วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คนแปลกในคืนเปลี่ยว






ผมรีบจับแท๊กซี่ยังไปโรงแรมเดอะฮุคเพื่อไปยังไนท์คลับเล็กๆชั้นใต้ถุนโรงแรม ไนท์คลับมีนักดนตรีเพลงแจ๊ซขับร้องพร้อมเปียโนบรรเลง ฝนตกช่วงหัวค่ำหลังเลิกงานไปสองชั่วโมงทำให้ท้องถนนในเมืองกรุงติดถนัดคล้ายกับรถทุกคันพร้อมใจกันจอดรถไว้นิ่งๆ แต่ยังพอมีเวลาผมเผื่อไว้แล้ว ผมนัดเจอกับเธอทุกๆวันศุกร์ ส่วนสถานที่แล้วแต่เธอจะกำหนด


ผมยังจำได้ในคืนวันแรกที่เจอเธอโดยบังเอิญที่บาร์แห่งหนึ่ง เธอนั่งเพียงคนเดียวหน้าบาร์ ในคืนนั้นผมแอบนั่งมองเธออยู่นานแสนนานจากโต๊ะข้างหลังก่อนที่จะย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเธอ สายตาของเราเหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน เราทั้งคู่ไม่พูดอะไรแม้แต่จะเอ่ยถามชื่อ เราสองคนดื่มจนเมามาย สุดท้ายของคืนนั้นจบลงที่คอนโดของผม เราร่วมรักกัน


ในตอนเช้าของทุกวันเสาร์ เธอแต่งตัวด้วยชุดเดิมออกไปจากคอนโดก่อนที่ผมจะตื่นพร้อมทิ้งโน๊ตสั้นๆบอกถึงสถานที่นัดหมายในศุกร์ถัดไป ผมและเธอมีอะไรที่เหมือนกันคือ ผมมีภรรยาแล้ว และเธอก็มีสามีแล้ว สาเหตุที่ทำให้เราทั้งสองได้มาเจอกันอาจะเป็นเพราะเราทั้งสองอาจต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆเพื่อเจอคนใหม่ๆ สำหรับผมนี่ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย


แสงไฟสาดส่องใบหน้าอันเรียว คิ้วที่วาดเป็นวงโค้งรับกับดวงตากลมโต จมูกเป็นสัน ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ผมหยิกยาวเข้ากับรูปหน้า ผิวเธอสองสีเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟทำให้ดูโดดเด่น เธออายุเข้าสู่วัยกลางคนแล้วแต่รักษาหุ่นได้ดีเหมือนนางแบบมืออาชีพ ต่างกับผมที่แม้หน้าตาผมยังคมหล่อเหลาในวัยอายุเข้าเลขสี่ แต่หุ่นที่ไม่เคยได้รับการดูแลมานานมากทำให้หน้าท้องเริ่มย้อย แขนขาหน้าอกไร้ซึ่งกล้ามเนื้อ หากอยู่ในชุดทำงานหรือชุดสูทก็ยังพอปกปิดได้บ้าง ผมจึงเลือกที่จะใส่สูทเวลานัดพบเจอเธอทุกครั้ง


"คืนนี้เราเจอกันครั้งที่ 7 แล้วนะครับ ทุกครั้งที่เจอกันก็แค่คืนวันศุกร์ เป็นไปได้มั้ยที่เราจะนัดเจอกันวันอื่น เวลาอื่น เพื่อไปยังสถานที่อื่นๆบ้าง" ผมพูดนำ้เสียงออดอ้อนเหมือนวัยเด็กที่อ้อนร้องขอของเล่น


"จะดีเหรอคะ การมาเจอกันในสถานที่ลับตาผู้คนแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายมากกว่า" หญิงสาวไม่รับข้อเสนอโดย


ง่าย ผมไม่ยอมแพ้


"ผมอยากมีเวลาอยู่กับคุณให้มากกว่านี้ เราควรทำกิจกรรมอื่นร่วมกันบ้างเพื่อให้ทั้งคุณและผมได้รู้จักกันมากกว่านี้" ผมพูดพร้อมจ้องมองดูที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ รอยจางบ่งบอกถึงว่าเธอเคยสวนแหวนที่นิ้วแม้มันจะจางจนแทบมองไม่เห็นแต่ผมก็รู้ว่าเคยมีแหวนสวมอยู่



