วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
เกมรักต้องลุ้น
ละมุนนอนป่วยอยู่บ้านมานาน 2 วันตั้งแต่วันจันทร์ อาการป่วยก็คือเป็นไข้หวัดธรรมดาทั่วไป และวันนี้เป็นวันหยุดวันที่ 3 ของเค้า และคาดว่าวันศุกร์อาการน่าจะดีขึ้นพร้อมไปทำงานได้แล้ว เค้าจึงโทรไปบอกที่ออฟฟิศว่าขอลางานวันพฤหัสอีกหนึ่งวัน เมื่อโทรไปสมหมายเพื่อร่วมงานบอกว่าละไมที่อยู่แผนกประชาสัมพันธ์จะเข้าไปเยี่ยมพร้อมเอาของฝากจากเพื่อนๆและเจ้านายไปเยี่ยมในวันพฤหัส
ละมุนหัวใจพองโต เค้าแอบชอบละไมมานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอกความในใจซักที เค้าคิดมาตลอดตั้งแต่แลกเจอละไมแล้วว่า เค้าและเธอต้องเกิดมาคู่กันแน่ๆ เพราะละมุนกับละไมชื่อมันช่างคล้องจองกัน ละไมเป็นโสด น่ารัก ต๊องๆเหมือนนางเอกหนังเกาหลีเบาสมอง ละมุนครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้ละไมรู้ถึงความในใจของเค้า เค้านึกมุขเด็ดขึ้นได้ ละมุนเฝ้าติดตามความสนใจของละไมมานานแล้ว ละไมเป็นคนรักสุนัข เธอชอบนั่งคุยเรื่องสุนัขกับใครก็ได้ในที่ทำงานที่ชอบสุนัขเหมือนกัน และเธอเป็นคนที่ชอบตุ๊กตาหมีด้วยเพราะรอบตัวเธอเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมี ตั้งแต่พวงกุญแจ ที่คาดผม กระเป๋าถือและเสื้อยืด เธอชอบคุยให้คนอื่นฟังว่าเธอเป็นนักสะสมตุ๊กตาหมี แต่ปัญหาคือละมุนเป็นคนที่เกลียดหมา เค้าไม่มีความรู้เรื่องหมาเลย และละมุนก็ไม่ชอบตุ๊กตาหมี เค้ามองว่ามันเป็นของสิ้นเปลือง รกบ้าน ตัวเก็บฝุ่น แต่ตอนนี้เค้าไม่สนใจแล้ว ละมุนคิดได้ดังนั้นจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวขับรถออกไปห้างใหญ่ใกล้บ้านแบบลืมป่วย
เมื่อไปถึงห้างละมุนตรงไปยังแผนกของเล่นแล้วมองไปที่มุมตุ๊กตา มองหาตุ๊กตาหมี มีตั้งแต่ราคา 200, 450, 500, 1,200 และตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าตู้เย็น 5 คิวมีราคา 2,500 เค้าไปด้อมๆมองๆซักพักก็มีพนักงานขายเข้ามาถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ละมุนบอกว่าเค้าอยากเริ่มสะสมตุ๊กตาหมี พนักงานบอกว่าตุ๊กตาหมีที่นักสะสมเค้าสะสมกันไม่ใช่แบบนี้หรอก ตุ๊กตาพวกนี้เค้าซื้อไปให้เด็กกอดเล่น พอเด็กโตก็เลิกเล่น ตุ๊กตาก็ถูกทิ้งแล้ว พนักงานขายจึงเอาโทรศัพท์มาเปิดให้ละมุนดูว่าเค้าก็เป็นนักสะสมตุ๊กตาเหมือนกัน ละมุนดูรูปและคิดว่ามันดูสวยและดูมีคุณค่ามากกว่าตุ๊กตาที่วางอยู่บนชั้นจริงๆ พนักงานขายจึงให้นามบัตรร้านขายตุ๊กตาหมีแก่ละมุน ละมุนรู้สึกดีใจมากและขอบคุณพนักงาน ละมุนขับรถออกจากห้างทันที พนักงานกดโทรศัพท์ไปยังร้านขายตุ๊กตาหมีและพูดใส่โทรศัพท์ว่า "เฮ้ยมึง กูแนะนำลูกค้าไปให้ร้านมึงได้อีกแล้วนะ เย็นนี้เจอกันที่เดิม มึงเป็นเหล้า เดี๋ยวกูเป็นกลับแกล้มเอง เออ!! ตุ๊กตาหมีไหมพรมจากตูนิเซียมาแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้สายๆเข้าไปถ่ายรูปเพิ่มเอามาเก็บเป็นคอลเลคชั่นหลอกให้ลูกค้าดู อย่าลืมค่าคอม 20 เหมือนเดิมนะ .... ไอ้บ้า 20 เปอร์เซ็นไม่ใช่ 20 บาท แล้วเจอกันที่เดิมเพื่อน อ้อ ขาวอ้วนหัวล้าน เสื้อเชิ้ตอามาร์นี่สีน้ำตาล ของแท้"
ร้านขายตุ๊กตาหมี บรรยากาศในร้านเป็นสวรรค์ของนักสะสมตุ๊กตาหมีจริงๆ มีลูกค้าเดินอยู่บ้างประปรายมีพนักงานสองคนยืนประจำตามตำแหน่งของตัวเอง ละมุนเปิดประตูเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านเห็นละมุนลักษณะตรงตามคำบอกเล่าจากโทรศัพท์ ว่าตรงกัน จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับ ละมุนบอกว่าอยากเริ่มสะสมตุ๊กตาหมี เจ้าของร้านพาละมุนเดินชมตุ๊กตารอบร้านพร้อมเชียร์ขายตุ๊กตาจากทั่วมุมโลก ละมุนหมดเงินค่าหมีไป 2 หมื่นบาท แลกกับหมีนานาชาติ 8 ตัวจากทั่วโลก ละมุนออกไปจากร้าน เจ้าของร้านดีใจที่ละมุนไม่ต่อราคาซักคำ โดยปกติลูกค้าจะขอต่อราคา ร้านจะลดราคาให้สูงสุด 30 เปอร์เซ็น
เย็นวันนั้นเจ้าของร้านนัดเจอเพื่อนพนักงานในห้างพร้อมกับบ่นอุบ "ลูกค้าแต่งตัวดีซะเปล่า ต่อราคากะให้ร้านเจ๊งเลย อะแฮ่ม" เจ้าของร้านตุ๊กตากระแอมในลำคอเล็กน้อยเหมือนมีความลับปิดบัง เพื่อนพนักงานห้างมองหน้าอย่างสงสัย "เอ้า!! ดื่มๆ แต่ขอบคุณมากนะที่ช่วยหาลูกค้า นี่ค่าคอมเอาไปเลย" เจ้าของร้านหยิบเงินที่เตรียมไว้ออกมา 4 พัน และยักแบงก์พันออกไปใบนึง "นี่ 20% ของหมื่นสี่ แถมให้อีกสองร้อย"
ละมุนคิดออกว่าเค้าต้องไปหาพวกโปสเตอร์ที่เกี่ยวกับหมาและหาพวกหนังสือเกี่ยวกับหมามาอ่านบ้าง ละมุนไปที่ร้านขายหนังสือและไปเลือกโปสเตอร์ที่เกี่ยวกับหมาที่มีคำอธิบายใต้ภาพ เค้าเลือกเฉพาะรูปที่ดูเหมือนกับเจ้าของถ่ายเองจากบ้านเพื่อให้ดูเหมือนกับเค้าถ่ายเอง เมื่อกลับมาถึงบ้านเค้ารีบตกแต่งบ้านให้ดูเป็นบ้านของนักสะสมตุ๊กตาหมี และบ้านที่เต็มไปด้วยภาพสุนัขสำหรับคนรักสุนัข เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเค้าคิดว่าแค่นี้ยังไม่พอ จึงคิดว่าน่าจะเอาไดอารี่ที่เลิกเขียนไปเป็นปีแล้วมาเขียนใหม่ให้ครบที่วันปัจจุบันและในหน้าสุดท้ายเค้าตั้งใจว่าจะเขียนตัวอักษรตัวใหญ่ๆพร้อมขีดเส้นใต้ว่า เค้าแอบชอบละไม และนำไปวางที่โต๊ะรับแขกโดยหวังว่าละไมจะเปิดอ่าน
