เรวดีเพิ่งจะเดินเข้าบ้านหลังจากกลับจากการทำงาน
อากาศที่ร้อนอบอ้าวจากอากาศเดือนเมษายนทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยขึ้นเป็นพิเศษ
แม้ว่าเธอขับรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำจากที่ทำงานกลับมายังบ้าน
แต่ระยะทางระหว่างที่จอดรถกับประตูบ้านห่างกันถึง10 เมตร รวมทั้งเวลาที่เริ่มเปิดแอร์ในบ้านจนกว่าบ้านจะเย็นก็กินเวลาเกือบ 5
นาที ทำให้เธอถึงกลับเหงื่อชุ่มทั้งตัว
เพราะน้ำหนักตัวของเรวดีที่หนักถึง 98 กิโลกรัม
เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างรุนแรงจนทำให้ฝุ่นที่ฝังตัวในโซฟาถึงกลับฟุ้งกระจาย
เธอตั้งใจว่าจะงีบซักพักแต่คิดว่าจะหยิบอะไรมาอ่านซักหน่อย
จึงเอื้อมมือไปควานหาหนังสือบนโต๊ะ พลันคว้าเจอนิตยสาร 'ผู้หญิงสอดรู้' ที่สามีเธอซื้อเตรียมไว้ให้เป็นประจำทุกสัปดาห์
เมื่อเธอเปิดดูหน้าสารบัญ ปรากฎว่าเจอแผ่นพับโฆษณาเกี่ยวกับการพยากรณ์ชีวิต
และการแก้เคล็ด เธอมีความสนใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว
แต่เนื่องจากเรวดีเป็นคนที่รอบครอบมาก
มักจะตรวจสอบข้อมูลของบุคคลอื่นที่ตนเองจะไปติดต่อด้วยทุกครั้ง
จึงเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
จากนั้นเปิดโปรแกรมเว็บบร๊าวเซ่อร์ขึ้นมาและพิมพ์ที่อยู่เว็บเซิร์ทเอ็นจิ้นยอดนิยม
หน้าจอแสดงกล่องข้อความให้ป้อนคำค้น เธอพิมพ์เข้าไปว่า 'หมอดูมาโนช
กำหนดกรรม' ตามชื่อของพ่อหมอที่ปรากฎในแผ่นโฆษณา
ผลลัพธ์ของการค้นหาปรากฎออกมา
ส่วนใหญ่เว็บที่ปรากฎจะเป็นพวกเว็บบอร์ดทั่วไป
ที่คนเข้าไปตั้งหัวข้อแล้วให้คนอื่นเข้ามาอ่านหรือเข้ามาคอมเมนต์ได้
เธอเปิดเว็บแรก
'ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งที่หมอมาโนชทักนั้นจะเป็นจริง
ชั้นได้มีโอกาสเข้าไปหาหมอมาโนชมา หลังจากบอกวันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุลไป
ท่านก็ทักมาเลยนะว่ากำลังจะมีปัญหาเรื่องการงาน
แล้วมันก็มีจริงๆด้วยเพราะหลังจากนั้นเพื่อนที่ทำงานก็เกิดการทะเลาะกัน
จึงได้กลับมาปรึกษาหมอมาโนช
ท่านเพียงบอกว่าให้ใส่เสื้อสีครีมไปทำงานติดต่อกันทั้งอาทิตย์
ปัญหาในที่ทำงานก็หายไปหมดเลย'
'ผมเครียดมากกับเรื่องที่ลูกของผมไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ
การบ้านไม่เคยคิดจะทำเลย จนอาจารย์ที่ปรึกษาต้องโทรมาเรียกให้ผมเข้าไปคุย
พอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังเพื่อนก็แนะนำให้ไปปรึกษาหมอมาโนช
ผมเพียงแค่โทรไปคุยกับท่าน ท่านเพียงบอกว่าให้ลองเอารถไปทำสีใหม่ทั้งคันให้เป็นสีแดง
หรือให้เอาสติ๊กเกอร์ที่เขียนว่า 'รถคันนี้สีแดง' เอาไปติดก็ได้ ทำลองทำตามทันทีโดยเอาสติ๊กเกอร์ที่หมอมาโนชบอกไปติด
ไม่น่าเชื่อลูกผมเริ่มสนใจการเรียนขึ้นมาทันที'