"ฉันมีความสุขแล้วค่ะกับสถานที่แบบนี้ เวลาแบบนี้" เธอปฏิเสธผมอย่างนุ่มนวลพร้อมซบหัวมาที่ไหล่ข้างซ้ายของผมบนโซฟาสำหรับนั่งสองคน ผมไม่พูดอะไรต่อได้แต่หันไปจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ ค่ำคืนนั้นเรากับไปต่อที่คอนโดของผม เราดื่มเหล้าและนอนด้วยกันบนเตียง


ผมแต่งงานกับชลดามา 7 ปีแล้ว ว่ากันว่าคู่แต่งงานที่อยู่ด้วยกันเกิน 7 ปี มีแนวโน้มอย่างมากที่อยู่ด้วยกันไปตลอดรอดฝั่ง หากชลดาไม่จากผมไปเมื่อ 3 ปีก่อน ผมคงไม่ต้องทนเหงาอยู่แบบนี้


"ชลดา คุณไม่อยู่บ้านเหรอตอนนี้ แล้วจะกลับบ้านกี่โมงกัน" ผมโทรหาเธอเมื่อกลับถึงบ้านแต่ไม่เจอใคร


"นี่คุณไม่สังเกตุเหรอว่าชั้นออกจากบ้านหลังนั้นมาเป็นเดือนแล้ว ทำไมเพิ่งจะโทรมา ตลอดเวลาหนึ่งเดือนมานี่คุณได้กลับบ้านบ้างมั้ย" ชลดาตอบ


"ผมก็กลับบ้านทุกวัน แต่อาจจะดึกไปบ้าง คุณก็รู้ว่าหน้าที่ความรับผิดชอบผมเยอะแค่ไหน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องเตรียมสร้างอนาคตให้ครอบครัวเรา ผมทำทุกอย่างก็เพื่อคุณนะ บางวันผมไม่เห็นคุณก็นึกว่าออกไปเที่ยวหาเพื่อนบ้างหรือออกไปข้างนอก" ผมตัดพ้อที่เธอเหมือนจะจากผมไป


"หายไปวันสองวันยังพอว่า แต่คุณเห็นชั้นหายไปเป็นเดือนเพิ่งจะโทรหา งานคงสำคัญกับคุณมากกว่าชั้น ถ้าอย่างนั้นก็ไปแต่งกับงานเลยแล้วกัน ตอนนี้ชั้นออกมาอยู่กับพ่อแม่ มีความสุขดี คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ลาก่อนที่รัก" ชลดากดสายโทรศัพท์ผมทิ้ง



ตลอดเวลา 3 ปีที่ไม่มีชลดา ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรกับชีวิตดีนอกงานทำงาน งานแล้วก็งาน ชีวิตผมเริ่มกลับมาชุ่มชื้นเหมือนสมัยเมื่อยังเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเมื่อพบเธอใน 7 สัปดาห์ก่อน


"นี่เป็นนัดครั้งที่ 8 แล้วนะครับ" นัดครั้งนี้สถานที่เปลี่ยนเธคกึ่งผับแห่งหนึ่ง เหมือนเดิมผมสวมชุดสูทมาพบเธอ เรานั่งกันที่โซฟา เสียงดังจากดนตรีทำให้เวลาจะพูดคุยกันแต่ละทีต้องคุยกันข้างหู จึงเป็นทีที่ผมนั่งสวมกอดเธอไว้เพื่อสะดวกเวลาที่จะพูดคุยกันเพียงแค่แนบหน้าไปยังข้างหูของอีกฝ่าย บรรยากาศที่แสงน้อยและเรานั่งอยู่ในมุมที่ไม่มีคนเดินผ่าน จึงไม่เคอะเขินที่ผมจะจูบที่ริมฝีปากเธออย่างดูดดื่มเป็นครั้งคราว ผมเริ่มพูดเมื่อจูบแรกผ่านไป


"ค่ะ ทั้ง 8 ครั้งชั้นมีความสุขทุกครั้งเลยค่ะ คุณล่ะคะ" ด้วยนำ้เสียงอ่อนหวานทำให้ผมหลงเสน่ห์เธอมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเธอมีความสุข


"แน่นอนครับ ผมมีความสุขอย่างแน่นอน เป็นไปได้มั้ยที่วันพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกันตอนกลางวัน ผมอยากไปกินข้าวเช้ากับคุณ อยากพากคุณไปเดินช๊อปปิ้ง กินอาหารกลางวันในร้านสวยๆอาหารดีๆ ไปดูหนัง ดินเนอร์ด้วยร้านอาหารที่เปิดเพลงเบาๆ และผมอยากพาคุณไปนอนดูดาวที่ทะเลใกล้ๆ" ผมพยายามพูดให้ดูน่าสนใจเผื่ออีกฝ่ายจะรับข้อเสนอ


"ฟังดูน่าสนใจค่ะ แล้วชั้นจะให้คำตอบอีกทีนะคะ สำหรับตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ชั้นยังไม่อยากคิดเรื่องของวันพรุ่งนี้" เธอใช้มือทั้งสองข้างโอบรัดที่ตัวผมแรงขึ้น ใบหน้าซุกไซร้ที่แผ่นอกของผมแนบแน่น ผมชำเลืองมองหน้าเธอที่หลับตาพริ้มเหมือนลูกแมวน้อยที่นอนซุกไซร้หาไออุ่นจากแม่แมว มุมปากเธอมีรอยยิ้มแฝง


เหล้าหมดไปครึ่งขวดแล้ว เวลาเริ่มดึก ฟลอร์เต้นรำคนเริ่มพลุกพล่าน เธอลุกขึ้นโดยพลันฉุดมือผมลุกขึ้นไปยังฟลอร์เต้น ผมยื้อยุดเล็กน้อยเพราะผมเริ่มประหม่าที่จะออกไปเต้นท่ามกลางผู้คน แรงดึงจากเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ผมตัดสินใจปล่อยตัวไปตามแรงฉุด และแรงดึงดูดจากตัวเธอ แต่ไม่ลืมที่จะถอดเสื้อนอกออกเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตผูกไทด์


คู่หนุ่มสาวยืนโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่เร็วและสนุก ผมเริ่มต้นด้วยการยืนต่อหน้าเธอ จ้องไปที่หน้าเธอ ผมเริ่มเมาแล้วพร้อมที่จะทำอะไรบ้าๆอย่างที่คนวัยอย่างผมน้อยคนนักจะกล้าทำกัน ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่ออกมาเต้นรำกลางฟลอร์ดิสโก้เธคผ่านมากี่ปีแล้ว มือเท้าผมแข็งไปหมดโชคดีที่เธอเต้นนำ ผมตาม ด้วยจังหวะดนตรีที่เร้าใจปนผลจากแอลกอฮอลล์ที่ดื่มเข้าไป ผมเต้นสนุกสุดเหวี่ยง ปล่อยกายใจไปตามอารมณ์ สิบกว่าปีที่ผ่านมานี่ผมมัวไปทำอะไรอยู่ บนโลกเรานี้มีอะไรให้ค้นหาให้สนุกอีกมากมาย


เราสองคนกลับมานั่งที่โต๊ะ กับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายอย่างผมพอได้ออกแรงนิดหน่อยก็ทำให้หัวใจเต้นแรงได้ แต่ผมเริ่มไม่แน่ใจที่หัวใจเต้นแรงเพราะได้ออกไปเต้นหรือหัวใจเต้นแรงเพราะอยู่ใกล้ๆเธอกันแน่ เหงื่อของผมเปียกออกมาเต็มตัว เหงื่อเธอมีเล็กน้อย กลิ่นกายของแต่ละคนดึงดูดฝ่ายตรงข้ามให้เข้าหากัน


เธคใกล้ปิดแล้ว เวลาตอนนี้ยังแค่เที่ยงคืน ผมไปดื่มเหล้ากับเธอต่อที่ร้านอาหารเล็กๆใกล้คอนโดของผม เป็นร้านธรรมดาไม่มีเพลงเปิด บรรยากาศในร้านคนคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานทั่วไป ผมไม่ได้มาสถานที่แบบนี้นานมากแล้ว


"คุณเคยมาสถานที่แบบนี้ด้วยเหรอคะ ถ้ารู้ว่าคุณชอบแบบนี้ต่อไปชั้นจะได้นัดคุณมาร้านแบบนี้ดีกว่า" ผู้หญิงที่ผมหลงเสน่ห์เอ่ยถาม


