ต้องกลัวหรอก พวกนี้มันไม่สนใจชะนีหรอก"
"อืม... ถ้ามันเป็นทางเลือกเดียว ชั้นสงสารแม่น่ะ รู้มั้ยว่าแม่ชั้นเค้าอยากมีหลานไว้อุ้มมานานแล้ว พี่ศรก็ดันมากลายเป็นแบบเธออีก"
จ๊ะเอ๋เงียบไปชั่วครู่
"แหมเธอ... ก็ใครเค้าจะเลือกเกิดได้ล่ะ หากชั้นเลือกเกิดได้ก็ขอเกิดเป็นชะนีสวยๆอย่างเธอนั่นแหละ แต่มันเกิดมาแล้วก็ต้องอยู่ให้มีความสุขเท่านั้นแหล่ะ"
"จ้ะๆ ชั้นเข้าใจความรู้สึกของเธอ เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายชั้นด้วย "
"งั้นเอางี้ละกัน เดี๋ยวให้ชั้นโทรถามแฟนก่อน เพื่อนๆเค้าแต่ละคนน่ากินมาก แต่แฟนชั้นน่ากินกว่า"
ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ
"แล้วเธออย่าไปหลงคารมหรือหน้าตาพวกนั้นล่ะ"
"ไม่หรอก ถ้าวิธีนี้มันได้ผลจริงๆ และมันทำให้พ่อแม่ของชั้นจะรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ได้แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ"
"แต่เธอก็ต้องรู้นะว่ากำลังทำอะไรอยู่ เอาล่ะๆ เดี๋ยวตอนเย็นจะโทรหานะ"
จ๊ะเอ๋วางสายโทรศัพท์จากเพื่อนรัก เธอรีบโทรหาแฟนหนุ่มของเธอทันทีและได้คำตอบว่าให้มาคุยกันที่บ้านของคนทั้งสอง ตกเย็นทั้งคู่กลับบ้านมาเจอกันและพูดคุย
"มันก็ไม่ยากนะกับการจะจ้างใครสักคนเพื่อจะแกล้งไปเป็นแฟน คนที่ไว้ใจได้ก็มีหลายคน แต่เป็นช่วงเทศกาลนี่สิ คงไม่ค่อยมีใครว่าง"
กรแฟนหนุ่มของจ๊ะเอ๋พูดหลังรับฟังเรื่องราวทั้งหมดของหนูนา แม้แต่กรเองก็ยังกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือเพื่อนสนิทของคนรัก เพราะกรเองก็รู้จักและสนิทสนมกับหนูนาเป็นอย่างดี
"น่าเสียดายจัง แล้วเราจะหาใครช่วยหนูนาดีล่ะ"
"มีน้องคนนึงน่าจะพอช่วยได้ แต่เขาเป็นคนรู้จักของเพื่อนกรอีกทีน่ะ"
"แล้วกรไปรู้จักน้องเค้าได้ยังไงล่ะ จะไว้ใจได้มั้ย"
จ๊ะเอ๋ถาม
"กรเคยเจอน้องเค้าครั้งนึงน่ะเป็นเหมือนกับกร ตอนไปหาเพื่อนที่บ้าน น้องเค้าอยู่บ้านข้างๆ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กรจะเข้าไปหาเพื่อนที่บ้าน แต่ไม่แน่ว่าน้องเค้าจะว่างมั้ย"
"ไม่เป็นไร ก็ลองไปหาดูก่อน ถ้าน้องเค้าไม่ว่างก็ค่อยว่ากัน"
วันรุ่งขึ้นกรไปหาเพื่อนที่บ้าน แต่ปรากฎว่าเพื่อนของเขาไม่อยู่บ้าน กรจึงไปเคาะเรียกน้องข้างบ้านเองโดยที่ไม่ได้บอกเพื่อนของเขา
"หวัดดีมัส พอดีพี่มาหาเพื่อนพี่แต่เค้าไม่อยู่น่ะ"
"สวัสดีครับพี่กร พี่มีธุระอะไรกับพี่โจหรือครับ"
"เปล่าหรอก ความจริงพี่ต้องการมาหามัสต่างหาก พอดีพี่จะถามว่าช่วงหยุดสงกรานต์นี้มัสว่างมั้ย พอดีพี่อยากขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะ อยากจะจ้างมัสให้ช่วยทำงานชิ้นนึง แต่มันอาจจะฟังดูแปลกๆหน่อยนะ"
มัสเกย์หนุ่มรุ่นน้อง เขาและกรเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว ด้วยหน้าตาที่ดูเป็นมิตรจึงทำให้กรค่อนข้างจะไว้ใจ
"ผมก็สนใจอยู่ครับพี่ ว่าแต่เป็นงานประเภทไหนกันหรือ"
"คือว่าพี่มีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนนึง แล้วช่วงวันหยุดนี้เธอจะกลับบ้าน แต่เธอต้องพาแฟนหนุ่มของเธอกลับบ้านด้วย..."