แผนการสุดท้ายใช้เวลาในการทำถึง 2 ทุ่มและในหน้าสุดท้ายเค้าก็ได้เขียนว่าเค้าแอบชอบละไมมานานแล้ว และไม่ลืมที่จะเอาปากกาที่ใช้เขียนคั่นไว้หน้าสุดท้ายที่ต้องการให้ผู้มาหยิบอ่านเปิดเจอเป็นหน้าแรก ดึกแล้วละมุนง่วงนอนมากจึงไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน เมื่ออาบเสร็จก่อนนอนซักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ละมุนหยิบโทรศัพท์พร้อมกดรับ
"สวัสดีค่ะ นั่นคุณละมุนใช่มั้ย นี่ละไมนะ พอดีที่ออฟฟิศเค้าอยากให้ชั้นเอาของฝากจากคนในออฟฟิศมาเยี่ยมแต่พอดีว่าพรุ่งนี้ญาติชั้นจะมาจากต่างประเทศจึงต้องขอยกเลิกไปก่อน เห็นสมหมายบอกว่าอาการดีขึ้นมากแล้วนี่ งั้นไว้เจอกันที่ออฟฟิศเลยแล้วกันนะนะคะ ต้องขอโทษคุณละมุนด้วยจริงๆ บายค่ะ" ละไมพูด
เมื่อละไมวางสายไปละมุนเดินลงไปเปิดไฟห้องรับแขกที่เค้าตกแต่งไว้อย่างดีข้างล่าง อาการป่วยที่หายไปในตอนเช้ากลับมากำเริบอีกครั้งจนต้องไปหยิบยาพารามากิน 2 เม็ดก่อนนอน
รุ่งเช้าอาการเค้าไม่ดีขึ้นเลย จึงตั้งใจที่จะลางานเพิ่มอีก 1 วัน เค้าโทรไปลางานกับหัวหน้าทำให้พรุ่งนี้เค้าก็ไม่ต้องไปทำงานจนถึงวันจันทร์หน้านู่นเลย ละมุนนอนซมบนที่นอนจนถึงบ่ายจึงลุกขึ้นมาเพื่อที่จะโทรศัพท์สั่งของมากินที่บ้าน เสียงออดดังหน้าประตูบ้าน ละมุนไปเปิด ปรากฏว่าวดีเพื่อนสนิทของละไมที่อยู่แผนกประชาสัมพันธ์ด้วยกันมาเยี่ยมพร้อมเอาของฝากมาให้ เพราะเจ้านายเห็นว่าอาการยังไม่ดีเลยให้มาดู ละมุนเชิญวดีเข้าไปนั่งยังห้องรับแขก ละมุนขอตัวไปล้างหน้าแปลงฟันชั้นบนของบ้าน
ผ่านไป 20 นาที เมื่อละมุนทำธุระเสร็จ เค้าเดินลงมานั่งคุยกับวดีและเล่าว่าอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร คิดว่าวันนี้อาการยังไม่ดีขึ้นจึงขอหยุดยาวไปถึงวันจันทร์เลย
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลย หัวหน้าเค้าให้คุณละมุนพักผ่อนเต็มที่ แล้วนี่ของบำรุงร่างกาย นี่ข้าวต้มร้อนๆ เดี๋ยววดีไปเทใส่ชามให้นะ" วดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่ละมุน ละมุนมองหน้าวดีด้วยความแปลกใจ
"คุณละมุนเป็นผู้ชายที่น่าค้นหาจริง รู้มั้ยคะว่าวดีเองก็ชอบสะสมตุ๊กตาหมีเหมือนกัน วดีกับละไมชอบคุยกันเรื่องตุ๊กตาที่ตัวเองสะสมกัน (เสียงหัวเราะเล็กน้อย)" วดีเย้าหยอกละมุนเหมือนสนิทสนมกันมาก่อนทั้งๆที่ความจริงไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่
วดีขออนุญาตละมุนถ่ายรูปตุ๊กตาหมีและภาพถ่ายสุนัขที่ละมุนติดไว้เต็มบ้าน ละมุนอนุญาต วดีถามถึงประวัติของตุ๊กตาหมีว่าเดินทางมาจากประเทศไหนบ้าง มันทำจากวัสดุอะไร ละมุนตอบปัญหาวดีได้ครบทุกข้อเพราะเค้าจำคำอธิบายสรรพคุณจากปากของเจ้าของร้านขายตุ๊กตาได้หมดทุกตัวอักษร จากนั้นวดีเดินไปที่รูปสนุขพันธ์ชิวาว่าลายน้ำตาลสลับขาว ภาพสุนัขที่ละมุนเอามาติดเป็นภาพสุนัขที่ถ่ายจากทางบ้าน ละมุนเลยโม้ไปว่าสุนัขตัวนี้ชื่อดอลล่าร์ เป็นสุนัขที่เค้าเคยเลี้ยงไว้