เรวดีเริ่มคล้อยตาม เพราะเธอชอบและเชื่อเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
'สามีของดิฉันนั้นไม่เคยที่จะรับฟังคำขอร้องจากชั้นเลย
ทั้งๆที่เราเตือนด้วยความหวังดีนะ เช่นเรื่องการดื่มเหล้าก็ขอให้เค้าลดลงหน่อย
หรือเรื่องให้เวลากับชั้นบ้างในแต่ละวัน จนมาวันหนึ่ง
ชั้นได้รับการเชื้อเชิญจากเพื่อนให้ไปพบกับพ่อหมอมาโนช
ท่านแก้เคล็ดของดิชั้นด้วยการให้เลิกใส่รองเท้าส้นสูง
และเปลี่ยนมาเป็นรองเท้าบู๊ททุกครั้งที่ออกจากบ้าน ชั้นลองทำตาม แค่เพียงไม่กี่วัน
อะไรๆที่เคยขอร้องเค้า เค้ากลับให้ชั้นได้ทุกเรื่องเลย ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ'
เรวดีถึงกลับตาโต
เพราะกรณีที่เพิ่งอ่านไปนั้นมันช่างตรงกลับชีวิตของเธอเลย เธอจึงไม่รอช้าที่จะโทรไปปรึกษาพ่อหมอมาโนช
กำหนดกรรม เธอกดเบอร์โทรศัพท์ตามแผ่นพับโฆษณาในมือ
"สวัสดีค่ะ ขออนุญาติเรียนสายหมอมาโนชค่ะ"
เธอใช้กล่าวอย่างสุภาพจนเธอเองยังแปลกใจ เพราะปกติไม่ว่าเธอจะคุยกับใคร
แม้แต่กับเจ้านายมักจะใช้น้ำเสียงที่ฟังดูไม่เป็นมิตร
"กำลังพูดสายอยู่ครับ มีอะไรให้ช่วยครับ"
ผู้ที่อยู่ปลายสายตอบกลับทันที
"คือดิชั้นได้ยินเรื่องของคนอื่นที่มีปัญหาและมาปรึกษาท่าน
หลังจากนั้นปัญหาก็หมดลง จึงอยากรู้ว่าท่านพอจะช่วยเหลือดิชั้นบ้างได้มั้ยคะ"
"ได้สิ แค่บอกวันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุล
และปัญหาที่คาใจอยู่ตอนนี้มา แล้วหมอจะเอามาหาวิธีแก้เคล็ดให้
ถ้าทำตามที่หมอบอกแล้วไม่ได้ผลก็จะไม่คิดเงินเลย
แต่ถ้าได้ผลหรือเป็นไปตามที่ต้องการ ค่อยมาสมนาคุณทีหลังก็ได้"
เรวดีรู้สึกเชื่อใจหมอคนนี้มาก
เพราะท่านบอกว่าถ้าไม่ได้ผลจะไม่คิดเงิน
จึงเล่าเรื่องปัญหาของเธอกับสามีให้หมอมาโนชฟัง
วันรุ่งขึ้นเธอแต่งตัวออกจากบ้านโดยใส่ชุดคลุมยาวทั้งตัวตามที่พ่อหมอแนะนำ
และแต่งหน้าให้บางลงจนเหลือแค่รองพื้นนิดหน่อยเท่านั้น
ตามด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนตามที่หมอมาโนชแนะนำ เธอเดินออกมาที่โรงจอดรถ
ปรากฎว่าสามีเธอขับรถออกไปทำงานแล้ว เธอคิดในใจ 'นี่อาจจะยังเพิ่งเริ่มมั้งคงต้องให้เวลามันหน่อย'
เมื่อถึงตอนเย็น เรวดีขี่รถเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ
เธอไม่สังเกตุเห็นรถของสามีเธอเลยที่มาจอดไว้ก่อนหน้านี้ เธอเดินเข้าบ้าน
เหงื่อโทรมกาย กดรีโมทเปิดแอร์ ทิ้งตัวลงบนโซฟา ฝุ่นฟุ้งกระจาย
ซักพักก่อนที่ดวงตาเธอจะปิด สามีเธอตะโกนมาจากชั้นบนว่า
"ที่รัก รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็ว
ผมจองโต๊ะไว้ที่โรงแรมไว้ เราจะไปกินข้าวกันพร้อมฟังเพลงเบา
และอาจจะหาอะไรดื่มซักนิดหน่อยด้วย"
เรวดีขนลุกซู่ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มากว่า 7 ปีแล้ว
"ได้ค่า... ที่รัก"
เรวดีตอบกลับอย่่างเรียบง่ายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกระดี๊กระด๊าเพียงใด