"จะให้ผมช่วยเป็นคนขับรถให้พวกเขาหรือครับ"
"เปล่าหรอก คืออยากจะให้มัสไปเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนพี่น่ะ"
มัสทำสีหน้าแปลกใจ
"จะให้ผมทำแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อผมชอบผู้ชาย"
"พี่ไม่ได้ให้มัสเป็นแฟนกับเพื่อนพี่จริงๆสักหน่อย แค่แกล้งทำให้พ่อแม่ของเธอเห็นแค่นั้นก็พอแล้ว"
"อ๋อ ให้ผมแค่แกล้งแสดง"
"ใช่แล้วล่ะ สรุปว่าจะรับงานนี้มั้ย"
"ตกลงครับพี่ หาเงินใช้ดีกว่า แล้วผมจะได้เริ่มงานเมื่อไหร่ครับ"
"เดี๋ยวพี่ให้เบอร์โทรของเพื่อนพี่ไป โทรคุยกันกับนายจ้างโดยตรงเลย"
กรให้เบอร์โทรศัพท์ของหนูนาไป ก่อนที่กรจะออกจากบ้านของมัส และในเย็นวันนั้นเองมัสได้โทรไปหาหนูนา และแนะนำตัวว่ากรเป็นคนที่ติดต่อเขามา
"สวัสดีครับ ใช่เบอร์พี่หนูนาใช่มั้ยครับ ผมชื่อมัส พอดีพี่กรแนะนำ"
"สวัสดีจ้ะมัส กรโทรมาบอกพี่แล้ว ตกลงว่าเธอจะมาช่วยพี่ใช่มั้ย"
"ใช่ครับ พี่พอจะช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยว่าผมต้องทำอะไรบ้าง แต่พี่คงรู้นะครับว่าผมไม่ชอบผู้หญิง ต้องขอบอกไว้ก่อน"
"เธอก็แค่นั่งรถกลับบ้านไปกลับพี่ ไปกินข้าวกับพ่อแม่พี่และพูดคุยกันแค่นั้นเอง"
"แล้วผมต้องแกล้งแสดงละครให้ดูเหมือนว่าเราเป็นคู่รักกันด้วยใช่มั้ย"
"ก็ต้องรบกวนหน่อยน่ะในเรื่องนั้น"
หนูนารู้สึกเชื่อใจและไว้ใจมัส เพราะว่าเป็นคนที่กรแนะนำให้ เธอจึงไม่รู้สึกกังวลใจใดๆและยอมให้คนที่เพิ่งจะคุยกันแค่ครั้งเดียว นั่งรถไปด้วยกับเธอ
"จะให้ผมเริ่มงานวันไหนครับ"
"อีก 2 วันพี่จะเดินทาง แล้วพี่จะไปรับเธอ"
"ตกลงครับ"
ในที่สุดหนูนาก็สามารถหาคนที่จะแกล้งควงไปหาพ่อและแม่ได้ เธอคงหวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ลดแรงกดดันจากพ่อแม่ ในเรื่องคู่ครองไปได้บ้างแม้จะแค่ชั่วคราวก็ยังดี โดยเฉพาะหวังว่าจะให้แม่ของเธอนั้นหายโศรกเศร้าได้บ้างก็ยังดี และเมื่อวันที่หนูนาจะต้องเดินทางมาถึง เธอไปรับมัสที่บ้านและมัสก็อาสาเป็นคนขับรถให้เธอเพื่อเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
"เดี๋ยวผมขับเองครับพี่"
มัสอาสาเป็นคนขับรถให้ จากนั้นทั้งคู่ออกแล่นสู่ถนนใหญ่มุ่งตรงไปยังบ้านเกิดของหนูนาที่ต่างจังหวัด
ในเย็นวันนั้นเอง จ๊ะเอ๋และแฟนหนุ่มชื่อกรได้ไปกินเลี้ยงงานปาร์ตี้ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พวกเขาทั้งสองดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปไม่นานกรก็พบเพื่อนคนที่เขาไปหาที่บ้านเมื่อ 2 วันก่อน
"เป็นไงแมน เมื่อสองวันที่แล้วไปหาที่บ้านไม่เจอ"
กรทักทายเพื่อนที่เป็นเกย์เหมือนกัน
"อ๋อ วันนั้นติดงานลูกค้าต่างจังหวัดน่ะ เพิ่งจะกลับมาเมื่อคืน แล้วมีธุระอะไรเหรอ"