“นี่คือเจ้าดอลล่าร์ ชิวาว่าเพศเมียที่ผมเคยเลี้ยงมันไว้ แต่ตอนนี้ต้องยกมันไปอยู่กับเพื่อนผมแล้วเพราะสงสารมันที่อยู่ตัวเดียวเวลาที่ผมออกไปทำงาน ครอบครัวของเพื่อนเป็นครอบครัวใหญ่มีคนดูแลเจ้าดอลล่าร์ตลอดเวลา แต่ผมก็ไปเยี่ยมมันประจำทุกเดือนนะ ที่เลี้ยงมันไว้เพราะเวลาผมกลับมาจากที่ทำงานก็รู้สึกเหงา ได้เจ้าดอลล่าร์อยู่เป็นเพื่อน” ละมุนจ้องไปที่รูปภาพสุนัขบนผนังและแกล้งเอาปลายนิ้วชี้ขยี้บริเวณที่ต่อมน้ำตาเพื่อให้มีน้ำตาคลอเล็กน้อย ความจริงแล้วเค้าตั้งใจว่าจะเก็บการแสดงนี้ไว้ใช้กับละไมเพื่อให้เธอได้รู้ว่าเค้าเหงาเพียงใดเวลากลับจากที่ทำงาน
“โรแมนติกจริง แล้วคุณละมุนมีแรงบันดาลใจอะไรให้สะสมตุ๊กตาหมีคะ” วดีถาม
“ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ครอบครัวผมก็ไม่ถึงกับยากจนมากนักแต่ก็ไม่ได้มีเงินเหลือพอที่จะไปซื้อของเล่นให้ผมเล่น ของเล่นชิ้นแรกที่ผมได้รับเป็นตุ๊กตาหมีใช้แล้วของพี่ข้างบ้านที่เค้าทิ้งเพราะได้ตุ๊กตาตัวใหม่และใหญ่กว่า พ่อผมจึงไปขอมาให้ผมเป็นของเล่น เมื่อผมเห็นตุ๊กตาหมีเมื่อไหร่ผมมักย้อนนึกถึงบ้าน และความอบอุ่นจากครอบครัวที่มีให้ผมทุกครั้ง”
ละมุนขยี้ที่ต่อมน้ำตาแรงขึ้นเพื่อเร่งให้น้ำตาคลอเบ้าเยอะขึ้น เค้าเสียดายเพราะตั้งใจจะเก็บการแสดงทั้งสองนี้ไว้กับละไม แต่ละมุนคิดว่าถ้าไม่ใช้การแสดงตอนนี้ก็คงไม่ได้ใช้อีกเลย อุตส่าห์ซ้อมบทมา
“คุณละมุนเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นจริงๆ”
วดีขอตัวกลับก่อน แต่ก่อนกลับก็หยอกใส่ละมุนไปอีกหนึ่งประโยค "ดูและตัวเองดีๆนะคะ ก่อนที่จะไปดูและคนอื่น (เสียงหัวเราะเล็กน้อย)" ละมุนรู้สึกแปลกๆ เค้าไม่เคยคิดอะไรกับวดีเลย
เช้าวันจันทร์อาการป่วยของละมุนหายสนิท เค้าเดินออกจากบ้านแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปดูตุ๊กตาหมีกับรูปภาพสุนัขที่ติดไว้เต็มบ้าน เค้าเริ่มที่จะชอบตุ๊กตาหมีแล้ว ภาพสุนัขทำให้เค้ามีความสุขเวลาที่มองมัน เมื่อไปถึงที่ทำงานเค้าเดินผ่านโต๊ะประชาสัมพันธ์ที่ทั้งละไมและวดีนั่งคู่กัน วดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่ละมุนแบบออกหน้าออกตา ละไมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยและมองมาทางเค้า สิ่งนั้นนั่นเองที่ทำให้ละมุนยิ้มตอบ
ในห้องทำงานของละมุนเค้าขะมักเขม้นเคลียร์งานที่ค้างไว้ เสียงเคาะประตูดัง วดีเปิดประตูเข้ามากล่าวทักทายเล็กน้อยพร้อมยื่นกระดาษที่พับไว้ให้กับละมุนและรีบเดินออกจากห้องอย่างเขินอาย ละมุนคิด เอาแล้วไงกู แต่ก็ไม่วายรีบเปิดอ่าน ใจความในจดหมายมีดังนี้