คืนนั้นจบลงได้ด้วยดี เธอมีความสุข
"พ่อหมอคะ มันได้ผลจริงๆค่ะ
สามีของดิชั้นพาไปทานอาหารเมื่อคืนนี้ และเราก็ดื่มกันอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อ 7
ปีที่แล้วเลยค่ะ" เรวดีบอกผลลัพธ์ให้หมอมาโนชฟัง
และถามถึงวิธีการจ่ายเงินให้พ่อหมอ
"ยังไม่ต้องรีบร้อนหรอก แค่นี้มันแค่ธรรมดา
แต่ถ้าเธอทำตามที่พ่อหมอบอกอย่างเคร่งครัด
เจ้าจะได้ในสิ่งที่เจ้าก็คาดไม่ถึง" หมอมาโนชกำชับการแก้เคล็ดให้เรวดีฟัง
วันนี้วันศุกร์แล้ว เธอขอลาป่วยจากที่ทำงาน
เพราะต้องการทำในสิ่งที่หมอมาโนชบอกให้เธอทำ เธอขับรถไปที่ห้างและไปเลือกซื้อชุดเครื่องนอนสีฟ้า
ตามที่หมอมาโนชแนะนำ และรีบกลับมาเปลี่ยนในห้องนอนเธอ เรวดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เฝ้าแต่คิดว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
พอถึงเวลาเลิกงาน
เรวดีแกล้งออกไปข้างนอกเพื่อแสร้งว่าเธอเพิ่งกลับจากที่ทำงานหลังสามี
เหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง เรวดีลงจากรถ เธอเดินเข้าบ้าน เหงื่อโทรมกาย
กดรีโมทเปิดแอร์ ทิ้งตัวลงบนโซฟา ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจาย
เพราะวันนี้เธอทำความสะอาดบ้านทั้งหลังอย่างดี ตามที่หมอมาโนชแนะนำ
สามีเธอบอกให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปกินข้าว เธอและเขาออกไปกินข้าว
และดื่มจนเริ่มเมา
เธอและเขากลับถึงบ้าน เรวดีอาบน้ำเตรียมเข้านอนในห้องนอนของเธอ
สามีเธอที่แยกห้องนอนไปกว่า 5 ปีแล้วก็เข้าห้องนอนของเขาไป
เรวดีอาบน้ำเสร็จและทาครีมบำรุงผิว
ในใจก็ยิ้มกว้างกว่าปากเมื่อแอบมีลุ้นว่าคืนนี้มันคงยังไม่จบแค่นี้
ไม่ผิดจากที่เธอคิดเลย เสียงเคาะประตูพร้อมเสียงพูดของสามีเธอดังขึ้นเมื่อเธอฝันหวานจบลง
"ที่รักเปิดประหน่อยสิครับ
ผมไม่อยากนอนคนเดียวอีกต่อไปแล้ว" สำเนียงอ่อนหวานดังมาจากสามี
เรวดีค่อยๆลุกไปเปิดประตูกลบความกระดี๊กระด๊าของเธอ
คืนนั้นจบลงอย่างหวานชื่นและยาวนานกว่าที่เรวดีคาดคิด วันรุ่งขึ้นสามีเธอยังบอกว่าจะพาเธอขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน
ไปนอนค้างซัก 1 คืน พอกลับมาจากท่องเที่ยว
เธอก็โทรไปเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้หมอมาโนชฟัง
"สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใข่เกิดจากสิ่งลี้ลับ
หรือไม่มีต้นสายปลายเหตุแต่อย่างใด
เช่นการที่บอกให้เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวก็ส่งผลกระทบกับอารมณ์ของเราและเค้าด้วย
เรื่องสีก็เป็นปัจจัยหลักในเรื่องของการตัดสินใจนะ
สภาวะแวดล้อมที่ดีก็มีส่วนนะ"
พ่อหมออธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตรย์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