"พอดีว่าเพื่อนของจ๊ะเอ๋ที่ชื่อหนูนาน่ะ เธออยากหาผู้ชายที่จะให้แกล้งเป็นแฟนเธอพากลับบ้านไปให้พ่อแม่ดู ก็ว่าจะให้แมนช่วยหาคนให้น่ะ"
"อืม... ทำไมล่ะ ทำไมต้องแกล้งพาผู้ชายไปให้พ่อแม่เห็นด้วย"
"ก็พอดีว่าพ่อแม่เธอชอบมาพูดกดดันให้หนูนาพาแฟนไปให้ดูตัวบ้างน่ะสิ แต่ปัญหาคือหนูนายังไม่มีแฟน จึงต้องพาแฟนหลอกๆไปแล้วทำให้ดูเพื่อตัดความรำคาญมั้ง เห็นเธอว่าอย่างนั้นนะ"
"เป็นเรื่องที่แปลกมาก สมัยนี้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมเราแล้วเหรอเนี่ย แค่ลูกชายพาลูกสะใภ้ที่เป็นผู้ชายเข้าบ้านก็นับว่าแปลกแล้วนะ แต่นี่แปลกยิ่งกว่า"
ทั้งคู่หัวเราะกันเล็กน้อย ก่อนที่แมนจะพูดต่อ
"แล้วตอนนี้คนได้หรือยังล่ะ ผ่านมาตั้ง 2 วันแล้ว?"
"ก็พอดีเคยเจอน้องที่อยู่ข้างบ้านของแมนได้ เลยถามน้องเขาว่าสนใจรับงานมั้ย ปรากฎว่าน้องเค้าก็อยากได้เงินพอดีเลยรับงานนี้"
พอกรพูดจบประโยค สีหน้าของของแมนเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
"น้องคนไหน!"
แมนทำเสียงแข็งขึ้นมาทันทีจนกรตกใจ
"มัสไง"
เมื่อได้ฟังคำตอบ สีหน้าของแมนแสดงออกถึงความตกใจอย่างสุดขีด
"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!"
"ทำไมหรือ?"
"คนแถวบ้านเค้าเล่ากันว่ามัสเพิ่งจะหลุดคดีฆาตรกรรมออกมา เขาโดนแจ้งจับข้อหาฆ่าคน แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอจึงทำให้หลุดคดีออกมาได้ ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่น่ากลัวมาก"
"เรื่องจริงหรือนี่ ถ้าอย่างนั้นหนูนาก็ตกอยู่ในอันตราย ต้องบอกเรื่องนี้ให้จ๊ะเอ๋รู้โดยด่วน"
กรยังไม่ได้ถามเรื่องราวของมัสโดยละเอียดจากปากของแมน แต่ตอนนี้เขาต้องรีบส่งคำเตือนนี้ไปถึงหนูนาโดยเร็วที่สุดก่อน เมื่อจ๊ะเอ๋รู้เรื่องเธอรีบโทรศัพท์ไปหาหนูนาโดยเร็วที่สุด แต่ปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากเครื่องโทรศัพท์ของหนูนาปิด
"ติดต่อไม่ได้ เครื่องถูกปิด"
จ๊ะเอ๋พูด
"แล้วทั้งคู่นั้นจะเดินทางออกไปด้วยกันเวลาไหน"
แมนถาม
"หนูนาบอกว่าจะเดินทางวันนี้ตอน 4 โมงเย็น ตอนนี้เวลา 2 ทุ่มแล้วทั้งคู่น่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว 4 ชั่วโมง"
จ๊ะเอ๋ตอบ
"งั้นขั้นแรกเราต้องไปแจ้งความกับตำรวจก่อน ถ้านายมัสนั่นเคยมีประวัติถูกฟ้องคดีฆาตกรรม ตำรวจต้องเร่งช่วยค้นหาแน่"
แมนแสดงความเห็น จากนั้นทั้ง 3 ก็ออกจากงานเลี้ยงและไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความคดีลักพาตัว เวลาผ่านไปไม่นานตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันไว้และบอกทั้ง 3 ว่าจะเร่งติดตามโดยใช้ข้อมูลทั้งหมดที่หนูนาบอกไป