"ชั้นรู้สึกปลื้มคุณละมุนมานานแล้วแต่ไม่กล้าเผยความในใจออกไป ยิ่งเมื่อรู้ว่าคุณละมุนชอบสะสมตุ๊กตาหมีเหมือนกันก็ยิ่งทำให้อยากเผยความในใจมากขึ้นทุกที และคุณละมุนคงจะมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับสุนัขเยอะแน่ๆ ว่างๆจะมาขอความรู้หน่อยนะคะ" วดีชอบหมาด้วยเหรอ ละมุนคิด "แต่จริงหรือเปล่าคะที่คุณละมุนเขียนในไดอารี่ว่าแอบชอบชั้นมานานแล้ว ถ้ามันเป็นเรื่องจริงมันก็วิเศษที่สุดเลยนะคะ" ละมุนคิดในใจต่อ เค้าเขียนว่าชอบละไมต่างหากละไม่ใช่วดีซักหน่อย เอ๊ะ! แต่เค้าก็ระบุชื่อไปแล้วนี่ว่าเค้าแอบชอบละไม ละมุนดูที่ชื่อลงท้ายจดหมาย ‘ละไม’ ละไมหรือนี่ละไมแอบชอบชั้นเหมือนกันหรือ เราไปอยู่ที่ไหนกันมา "ปล. ต้องขอโทษแทนวดีด้วยนะคะที่ไปแอบอ่านไดอารี่ของคุณละมุน และเอาเรื่องนี้มาบอกชั้น วดีเล่าเรื่องเจ้าดอลล่าร์ให้ชั้นฟังด้วยค่ะ แล้วเราไปเยี่ยมเจ้าดอลล่าร์ด้วยกันนะคะ เรื่องราวในอดีตของตุ๊กตาหมีตัวแรกของคุณละมุนที่วดีเล่าฟังดูอบอุ่นมากเลยค่ะ" ละมุนจะรู้สึกโกรธวดีมากกว่าถ้าวดีไม่เปิดอ่านไดอารี่ของเค้าที่เขียนเรื่องราวย้อนหลังทั้งปีภายในคืนเดียว และรู้สึกขอบคุณวดีที่เอาการแสดงของละมุนไปถ่ายทอดให้วดีฟัง เย็นนี้ละมุนตั้งใจว่าจะไปที่ฟาร์มสุนัขเพื่อหาชิวาว่าที่มีลักษณะเดียวกันกับภาพสุนัขที่ติดอยู่ในบ้านของเค้าเอง และเตรียมตั้งชื่อให้มันไว้แล้วว่า “เจ้าดอลล่าร์”
ละมุนพูดออกมากับตัวเองอย่างสะใจ "ก็บอกแล้วไงว่ายังไงก็ละมุนละไม ๕๕๕ "
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
นักโทษคนสุดท้าย
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมวลมนุษยชาติ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนสมัยก่อนนั้นดำเนินชีวิตอย่างไร เป้าหมายของชีวิตคืออะไร และเกิดมาเพื่ออะไร...
-
โต๊ะอาหารภายในบ้านบรรยากาศแสนอบอุ่น คุณปู่หัวเราะร่ายิ้มรับกับเพื่อนวัยใกล้เคียงกันที่นั่งข้าง ๆ กลุ่มชายหญิงอายุวัยกลางคนได้แต่นั่ง...
-
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมวลมนุษยชาติ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนสมัยก่อนนั้นดำเนินชีวิตอย่างไร เป้าหมายของชีวิตคืออะไร และเกิดมาเพื่ออะไร...
-
นายอินและนายสมเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี นายอินไม่ค่อยจะชอบหน้านายสมเท่าไหร่นัก เพราะนายสมชอบเอารัดเอาเปรียบนายอินตลอดเวลา แต่ทั้งคู่ก็ยั...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น