"อ่อ เป็นอย่างนั้นเองหรือคะ
แต่ดิชั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
ขอให้ดิชั้นทำตามที่หมอแนะนำอย่างเดียวได้มั้ยคะ
แล้วถ้าเป็นแบบนี้ชั้นต้องทำอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ"
เรวดีเริ่มกังวลว่าสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นจะมลายหายไปอย่างรวดเร็ว
"สิ่งที่บอกให้เธอทำไปนั้นมันก็คือการปรับเปลี่ยนเรื่องอารมณ์
ซึ่งอารมณ์ของคนเรานั้นก็มีขึ้นมีลงเป็นเรื่องธรรมดา"
"แล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้างคะ"
เรวดีรีบร้อนถามหมอ เหมือนกำลังจะเสียของรักไปและไม่มีวันจะได้กลับคืน
หมอมาโนชยิ้มที่มุนปากเล็กน้อย แต่เรวดีไม่สังเกตุเห็น "มันมีวิธีแก้เคล็ดวิธีนึง
มันเคยใช้ได้ผลมาแล้วหลายคน แต่มันก็เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญเหมือนกัน"
"อะไรคะคุณหมอ ดิชั้นจะยอมทำทุกอย่าง"
อาการร้อนรนของเธอเริ่มแสดงชัดขึ้น
"วิธีการก็คือ
ต้องยอมให้สามีเอาเมียน้อยเข้ามาไว้ในบ้านอีกคนนึง" หมอกล่าวอย่างสงบนิ่ง
เรวดีนิ่งไปครู่นึง
ก่อนจะถามอยากมีเหตุผลว่า"แล้วมันจะช่วยยังไงได้เหรอคะ แบบนี้"
เธอถามเพื่อถ่วงเวลาให้เธอได้คิดตัดสินว่าจะเอายังไงดี
"มันเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
ในตอนนี้เราต้องพยายามรักษาอารมณ์ของเค้าให้คงที่
อย่าให้แกว่งไกวไปจากที่เราต้องการ เมื่อเอาผู้หญิงเข้าบ้านแล้ว
ก็ให้อยู่ในถานะผู้อาศัยก็ได้ ไม่ต้องออกหน้าว่าเป็นเมียคนที่ 2 และอีกอย่างคือ ให้แยกห้องนอนเป็น 2 ห้อง
ให้สามีสลับกันนอน โดยให้นอนกับเธอ 4 วันและอีก 3 วันให้นอนกับผู้หญิงคนใหม่ เพื่อให้เธอมีอำนาจมากว่าเมียน้อย"
หมอมาโนชพยายามอธิบายอย่างรวบรัด เพื่อให้เรวดีตัดสินใจโดยไม่ต้องไตร่ตรองมากนัก
"ต้องรีบตัดสินใจแล้วนะ
เพราะหากปล่อยให้นานกว่านี้อารมณ์ของสามีอาจเปลี่ยนไปจากตอนนี้ได้"
เมื่อเรวดีถูกเร่งเร้าการตัดสินใจจึงรีบให้คำตอบ
"ตกลงค่ะหมด ดิชั้นจะทำตามนั้น"
____________________________
ในห้องอาหารของบริษัทที่สามีของเรวดีทำงานอยู่
เขาเดินเข้าไปเพื่อไปพบใครบางคนที่นั่งรออยู่แล้ว
"สำเร็จแล้วมาโนช นายแน่มากจริงๆ
ไม่เสียแรงที่เป็นถึงนักจิตวิทยาออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
ตอนนี้ข้าอยู่ติดบ้านหนึบเลย พอเลิกงานก็รีบกลับบ้านทันที ฮ่าๆๆ ยอมนอนกับเมีย 4
วัน นอนกับเมียใหม่ 3 วันก็ถือว่าโอเคอยู่นะ
ทุกฝ่ายมีความสุข"
มาโนชนั่งยิ้มอย่างภูมิใจในความสามารถของตัวเอง
"เดี๋ยวเย็นนี้มีเลี้ยงชุดใหญ่
ต้องขอบคุณเจ้าดำรงอีกคนนึง ที่ไปปั่นกระทู้หมอมาโนชให้ดูน่าเขื่อถือ"
เขาพูดถึงเพื่ออีกคนที่อยู่ร่วมขบวนการเดียวกัน
"แล้วคิวต่อไปเป็นของใครล่ะ
เดี๋ยวข้าจะรับบทหมอมาโนชเอง ฮ่าๆๆ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น