จ๊ะเอ๋ขับรถกบับบ้านในคืนนั้น เธอนึกขึ้นได้ว่าในรถของหนูนาได้ติด gps ติดตามรถในกรณีรถหาย เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอนำใบแจ้งความไปที่บริษัทอุปกรณ์ gps และขอให้เขาแสดงพิกัดรถของหนูนา
ในที่สุดตำแหน่งพิกัดรถของหนูนาก็มาแสดงอยู่บนสมาร์ทโฟนของจ๊ะเอ๋ และในตอนนี้รถของหนูนานั้นได้ขับไปถึงจังหวัดยุธยาแล้ว ไม่รอช้า เธอและแฟนหนุ่มชื่อกรก็รีบเร่งเครื่องรถไปตามถนนออกนอกเมืองไปตามจุดหมายที่อยู่บนสมาร์ทโฟน
เวลาผ่านไปไม่นานตำแหน่งรถของหนูนาก็จอดแน่นิ่งอยู่นาน นั่นยิ่งสร้างความกังวลใจไม่น้อยให้กับจ๊ะเอ๋ เธอคิดว่าต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ หรือคิดในแง่ดีก็คือหนูนาและมัสอาจจะจอดแวะพักกินข้าวหรืออาจจะพักนอนที่โรงแรมที่ไหนสักแห่ง
จ๊ะเอ๋มองดูเวลาที่หน้าจอในมือของเธอ ตอนนี้เวลาเกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว และตำแหน่งพิกัดรถของหนูนาก็ไม่เคลื่อนไหวไปไหนกว่า 3 ชั่วโมง จ๊ะเอ๋ภาวนาว่าขอให้หนูนาจอดรถแวะพักนอนที่โรงแรมสักที่
และในที่สุดจ๊ะเอ๋และกรก็ขับรถมาถึงตำแหน่งรถยนต์ของหนูนา จ๊ะเอ๋โล่งใจว่าอย่างน้อยที่นี่ก็คือโรงแรม แต่ก็ยังไม่โล่งใจทั้งหมดจนกว่าเธอจะเจอหน้าเพื่อนรัก จ๊ะเอ๋รีบไปที่เคาท์เตอร์ของโรงแรมและรีบยื่นใบแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ดู เพื่อขอให้พาไปที่ห้องของหนูนา พนักงานเห็นใบแจ้งความถึงกับตกใจ รีบค้นหารายชื่อลูกค้าตามในใบบันทึกแจ้งความและให้พนักงานรีบพาจ๊ะเอ๋และกรขึ้นไปชั้นบน
เสียงเคาะประตูดังกึกก้องอยู่เนิ่นนานไร้เสียงตอบรับใดๆ จ๊ะเอ๋ร้อนใจขอร้องให้พนักงานรีบใช้กุญแจไขประตู พนักงานรีบความหาหมายเลขกุญแจในพวงกุญแจพวงใหญ่
ประตูถูกไข ไม่มีการล็อคกลอนจากด้านในของประตู และเมื่อจ๊ะเอ๋รีบผลุนผลันโผกระโจนเข้าไปในห้อง เธอถึงกับกรีดร้องเสียงดังน้ำตาไหลพร่างหล่นลงพื้นเมื่อเห็นภาพน่าสยดสยองอยู่ตรงหน้า กรรีบเข้าสวนกอดแฟนสาวของเธอไว้เพื่อหวังจะสะกดอารมณ์ของจ๊ะเอ๋ที่ตื่นตระหนกตกใจสุดขีดนั้นไว้
ผ้าปูที่นอนสีขาวตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเข้ม ร่างขาวนอนสงบแน่นิ่งไร้การตอบสนองใดๆ
.....
ในบ้านหลังหนึ่งกลับเงียบเหงาไรัเสียงอึกทึกครึกโครมใดๆ ซึ่งแตกต่างกับบ้านอีกหลายหลังในละแวกนั้นที่่ต่างก็เต็มไปดัวยผู้คนมากมาย บรรยากาศที่ตรึงเครียดระหว่างสามพ่อแม่ลูกนั้น ไม่มีใครพูดอะไรเพราะสิ่งที่ทั้ง 3 อยากพูดนั้นมันจุกอยู่ในอก งานสงการต์ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วที่ไม่มีหนูนาในบ้านหลังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น