"ผมไม่ได้มาเที่ยวที่แบบนี้นานแล้วครับ เมื่อได้กลับผมรู้สึกว่าที่นี่กับร้านแพงๆมันไม่ได้มีอะไรที่ต่างกันเลย จะต่างก็ต่างกันที่ราคา ไม่ว่าจะนั่งร้านแบบไหนความสุขที่ได้นั่งดื่มกินมันขึ้นอยู่กับว่าเรานั่งกับใครมากกว่าครับ ถ้าผมได้นั่งกินข้าวกับคุณทุกคืน ต่อให้เป็นนั่งกินที่บ้านผมก็ว่ามีความหมายกว่าสถานที่แพงๆเป็นไหนๆ" ผมบรรยายความรู้สึกที่ออกมาจากใจ


"แหม! ทำเป็นพูดดีไป" หญิงสาวเขินอาย


"คำขอวันพรุ่งนี้ว่ายังไงครับ ผมรอคำตอบอยู่" ผมถาม


"มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ค่ะ " เธอตอบ


"ครับ" ผมรับคำ พร้อมยกแก้วเหล้า เหล้าไทยราคาถูกผมยกดื่มอย่างลื่นคอ คืนนี้จบลงที่เดิม แต่เช้าวันใหม่ผมตื่นมาพร้อมเธอ ผมตื่่นเร็วกว่าปกติในวันหยุด พาเธอไปกินอาหารเช้าในตลาดโต้รุ่งใกล้ที่พัก


"ปกติคุณมากินอาหารแบบนี้บ่อยมั้ยคะ" เธอถาม


"ไม่ครับ ผมไม่เคยมายังตลาดที่นี่ตอนเช้าเลย ไม่รู้จริงๆว่ามีของขายในสถานที่แบบนี้ด้วย ปกติผมตื่นเช้าก็ตรงไปทำงานเลย ถ้าเป็นวันหยุดผมจะนอนจนถึงบ่ายๆและตื่นไปห้าง" ผมตอบตามความจริง


"แต่ต่อไปผมคงตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาหาอะไรกินที่ตลาด" ผมตอบอีกครั้ง


"ดีค่ะ เป็นเรื่องที่ดี" เธอตอบ


เมื่อกินเข้าเสร็จเราเดิน


"สร้อยพร้อมจี้เส้นนี้เหมาะกับคุณ ผมซื้อให้คุณแทนคำขอบคุณของผมที่คุณยอมออกมาเดินเที่ยวห้างกับผมในครั้งนี้" ผมหยิบสร้อยในตู้โชว์ของร้านก่อนจะปลดตะขอและสวมไว้ที่คอของเธอ


"ขอบคุณมากค่ะ คุณช่างตาแหลมจริงๆ เลือกสร้อยที่สวยที่สุดในร้านออกมาได้" เธอตอบ


"เดี๋ยวเราขึ้นไปเลือกดูโปรแกรมหนังกันเถอะ อาทิตย์นี้มีหนังเข้าโรงใหม่ๆหลายเรื่องเหมือนกันนะ" ผมชวนเธอ


"กว่าจะถึงเวลาที่หนังฉายยังอีกนาน เราไปทานมื้อเที่ยงกันก่อนดีกว่าครับ" ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่ว และตอนนี้เที่ยงตรงพอดีผมเลยชวนเธอไปทานข้าว


"หนังสนุกมากเลยค่ะ เสียดายที่ตอนท้ายทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน" หลังดูหนังจบเราทั้งคู่คุยถึงภาพยนตร์ที่เราเพิ่งดูกันมา


"ผมว่าเค้าผูกเรื่องได้ดีนะ สร้างได้สมจริงดี ทุกอย่างบนโลกนี้มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่เราอยากจะให้เป็น" ผมพยายามพูดให้ดูเท่ๆเข้าไว้


"ผมขออนุญาติพาคุณไปทะเลนะครับ เราจะไปดินเนอร์กันที่ริมชายหาด และเราจะนอนดูดาวด้วยกัน" ผมชวนเธอไปทะเลใกล้ๆ ผมขับรถออกจากเมืองตอนเวลาประมาณบ่ายสามโมง กว่าจะไปถึงทะเลก็หัวค่ำพอดี


โชคดีที่วันนี้การจราจรค่อนข้างจะคล่องตัว ผมขับรถไปเรื่อยๆด้วยความเร็วไม่มากนัก ระหว่างทางเราพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานและวางแผนการของคืนนี้ไว้แล้ว


เราตะเวนหาที่พักที่มีบรรยากาศตามที่เราต้องการ ในที่สุดก็เจอบังกะโลที่พัก ค่าห้องที่นี่ไม่แพง ที่นี่แลดูเป็นธรรมชาติมาก ผมและเธอตกลงว่าจะพักค้างคืนกันที่นี่


หลังจากเก็บของ และอาบน้ำเสร็จ ผมแต่งตัวเพื่อจะออกไปหาร้านอาหาร แต่วันนี้ผมเลือกที่จะใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เธอเช่นกันที่แต่งตัวสบายๆโดยสวมชุดเดรสยาวสีส้มลูกกวาด รวบผมด้วยผ้าคาดผมสีเดียวกันกับชุด สวมกำไรลูกปัดสลับสี และสร้อยพร้อมจี้ที่ผมซื้อให้เธอ


เราสั่งอาหารทะเล เครื่องดื่มวันนี้ผมเลือกเป็นไวน์ขาว พอสั่งอาหารและเครื่องดื่มเสร็จ ผมมองไปที่บนเวที นักดนตรีร้องพร้อมเกากีตาร์เพลง Have I Told You Lately เมื่อจะเริ่มตั้งใจฟัง บทเพลงก็มาถึงเนื้อร้องท่อน


You fill my life with laughter


And somehow you make it better


Ease my troubles that's what you do


There's a love that's divine ......


ผมกุมมือเธอแน่นและตั้งใจฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์


"พรุ่งนี้เป็นอาทิตย์ คุณคิดว่าเราควรจะพักผ่อนต่อที่นี่อีกวันดีมั้ย พรุ่งนี้เราจะได้เล่นน้ำกัน หรืออาจจะหาเช่าสกูตเตอร์มาขี่ ตอนเย็นถ้ายังไม่อยากกลับก็นอนต่อที่นี่อีกหนึ่งคืน คุณคิดว่ายังไงครับ" ผมถามเพราะอยากต่อเวลาอยู่กับเธอให้มากขึ้น


"วันจันทร์คุณไม่ต้องรีบไปทำงานเหรอคะ ถ้าไม่ไปทำงานบริษัทไม่ว่าอะไรคุณเหรอ" เธอถาม


"ผมไม่แคร์ ผมคิดว่ากำลังจะลาออกจากบริษัทบ้าๆนั่นอยู่พอดี" ผมตอบตามความเป็นจริง


"ทำไมล่ะคะ มีปัญหาอะไรกับที่ทำงานหรือเปล่า" เธอถาม


"ผมคิดว่าอยากให้เวลากับตัวเองและคนรอบข้างให้มากกว่านี้ครับ งานของผมถึงแม้จะได้เงินเยอะ เงินเดือนที่ได้ก็คุ้มค่ากับแรงงานที่เราทำบางทีก็เกินคุ้มซะอีก แต่ผมอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากว่านี้ อยากลองไปทำอะไรใหม่ๆ เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ อยากอยู่กับคนที่ผมรักตลอดเวลา" ผมอธิบายแรงปรารถนาให้เธอฟัง


"โรแมนติกจัง" รอยยิ้มของเธอทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่มอง


เราทานอาหารเสร็จ ไวน์หมดไปหนึ่งขวด จากนั้นเรากลับไปยังบังกะโลที่พักของเรา สาเหตุที่เราเลือกพักที่นี่เพราะบังกะโลอยู่ติดชายหาด และยังมีเตียงนอนด้านนอกของห้องให้เราสามารถนอนฟังเสียงคลื่นที่ชายหาดพร้อมมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าได้ด้วย


เรานอนกันคนละเตียงแต่ผมก็เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ นอนโดยไม่พูดอะไรตาจ้องมองที่ดวงดาวบนฟ้า หูรับฟังเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง ใจเราล่องลอยเหมือนกับทั้งโลกนี้มีแค่เราสองคน


"คุณครับผมมีเรื่องนึงที่อยากจะบอก" ผมทำลายความเงียบด้วยการชงคำถาม


"เชิญค่ะ" เธอรับฟัง


"หากคุณไม่รังเกียจ กรุณาแต่งงานกับผมได้มั้ยครับ" ผมพูดขณะที่ตายังจ้องบนท้องฟ้า สักพักผมหันหน้าไปมองหน้าเธอก่อนจะพูดอีกครั้งว่า


"ไม่สิ ช่วยแต่งงานกับผมอีกรอบได้มั้ยครับ ชลดา" ผมถามอย่างเปิดเผย


"ตกลงค่ะคุณเมธาวี" เธอตอบ


------------------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น